วันก่อนได้มีโอกาสไปเดินเล่นแถวตลาดน้อย พร้อมควงสาวสวยไปลองกล้อง Galaxy Note 10+ และ iPhone 11 Pro สองสมาร์ทโฟนที่หลายคนน่าจะให้ความสนใจกันที่สุดในช่วงนี้ ซึ่งครั้งนี้จะไม่ขอพูดพร่ำทำเพลงเยอะเรื่องสเปค แต่อยากจะเอาประสบการณ์ใช้งานและภาพที่ได้เอามาให้เพื่อนๆได้ดูเทียบกันชัดๆด้วยตาตัวเอง ว่าชอบแบบไหนมากกว่ากัน พร้อมคอมเมนต์ส่วนตัว ซึ่งเห็นด้วยไม่เห็นด้วยยังไงมาคุยกันได้ครับ

ภาพที่แสดงทั้งหมดเป็นไฟล์ที่ไม่มีการปรับแต่งสี หรือรีทัชเพิ่มเติม มีเพียงลดความละเอียดลงเท่านั้น ภาพเรียงเป็น Galaxy Note10+ ก่อน iPhone 11 Pro เสมอ (เรียงตามลำดับอักษร) สามารถดูภาพแบบเต็มความละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Google Photos เลยนะครับ ซึ่งจะมีภาพตัวอย่างเพิ่มเติมบางส่วนด้วย ครั้งนี้จะขอยังไม่เทียบเรื่องวิดีโอนะครับ ไม่งั้นจะยาวเกินแน่ๆ ถ้ามีพลังเหลือไว้จะมารีวิวให้อีกรอบ หรือรวบไปทำคู่กดับ Mate 30 ให้ต่อไปครับ

Google Photos Fullres

 

สเปคกล้อง Galaxy Note 10+ vs iPhone 11 Pro

Galaxy Note 10+iPhone 11 Pro
Wide12MP (f/1.5, f/2.4), OIS12MP (f/1.8), OIS
Ultra Wide16MP (f/2.2)12MP (f/2.4)
Tele12MP (f/2.1), OIS12MP (f/2.0), OIS
DeptVGA (f/1.4)
Front10MP (f/2.2)12MP (f/2.2), TrueDepth

Play video

เลนส์หลักระยะ Wide : iPhone ติดเหลืองแต่ยังสวย เก็บช่วงแสงได้กว้างกว่า

Galaxy Note 10+ iPhone 11 Pro

กล้อง iPhone 11 Pro หลายคนจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าจะมีอาการติดเหลืองอยู่พอสมควร ส่วน Galaxy Note10+ ถ้าไม่เปรียบเทียบก็มีคนบอกว่าเหลือง ซึ่งเทียบกับ iPhone 11 Pro แล้วเป็นสีดูติดฟ้าติดแดงแบบเบาๆไปเลย ในเรื่องความคมชัดตอนที่แสงดี เป็นเรื่องที่ตัดสินยากมากจริงๆ ว่าจะให้ใครสวยกว่า คงแล้วแต่ความชอบว่าโทนสีของ Note หรือ iPhone ที่โดนใจมากกว่าละ โดยเลนส์นี้น่าจะเป็นเลนส์ที่ถูกเลือกใช้งานมากที่สุดในสามเลนส์แล้ว ลองไปดูกันครับ

iPhone 11 Pro ภาพเหมือนติด HDR ให้ในทุกรูป

Galaxy Note10+ iPhone 11 Pro

ลองสังเกตพื้นที่ของภาพที่เป็นส่วนสว่าง หลายภาพที่ iPhone 11 Pro ถ่ายมา จะมีการเก็บรายละเอียดของภาพที่อยู่บริเวณแสงจัดๆ ออกมามากกว่า Galaxy Note10+ จนทำให้ดูภาพรวม iPhone 11 Pro มี Dynamic Range ที่กว้างกว่า แต่ในทางกลับกัน ภาพจาก iPhone 11 Pro ก็จะดูมืดลงกว่า Galaxy Note10+ เล็กน้อยด้วย

 

