ลือกันมานานแสนนานในที่สุดเราก็ได้เห็นตัวจริงเสียงจริงกันซักที สำหรับมือถือสุดล้ำพับจอได้จาก 2 แบรนด์ยักษ์ใหญ่ทั้ง Samsung Galaxy Fold และ Huawei Mate X ที่ออกมาบลัฟกันด้วยฟีเจอร์ และสเปคสุดแรง แถมด้วยเทคโนโลยีหน้าจอพับครึ่งของทั้งคู่ แต่ว่ามือถือทั้ง 2 รุ่นนี้จะมีอะไรแตกต่างกันบ้าง? เราก็ขอเอาข้อมูลทั้งหมดที่มีในตอนนี้มาเทียบกันให้เห็นชัดๆ ไปเลย

Galaxy Fold และ Mate X ต่างก็เป็นมือถือพับจอระดับไฮเอนด์ที่มีสเปคอยู่ในระดับสุดแรงสูสีกันทั้งคู่ (รวมถึงราคาด้วย) เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ก็แทบไม่ต้องเป็นห่วงอยู่แล้วว่ามันสามารถใช้งานต่างๆ ได้ครอบคลุมหมดทั้งงาน โซเชียล เกม ฯลฯ ส่วนสเปคเต็มๆ จะเป็นยังไงบ้าง ก็มีตามนี้เลย

เปรียบเทียบสเปค Galaxy Fold vs Mate X

สเปคGalaxy FoldMate X
หน้าจอด้านในDynamic AMOLED ขนาด 7.3 นิ้ว ความละเอียด 1536 x 2152AMOLED ขนาด 8 นิ้ว ความละเอียด 2200 x 2480
หน้าจอด้านนอกSuper AMOLED ขนาด 4.6 นิ้ว  ความละเอียด HD+ อัตราส่วน 21:9พับแล้วเหลือขนาด 6.6 นิ้ว  ความละเอียด FHD+ อัตราส่วน 19.5:9
CPUSnapdragon 855 Kirin 980
GPUAdreno 640Mali-G76 MP10
RAM12GB (LPDDR4X)8GB
ความจุ512GB (UFS3.0) ไม่รองรับ MicroSD Card512GB รองรับ NM Card (ของ Huawei โดยเฉพาะ, Hybrid Slot)
กล้อง กล้องหลัง 3 ตัว Ultra Wide 16MP (f/2.2) + Wide 12MP (f/1.5, f/2.4) + Tele 2X 12MP (f/2.4)Wide 40MP (f/1.8) + Ultra Wide 16MP (f/2.2) + Tele 8MP (f/2.4)
กล้องเซลฟี่ด้านหน้า 10MP (f/2.2) / กล้องตอนกางจอ 10MP (f/2.2) + 8MP (f/1.9)ใช้ตัวเดียวกับกล้องหลัง
การเชื่อมต่อ802.11 a/b/g/n/ac/ax, dual-band, VHT 80 MU-MIMI, 1024QAM, Wi-Fi Direct, BT 5.0Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, BT 5.0
เซ็นเซอร์Fingerprint (ด้านข้าง), accelerometer, gyro, proximity, compassFingerprint (ด้านข้าง), accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer
แบตเตอรี่4380 mAh รองรับชาร์จไว 18W, ชาร์จไร้สาย4500 mAh รองรับ Huawei SuperCharge 55W
ระบบปฏิบัติการAndroid 9 ครอบด้วย One UIAndroid 9 ครอบด้วย EMUI 9.1.1
ขนาดตอนพับเครื่องยังไม่มีข้อมูล161.3 x 78.3 x 11 มม.
ขนาดตอนกางเครื่องยังไม่มีข้อมูล161.3 x 146.2 x 5.4 มม.
น้ำหนักยังไม่มีข้อมูล295 กรัม

หน้าจอพับได้

Galaxy Fold จะมีด้วยกัน 2 หน้าจอ เนื่องจากมือถือรุ่นนี้จะพับจอใหญ่ขนาด 7.3 นิ้ว เข้าทางด้านใน ทำให้ต้องมีหน้าจอเล็กขนาด 4.6 นิ้ว แปะไว้ด้านนอกสำหรับใช้งานเป็นมือถือปกติ ส่วนหน้าจอใหญ่เมื่อกางออกมาแล้วจะมี Notch เป็นแถบอยู่ตรงมุมขวาบนของหน้าจอ สำหรับวางกล้องเซลฟี่ 10MP + 8MP

บานพับของหน้าจอ Galaxy Fold ถูกออกแบบมาให้มีตัวล็อคแน่นหนา และถูกซ่อนเอาไว้แบบไม่ให้เห็นรอยต่อคล้ายๆ สันหนังสือ

Mate X จะต่างกับ Galaxy Fold ตรงที่หน้าจอของมันจะพับออกด้านนอก ทำให้ไม่ต้องมีหน้าจอเล็กอีกอันไว้ด้านนอก แต่จะใช้หน้าจอใหญ่ขนาด 8 นิ้ว ที่พับแล้วเหลือขนาด 6.6 นิ้ว เพื่อใช้งานในโหมดโทรศัพท์ธรรมดา ทำให้หน้าจอตอนพับแล้วยังคงมีความละเอียดที่สูงกว่า นอกจากนี้ Mate X เมื่อกางออกแล้วยังไม่มี Notch บนหน้าจอให้ขวางหูขวางตาอีกด้วยนะ

