เปิดตัวไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับมือถือเรือธงปากกาเทพรุ่นล่าสุดอย่าง Galaxy Note 20 Series ที่มาด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่นคือ Galaxy Note 20 และ Note 20 Ultra ซึ่งแน่นอนว่าทั้งคู่มากับสเปค และฟีเจอร์บางอย่างที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ, กล้องหลัง, ปากกา S Pen และอื่นๆ ส่วนจะมีอะไรบ้าง มาดูกันได้เลยครับ
ดีไซน์ / วัสดุ
Galaxy Note 20
รูปร่างหน้าตาของทั้ง 2 รุ่น ดูเผินๆ แล้วก็เหมือนจะคล้ายกัน (ต่างแค่ขนาด) แต่ถ้าดูดีๆ จะเห็นว่าหน้าจอของ Note 20 จะเป็นแบบแบนราบ, มีขอบบางเฉียบทั้ง 4 ด้าน, เฟรมตัวเครื่องเป็นโลหะ
มีฝาหลังที่เป็น Reinforced polycarbonate ขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 161.6 x 75.2 x 8.3 มม. มีน้ำหนัก 192 กรัม สำหรับรุ่น 4G และ 194 กรัม สำหรับรุ่น 5G มีสีให้เลือกทั้งหมด 3 สี คือสีเทา Mystic Grey, สีเขียว Mystic Green และสีทองแดง Mystic Bronze
Galaxy Note 20 Ultra
ส่วนรุ่นท็อปจะใช้หน้าจอแบบ Edge Infinity-O ซึ่งมีขอบโค้งเหมือนกับเรือธงรุ่นก่อนๆ ของ Samsung, เฟรมเครื่องโลหะ
หน้าจอของ Galaxy Note 20 Ultra เป็นกระจกนิรภัยรุ่นใหม่ Gorilla Glass Victus ที่มีความแข็งแกร่งกว่า Gorilla Glass 6
ฝาหลังเป็นกระจกนิรภัย Gorilla Glass 6, ขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 164.8 x 77.2 x 8.1 มม. และมีน้ำหนัก 208 กรัม มีทั้งหมด 3 สี คือสีดำ Mystic Black, สีทองแดง Mystic Bronze และสีขาว Mystic White
หน้าจอ
Galaxy Note 20
ใช้หน้าจอแบบ Super AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ และมีรีเฟรชเรทอยู่ที่ 60Hz
Galaxy Note 20 Ultra
มีหน้าจอที่สเปคสูงกว่ารุ่นธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแบบ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.9 นิ้ว ความละเอียด WQHD+ และมีรีเฟรชเรทสูงถึง 120Hz
กล้องหลัง
Galaxy Note 20
ให้มาทั้งหมด 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 12MP (f/1.8) + Ultrawide 12MP (f/2.2) + Telephoto 64MP (f/2.0) ซูม Hybrid Optical 3x / ซูม Digital สูงสุด 30x และกล้องหน้าความละเอียด 10MP (f/2.2) ที่มีระบบ Autofocus
Galaxy Note 20 Ultra
มีกล้องหลัง 3 ตัวเช่นกัน แต่มีสเปคที่สูงกว่าประกอบด้วย กล้องหลัก 108MP (f/1.8) + Ultrawide 12MP (f/2.2) + Telephoto เลนส์ Periscope ความละเอียด 12MP (f/3.0) ซูม Optical 5x / Digital สูงสุด 50x นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์ Laser Autofocus เพิ่มความแม่นยำ และความเร็วในการโฟกัสภาพที่มากกว่า
และแม้ว่าสเปคกล้องของทั้งคู่จะต่างกัน แต่ฟีเจอร์หลายๆ อย่างก็จัดมาให้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง 8K หรือจะเป็นฟีเจอร์ Pro Video ที่สามารถตั้งค่ากล้องได้แบบละเอียด ทั้ง WB, Manual Focus, ISO ฯลฯ หรือจะเป็นฟีเจอร์ Zoom Speed Control ช่วยให้การซูมภาพเข้า-ออก มีความเนียนเหมือนใช้กล้องระดับโปรถ่าย (ไม่สะดุดเวลาเปลี่ยนระยะ) แถมยังสามารถจำกัดความเร็วในการซูมให้เท่ากันตลอดเวลาได้ เพิ่มลูกเล่นให้กับการถ่ายวิดีโอให้มีอารมณ์เหมือนภาพยนตร์มากขึ้น นอกจากนี้ในการซูมภาพเข้า ก็ยังเพิ่มระดับเสียงของบริเวณที่เราซูมเข้าไปได้อีกด้วย
ปากกา S Pen