Galaxy Note10+ ก็ติดเหลืองเป็น ในขณะที่ iPhone สีตุ่นไปเลย

Galaxy Note10+ iPhone 11 Pro

ไม่ใช่ว่า iPhone จะติดเหลืองไปซะทุกรูป มันก็มีอยู่บ้างที่ Galaxy Note10+ มีติดเหลืองออกมา แต่เท่าที่สังเกตจะเป็นการเร่งสีของทาง Galaxy Note ในสภาพแสงน้อย ดึงความอิ่มสีขึ้นมา ส่วน iPhone จะปล่อยไปและทำให้สีมันดูตุ่นลงไปทันตาเห็นเลย

 

เราอาจจะได้เห็น iPhone 11 Pro วัด W/B ผิดได้ในบางครั้งคราว และแน่นอนว่าจะติดเหลืองเขียวไปแบบสุดๆ ดังเช่นตัวอย่างในภาพนี้ที่เป็นประตูสีแดงเก่าขึ้นสนิม ซึ่ง Galaxy Note ทำออกมาได้ดีกว่าและตรงกว่า iPhone นั่นเอง

ถ่ายภาพแสงน้อย – กลางคืน : Galaxy Note10+ ยังกินอยู่นิดหน่อย

Galaxy Note10+ iPhone 11 Pro

iPhone 11 Pro มาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพกลางคืนเหมือนใครๆเขาแล้ว ซึ่งความสว่างความสวยงามที่ได้ก็ขึ้นกับความชอบของแต่ละคนอีกเช่นกัน แต่ส่วนตัวจะชอบโทนสีของ Galaxy Note10+ มากกว่าที่ให้ความอิ่มของสีและสีสันที่ใกล้เคียงกับบรรยากาศจริงมากกว่า อย่างไรก็ดีปัญหานึงที่เจอคือ Galaxy Note10+ จะสั่นได้ง่ายกว่ามาก ต่างจาก iPhone 11 Pro ที่ภาพแสงน้อยจะได้ความคมที่ดีกว่าเยอะ

 

หลายคนอาจจะถูกใจกับโหมดถ่ายโบเก้ของ Note 10+ ที่เปลี่ยนไฟฉากหลังตอนกลางคืนให้กลายเป็นวงใหญ่ดูสวยเหมือนถ่ายจากกล้องโปร่เลยนั่นเอง

เราขอจบเรื่องถ่ายแสงน้อย – กลางคืนเอาไว้เท่านี้ก่อน แล้วไปต่อที่ Ultra Wide ซึ่งจะเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนขึ้นมาก

เลนส์อัลตร้าไวด์

Galaxy Note10+ iPhone 11 Pro

เลนส์อัลตร้าไวด์ของ iPhone 11 Pro มีความคมชัดที่ดีตั้งแต่กลางภาพไปจนเกือบถึงขอบภาพ ต่างจากของ Galaxy Note10+ ที่ช่วงขอบๆภาพจะค่อนข้างเบลอ (แนะนำว่าไปดูที่ภาพความละเอียดสูงใน Google Photos จะเห็นได้ชัดกว่า) ยังคงมีอาการติดเหลืองตามมาหลอกหลอนแม้จะมาอยู่ที่เลนส์อัลตร้าไวด์แล้วก็ตาม

 

และเลนส์ Ultra Wide จะยังเจอปัญหาหากไม่ได้อยู่ในที่แสงสว่างจ้าๆแล้ว สีก็จะไม่สดใสดังที่อยากได้นัก ต่างจาก Galaxy Note10+ ที่พอแสงน้อยกลับทำออกมาได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด มีสีสันที่อิ่มขึ้นมากว่าทาง iPhone 11 Pro เลย

Galaxy Note10+ iPhone 11 Pro

 

และมาถึงชอตที่แสงน้อยลงไปมากๆ อันนี้ Galaxy Note10+ ก็ได้แสดงศักยภาพของมันออกมาแบบเต็มๆ เพราะเลนส์ Ultra Wide ของ Galaxy Note10+ สามารถเปิดโหมดกลางคืนได้ และสามารถเก็บแสงออกมาได้ครบถ้วนกว่า iPhone 11 Pro เยอะเลยนั่นเอง