แต่ Mate X เมื่อกางเครื่องออกแล้วจะไม่ได้เป็นแผ่นเรียบตลอดทั้งเครื่อง เพราะทางตัวเครื่องด้านขวาจะมีขอบหนาโผล่ออกมา ซึ่งขอบดังกล่าวจะมีความหนาพอดีกับหน้าจอที่พับลงมานั่นเอง

กล้อง

Galaxy Fold จะอัดกล้องมาให้มากถึง 6 ตัว ก็อีกนั่นแหละ…เพราะมันดันมีดีไซน์แบบพับจอเข้าด้านใน ทำให้ต้องมีกล้องเซลฟี่ 1 ตัว สำหรับใช้งานตอนพับเครื่อง และกล้องเซลฟี่อีก 2 ตัว สำหรับใช้งานตอนกางหน้าจอแล้ว (อยู่บน Notch มุมขวาของจอ) และกล้องหลังอีก 3 ตัว ที่สามารถใช้ได้ทั้งตอนกางจอและพับจอ

Mate X จะประหยัดในส่วนนี้ไปได้เพราะการที่มันพับจอออกด้านนอกทำให้กล้องหลังเลนส์ LEICA ทั้ง 3 ตัว จะเปลี่ยนเป็นกล้องเซลฟี่ได้เลยตอนพับจอทำให้ไม่ต้องมีกล้องเซลฟี่โดยเฉพาะ ซึ่งข้อเสียก็คือไม่สามารถเซลฟี่ตอนกางจอได้ (เพราะกล้องมันอยู่ข้างหลัง) แต่ข้อดีก็คือมันสามารถถ่ายภาพคนอื่นโดยโชว์มุมมองจากกล้องให้เห็นได้ทั้งคนถ่ายและคนที่ถูกถ่าย

ใช้งานหลายแอปในหน้าจอเดียวกัน

ทั้ง Galaxy Fold และ Mate X ได้ประโยชน์จากหน้าจอขนาดใหญ่เมื่อกางออกแล้ว ด้วยความสามารถในการเปิดแอปหลายๆ แอปในหน้าจอเดียวกันได้ แต่ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าทั้ง 2 รุ่น สามารถเปิดแอปได้เต็มที่กี่แอปในครั้งเดียว เท่าที่เห็นจากการพรีเซนท์ของ Galaxy Fold เปิดได้ 3 แอปพร้อมกัน โดยแบ่งเป็นจอใหญ่ทางซ้ายหนึ่งแอป ทางขวาได้สองแอปบนล่าง ส่วน Mate X เปิดได้พร้อมกัน 2 แอป ซ้าย-ขวา

Galaxy Fold

Mate X

แบตเตอรี่

Galaxy Fold มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4,380 mAh และระบบชาร์จไว 18W ผ่านพอร์ท USB-C (ไม่มีระบบชาร์จไร้สาย) รองรับการชาร์จไร้สาย

Mate X มากับแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่านิดนึง 4,500 mAh แต่จะได้เปรียบตรงที่ระบบชาร์จไวที่รองรับได้มากถึง 55W ทำให้สามารถชาร์จได้จาก 0% – 85% ได้ในเวลาแค่ 30 นาที เท่านั้น

อื่นๆ

Galaxy Fold ให้คุณภาพเสียงได้ในระดับ 32-bit/384kHz พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos และปรับแต่งโดย AKG (แต่เสียดายที่ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.), รองรับการใช้งาน DeX ในตัว

Mate X ยังไม่มีข้อมูลเรื่องระบบเสียง รู้แค่ว่าไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. เหมือนกับ Galaxy X แล้ว, มีพอร์ท Infrared

ราคา

แน่นอนว่าเปิดตัวมากับเทคโนโลยีสุดล้ำแบบนี้ ราคาของทั้ง 2 รุ่นต้องไม่ใช่เล่นๆ สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปอย่างเราๆ แน่นอน เพราะราคาของ Galaxy Fold เริ่มต้นที่ 1,980 ดอลลาร์ หรือราวๆ 61,600 บาท

Mate X จะโหดขึ้นไปอีก อยู่ที่ราวๆ 80,000 บาท แถมมือถือทั้ง 2 รุ่นนี้ยังผลิตออกมาในจำนวนจำกัดสุดๆ อีกด้วย เพราะฉะนั้น…มีเงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้นะจ๊ะ

สรุปแล้วมือถือพับจอทั้ง 2 รุ่นนี้ ยังคงเป็นมือถือที่ปล่อยมาลองตลาดอยู่นั่นแหละ ว่าเทคโนโลยีแบบนี้จะได้รับผลตอบรับดีพอที่จะผลิตแบบมากๆ ออกมาสู่ตลาดทั่วไปรึเปล่า ด้วยราคาที่แพงหูฉี่ขนาดนี้เป็นเพราะชิ้นส่วนต่างๆ ยังผลิตได้เป็นจำนวนน้อย แต่ถ้ามันเริ่มติดตลาดแล้วก็จะสามารถผลิตได้เป็นจำนวนมาก ทำให้มีราคาที่ถูกลงได้อีกเรื่อยๆ และตอนนั้นเองที่มือถือพับจออาจจะกลายเป็นมาตรฐานทั่วไปของสามาร์ทโฟนในอนาคตก็ได้