คณะกรรมาธิการการค้าแห่งสหรัฐอเมริกาหรือ FTC ยื่นฟ้อง Adobe บริษัทเจ้าของซอฟต์แวร์ดังอย่าง Photoshop, Lightroom รวมถึง Premiere Pro หลังพบว่าบริษัทได้พยายามปกปิด ซ่อนเงื่อนไขในการสมัครใช้บริการ Subscription ให้ผู้ใช้งานผูกสัญญารายปี และหากต้องการยกเลิกใช้งานก่อนกำหนด ก็มักจะต้องถูกปรับเป็นจำนวนเงินที่ค่อนข้างสูง

Adobe Creative Cloud

เนื้อหาในเอกสารที่ FTC ยื่นฟ้องต่อ Adobe ระบุว่า ทาง Adobe ได้พยายามละเมิดกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ด้วยการเสนอค่าบริการ Subscription ในลักษณะการจ่ายเงินแบบรายเดือนในราคาที่ต่ำกว่าปกติ แต่ไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่าการสมัครบริการในรูปแบบดังกล่าวเป็นการผูกสัญญา 1 ปีเต็ม เพียงแต่แบ่งการจ่ายค่าบริการเป็นรายเดือน อีกทั้งยังเลือกแผนบริการดังกล่าวเป็นแผนแบบเริ่มต้นให้แบบอัตโนมัติเมื่อลองกดสมัคร

ซึ่งการระบุเงื่อนไขไม่ชัดเจนในที่นี้คือ ทาง Adobe ได้พยายามซ่อนเงื่อนไขการสมัครไว้ในหมายเหตุเล็ก ๆ และการจะเข้าไปอ่านเงื่อนไขดังกล่าวจะต้องกดเข้าเมนูหลายหน้าต่าง ทำให้ผู้ใช้งานไม่รู้หากต้องการยกเลิกการใช้งาน จะต้องจ่ายค่าปรับเป็นจำนวนเงินที่ค่อนข้างสูงมาก ๆ (มักจะอยู่ที่ 50% ของค่าบริการตลอดสัญญา 1 ปี)

Adobe

นอกจากนี้หากผู้ใช้งานต้องการจะยกเลิกการใช้บริการ FTC ได้อ้างว่า Adobe ได้ออกแบบหน้าเว็บไซต์ให้มีความยุ่งยาก ต้องกดเข้าหลายเว็บเพจ หลายกล่อง Pop-Up ซึ่งกว่าจะยกเลิกได้ก็สร้างความหงุดหงิดให้กับผู้ใช้งาน จนรู้สึกไม่อยากยกเลิกใช้งานบริการแล้ว และต้องทนจ่ายค่าบริการต่อไปจนกว่าจะครบปี

และถึงแม้ว่าจะโทรไปยกเลิกเองโดยตรง หรือติดต่อยกเลิกผ่าน Live Chat Support ก็ตาม ผู้ใช้งานหลายรายก็เจอปัญหาโดนตัดสาย หรือตัดการเชื่อมต่อ และต้องมาคอยนั่งอธิบายเหตุผลในการยกเลิกใหม่กับพนักงานในทุก ๆ ครั้ง

เบื้องต้น Adobe ได้ปฏิเสธข้อกล่าวของ FTC ยืนยันว่าบริการของตัวเองสามารถยกเลิกได้ง่าย ภายใน 4 ขั้นตอนและใช้เวลาไม่ถึงนาที พร้อมยืนยันที่จะต่อสู้ในชั้นศาล ซึ่งหากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ตัดสินว่าผิดจริง Adobe อาจต้องถูกลงโทษปรับ และอาจต้องคืนเงินค่าปรับยกเลิกสัญญาให้กับผู้ใช้งานที่เคยถูกบังคับให้จ่ายด้วย

ที่มา: The Verge | GSMArena | Adobe