ปากกา S Pen ของทั้งคู่ มากับฟีเจอร์ต่างๆ ที่เหมือนกัน ไม่ว่าจะใช้ปากกาเป็นรีโมทควบคุมการทำงานของมือถือ, ฟีเจอร์ Advance Air Action วาดปากกากลางอากาศเพื่อสั่งงาน แต่จะต่างกันตรงความหน่วงของปากกาซึ่ง Galaxy Note 20 มีความหน่วงอยู่ที่ 26ms ส่วน Note 20 Ultra ซึ่งมีหน้าจอค่ารีเฟรชเรทสูงกว่า ทำให้ปากกา S Pen ตอบสนองได้ดีกว่า จนความหน่วงเหลือเพียง 9ms เท่านั้น ทำให้เส้นที่ลากบนหน้าจอติดกับปลายปากกา S Pen เหมือนปากกาจริงๆ เลย
ส่วนฟีเจอร์ S Pen อื่นๆ ก็จัดมาให้แบบเต็มๆ ทั้งรุ่นพี่ และรุ่นน้อง ไม่ว่าจะเป็นแอป Samsung Notes ที่มากับ Galaxy Note 20 Series สามารถแปลงลายมือให้กลายเป็นตัวอักษรได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้หากเราจดเบี้ยวๆ เอียงๆ ก็สามารถปรับให้ตรงเป็นระเบียบได้ด้วย
อีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ที่จะเข้ามาเพิ่มความสะดวกให้กับการทำงาน หากเราอัดเสียงไปด้วย พร้อมกับจดโน้ตไปด้วย และเมื่อย้อนกลับมาฟังคลิปเสียงดังกล่าว ตัวอักษรที่เราจดเอาไว้ก็จะโผล่ขึ้นมาตามช่วงเวลาของเสียงที่เราบันทึกเอาไว้ ไม่ต้องมานั่งจำว่าตอนที่เราอัดเสียงท่อนนี้ เราได้จดโน้ตไปถึงไหนแล้ว
ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ (และอื่นๆ อีกเพียบ) ล้วนมีให้ใช้ทั้งใน Galaxy Note 20 และ Note 20 Ultra เลยล่ะ
แบตเตอรี่
แบตเตอรี่ของ Galaxy Note 20 ให้มาที่ 4300 mAh ส่วนรุ่น Note 20 Ultra ให้มามากกว่าเล็กน้อยที่ 4500 mAh โดยทั้งคู่มีระบบชาร์จไวสูงสุดที่ 25W เท่ากัน ซึ่งเอาจริงๆ การชาร์จที่ความไวขนาดนี้ก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปแล้ว
หน่วยความจำ
อีกหนึ่งสิ่งที่ต่างกันระหว่าง Galaxy Note 20 และ Note 20 Ultra ก็คือหน่วยความจำ โดย Galaxy Note 20 จะมีให้เลือกเฉพาะรุ่น RAM 8GB และความจุ 256GB เท่านั้น และยังไม่รองรับ microSD Card ด้วย ในขณะที่รุ่นพี่ Galaxy Note 20 Ultra มีให้เลือกทั้ง RAM 8GB (รุ่น 4G) และ RAM 12GB (รุ่น 5G) ส่วนความจุก็มีให้เลือกทั้ง 256GB และ 512GB นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่ม microSD Card ได้อีกด้วย
ราคา
Galaxy Note 20 Series ที่วางขายในประเทศไทยจะแบ่งออกเป็นรุ่น 4G/LTE และ 5G ซึ่งราคาจะห่างกันราวๆ 9,000 – 10,000 บาท (ในรุ่นที่หน่วยความจำเท่ากัน)
Galaxy Note 20
- รุ่น LTE RAM 8 GB + ROM 256GB ราคา 29,900 บาท
- รุ่น 5G RAM 8GB + ROM 256GB ราคา 33,900 บาท
Galaxy Note 20 Ultra
- รุ่น LTE RAM 8GB + ROM 256GB ราคา 38,900 บาท
- รุ่น LTE RAM 8GB + ROM 512GB ราคา 42,900 บาท
- รุ่น 5G RAM 12GB + ROM 256GB ราคา 42,900 บาท
- รุ่น 5G RAM 12GB + ROM 512GB ราคา 46,900 บาท
สเปค Galaxy Note 20 / Note 20 Ultra
สเปค | Galaxy Note 20 | Galaxy Note 20 Ultra |
หน้าจอ | Super AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ | Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.9 นิ้ว ความละเอียด WQHD+ |
รีเฟรชเรท | 60Hz | 120Hz |
HDR10+ | รองรับ | |
CPU | Exynos 990 | |
GPU | Mali G77 MP11 | |
RAM (LPDDR5) | 8GB | 8GB / 12GB |
ความจุ | 256GB | 128GB / 256GB / 512GB |
microSD Card | ไม่รองรับ | รองรับ |