Galaxy Note10+ iPhone 11 Pro

จับเลนส์อัลตร้าไวด์มาถ่าย Portrait ได้มุมมองใหม่ๆ ยามกลางคืน

เทเลและถ่ายพอร์เทรต iPhone 11 Pro ทำมาโดดเด่น สีและเบลอดี

Galaxy Note10+ iPhone 11 Pro

โหมดถ่ายภาพบุคคล (Portrait) ของ iPhone 11 Pro เรียกว่าเป็นจุดเด่นที่ใช้งาน iPhone 11 Pro แล้วชอบเอาซะมากๆ ด้วยการให้สีสัน การเบลอหลังที่คล้ายกล้อง DSLR กว่าใคร และมีการรวม HDR เข้าไปในโหมดนี้ด้วย ทำให้ได้ภาพที่ดูแล้วสวยงามสะกดสายตา ต่างจากของ Galaxy Note10+ ที่เมื่อถ่ายด้วยโหมดนี้แล้วจะพยายามใส่เบลอเข้าไปหน่อยๆ ปรับให้ภาพดูฟุ้ง W/B ไม่เป็นไปตามจริงนัก และเกลี่ยผิวหน้าเหมือนเปิดโหมดบิวตี้เลย ถ้าใครไม่ชอบก็อาจจะดูแล้วเซ็งๆได้

แต่ลูกเล่นอย่างนึงที่ทำให้ถ่าย Live Focus บน Galaxy Note10+ แล้วจะดูโดดเด่นกว่า iPhone 11 Pro ก็คือ การใส่เอฟเฟกต์โบเก้แบบ Big Circle ให้เนี่ยแหละ จะละลายแบบดีงามมาก

ถ้าไม่ต้องการให้เบลอฉากหลัง เราสามารถใช้เลนส์เทเลถ่ายให้ระยะเลนส์ดีต่อใบหน้าของนางแบบก็ได้ ซึ่งถ้าสภาพแสงดีๆ สองตัวนี้จะคุณภาพใกล้กันใช้ได้อยู่ ขึ้นกับโทนสีที่ชอบเลย

 

แต่แม้ว่าจะถ่ายสวยยังไงก็ยังเจอเรื่องแปลกๆอยู่บ้าง เพราะบางทีก็จะติดเหลืองหนักแบบงงๆไปเลยก็มี

Galaxy Note10+ iPhone 11 Pro

ภาพด้านบนนี้เป็นภาพที่ดึงเอาไปทำเป็นภาพปกนะครับ โดยภาพของ Galaxy Note10+ จะมีการ crop และปรับให้ซ้อนกับ iPhone 11 Pro ให้มากที่สุด แต่ไม่ได้มีการปรับสีเพิ่มเติมแต่อย่างใด สามารถดูภาพจริง เต็มความละเอียดได้ที่ Google Photos นะครับ

เทเลแสงน้อยต้องยกให้ Galaxy Note10+

Galaxy Note10+ iPhone 11 Pro

เราไม่ได้ใช้เลนส์ Tele เพื่อการถ่าย Portrait แต่เพียงเท่านั้น เรายังสามารถซูมเพื่อถ่ายวิวทิวทัศน์ที่อยู่ห่างออกไปได้อีกด้วย ซึ่ง Galaxy Note10+ ก็จะมีให้เลือกถ่ายเป็น Night Mode อีกเช่นกัน ทำให้ภาพแสงน้อยก็วินไปตามระเบียบ เก็บรายละเอียดและสีสันมาได้ประทับใจกว่า iPhone 11 Pro เยอะเลยครับ

กล้องหน้าปรับแต่งใส่บิวตี้ (Galaxy Note10+) vs ธรรมชาติให้มา (iPhone 11 Pro)

Galaxy Note10+ iPhone 11 Pro

มาดูกล้องหน้ากันสักนิดนึง ต้องบอกว่า iPhone 11 Pro มีการปรับกล้องหน้าให้ถ่ายออกมาได้สวยและโดนใจใครหลายคนขึ้นมากๆแล้ว แต่ก็จะยังไม่มีโหมดบิวตี้มาให้เลือกเปิดเลือกใช้อยู่ดี ทำให้ถ้าใครรับกับหน้าตัวเองไม่ได้ก็อาจจะยังไม่อินกับ iPhone เช่นเดิม ส่วนถ้าใครชอบแบบดูเหมือนจริง ฝั่ง Galaxy Note10+ ก็สามารถเลือกปิดหรือลดการเบลอลงได้อยู่นะ ซึ่งผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ดูในภาพตัวอย่างได้ครับ