กล้องหลัง | – กล้องหลัก 12MP, Super Speed Dual Pixel AF, OIS, Pixel size: 1.8μm, FOV: 79˚F.No (aperture): F1.8, 1/1.76″ image sensor size – Ultrawide 12MP, Pixel size: 1.4μm, FOV: 120˚, F.No (aperture): F2.2 – Telephoto 64MP, Pixel size: 0.8μm, FOV: 76˚, F.No (aperture): F2.0 | – กล้องหลัก 108MP, OISPixel size: 0.8μm, FOV: 79˚, F.No (aperture): F1.8, 1/1.33″ image sensor size – Ultrawide 12MP, Pixel size: 1.4μm, FOV: 120˚, F.No (aperture): F2.2 – Telephoto เลนส์ Periscope ความละเอียด 12MP, Pixel size: 1.0μm, FOV: 20˚, F.No (aperture): F3.0 – เซ็นเซอร์ Laser Autofocus |
Space Zoom | -3x Hybrid Optic Zoom -30x Super Resolution Zoom | -5x Optical Zoom -50x Super Resolution Zoom |
กล้องหน้า | 10MP, Dual Pixel AF, Pixel size: 1.22μm, FOV: 80˚, F.No (aperture): F2.2 | 10MP, Dual Pixel AF, Pixel size: 1.22μm, FOV: 80˚, F.No (aperture): F2.2 |
Bluetooth | Bluetooth® v 5.0, USB type-C, NFC, Location (GPS, Galileo, Glonass, BeiDou) | |
WiFi | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax 2.4G+5GHz, HE80, MIMO, 1024-QAM | |
5G | 5G Non-Standalone (NSA), Standalone (SA), Sub6 / mmWave | |
LTE | Enhanced 4×4 MIMO, Up to 7CA, LTE Cat.20 | |
เซ็นเซอร์ | Fingerprint (ใต้หน้าจอ แบบ Ultrasonic), accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer | |
ระบบเสียง | ลำโพงสเตอรีโอคู่, Dolby Atmos, ปรับแต่งเสียงโดย AKG, ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. | |
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น | IP68 | |
วัสดุฝาหลัง | Reinforced Polycarbonate | Gorilla Glass 6 |
ความหน่วงของปากกา S Pen | 26ms | 9ms |
แบตเตอรี่ | 4300 mAh รองรับชาร์จไว 25W | 4500 mAh รองรับชาร์จไว 25W |
ระบบ | Android 10 ครอบด้วย One UI 2.5 | |
ขนาด / น้ำหนัก | 161.6 x 75.2 x 8.3 มม. / 192 กรัม (รุ่น 5G 194 กรัม) | 164.8 x 77.2 x 8.1 มม. / 208 กรัม |
ส่วนใครที่ลังเลว่าจะซื้อรุ่นไหนดี ก็ต้องชั่งใจดูนะครับว่าหากเราต้องการใช้งานฟีเจอร์แบบอัดเต็มที่ทั้งหน้าจอสุดเทพ และกล้องสุดโหดก็กัดฟันจัดตัวท็อป Galaxy Note 20 Ultra ไปเลย แต่ถ้าใครที่ต้องการฟีเจอร์ปากกาเทพๆ ของ S Pen แต่ไม่ต้องการหน้าจอสวยสด และกล้องสเปคสูงขนาดนั้น Galaxy Note 20 รุ่นธรรมดาก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แถมยังประหยัดเงินไปได้เยอะเลยด้วยครับ
เห้ยแรมแค่ 8 55555
ก็พอดีแล้วนะ ไม่มากไม่น้อย อย่าง Huawei รุ่นท็อปก็ใส่มาแค่ 8 ก็ลื่นไหลดี
55555 ไม่อยากจะเชื่อยังมีคนหัวโบราณบ่นเรื่องแรมอีกหรอออ ดูแค่ 8 GB ปุ้บบ่นปั้บ
เค้าเอาเหมาะกับการใช้งาน ทุกวันนี้มีใครใข้แรมถึง 7 GB ก่อนถูกเคลียบ้าง บ้าบอ
จริงๆ ผมมองว่า Note 20 ธรรมดาก็เพียงพอแล้ว แต่ที่รู้สึกว่ากั๊กจนน่าเกลียดคือความละเอียดจอและรีเฟรชเรต ส่วนที่น่าเกลียดจนอาจเรียกได้ว่าทุเรศอ่อนๆ คือใส่การ์ดไม่ได้ ด้วยความขาดๆ และขาดๆ (ไม่ใช่ขาดๆ เกินๆ) ของ Note 20 นี่ควรใช้ชื่อ Note 20 Lite ด้วยซ้ำไป ไม่สมกับเป็นเรือธงของยุคนี้เลย ถ้าไม่ติดปากกาผมว่า S 20 Plus จะดูบาลานซ์ที่สุดแล้ว
s 20 plus นี่มีปัญหาร้อนกับแบตฯใช่ไหมครับ
ถ้าไม่ติดว่าใช้ปากกาจนติด ก็อยากมองรุ่นอื่นๆเหมือนกัน
งงมากครับ note 20 ทั้ง 2 ตัว ทำไมระบบชาร์จไวถึงช้ากว่า Note 10+ ที่รองรับระบบชาร์จไวสูงสุดที่ 45W
อยากให้ทาง droidsans จับ Note 10+ มาเปรียบเทียบให้ด้วยครับ ว่ามีข้อไหนที่ไม่พัฒนาอีกไหม
ได้ชิปมังกรจะไม่ว่าเลย พอรับได้ กั้กไปหมด หนนี้
มี Wireless charge มั้ยครับ
ชาร์ตถือว่ายังช้าอยู่นะนั้น หลายเจ้าเดียวนี้เขาเริ่มไปไกลกันแหละ