 

กล้องหน้าของ Galaxy Note10+ ที่จะวิน iPhone 11 Pro อีกอย่างก็อยู่ที่รองรับการถ่าย Night Mode ด้วย ถ้าเราไปสังสรรค์ในร้านอาหาร หรือผับบาร์ ที่สภาพแสงน้อยแบบสุดๆ Note10+ ก็น่าจะยังตอบโจทย์มากกว่า iPhone 11 Pro อยู่เล็กน้อย เพราะกล้องหน้าของ iPhone 11 Pro มันก็ค่อนข้างดีอยู่พอสมควร

 

สรุป พูดยากว่าใครดีกว่า ตัดสินใจจากโทนภาพที่ชอบ

ดูกันตาแฉะมาถึงตรงนี้แล้ว เชื่อว่าหลายคนน่าจะมึนและเลือกฟันธงยากไม่ต่างจากที่ผมรู้สึก(มั้ง) เพราะบางสภาพแสงบางเลนส์ iPhone 11 Pro ก็ทำมาได้ดีมากๆ แต่บางสภาพแสงบางเลนส์ Galaxy Note10+ ก็กดวินไปได้แบบสบายๆเหมือนกัน แต่ที่แน่ๆก็คือ iPhone 11 Pro น่าจะโดนเรียกว่าสาย(ติด)เหลืองได้อยู่ เพราะทุกเลนส์ทุกสภาพแสง จะมีอาการติดเหลืองให้ได้เห็นแบบชัดเจนมาก จนถ้าบอกว่าใช้เซนเซอร์ RYYB เหมือนอีกค่ายนึงก็เชื่ออ่ะ ส่วน Galaxy Note10+ อาจจะมีบางจุดที่ดูด้อยกว่า iPhone 11 Pro บ้าง แต่ภาพรวมก็รักษามาตรฐานกล้องเอาไว้ได้ดี แบบที่เลือกถือตัวเดียวก็ไม่เคอะเขิน มั่นใจได้ว่าพาไปเที่ยวด้วยมือถือตัวเดียวก็น่าจะเอาอยู่

คนหลังกล้องสำคัญกว่า

ไม่ว่าใครจะตัดสินใจเลือกตัวไหน ผมก็จะยังขอย้ำอยู่เหมือนเดิมว่าเรื่องของกล้องในแต่ละยี่ห้อ ปัจจุบันนี้ส่วนตัวมองว่าแทบไม่หนีกันมากแล้ว แต่ละตัวสามารถทำให้เราถ่ายภาพที่ถ่ายยากๆ ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก ไม่ว่าจะด้วยการโฟกัสที่เร็วไว เปิดกล้องได้ในเวลาอันสั้น สีสันดึงชดเชยทำ HDR ได้เพียงกดถ่าย ที่แสงน้อยก็ดึงแสงมาได้แบบไม่ต้องพึ่งขาตั้งกล้อง และฟีเจอร์อื่นๆอีกมากมาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะได้มาซึ่งภาพที่สวยงาม ก็อยู่ที่คนหลังกล้องเสียมากกว่าอุปกรณ์ เชื่อเถอะว่าเหล่าช่างภาพยอดฝีมือทั้งหลาย ถ้าให้เค้าจับมือถือที่ราคาต่ำกว่าหมื่น เอามาถ่ายเทียบกับคนทั่วไปที่ถือ iPhone 11 Pro หรือ Galaxy Note10+ เค้าก็อาจจะถ่ายสวยกว่าอยู่ดี ทั้งหมดนี้ก็อยู่ที่ประสบการณ์และการดึงความสามารถของกล้องให้ออกมาได้มากที่สุดนั่นเอง

ฝากคลิปที่ผมได้ไปเดินตามนาย “กอล์ฟมาเยือน” เปิดเบื้องหลังว่าเค้าถ่ายยังไง ทำไมถึงถ่ายสวย เผื่อใครจะเอาไปปรับใช้กันดูครับ

Play video