เปิดตัวไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับมือถือเรือธงปากกาเทพอย่าง Galaxy Note 9 ซึ่งดูเผินๆ แล้ว ภายนอกเราแทบจะไม่เห็นความแตกต่างจาก Galaxy Note 8 เลย…แต่ถ้ามองดีๆ ก็จะเห็นแน่นอนล่ะ ว่ามันต่างกันตรงไหนบ้าง รวมถึงสเปคทั้งหลายที่ Note 9 ได้รับการพัฒนาขึ้นมาจาก Note 8 หลายอย่างเลยทีเดียว เราก็เลยเอาสเปคของทั้ง 2 รุ่น มาเทียบกันให้เห็นๆ ไปเลย ว่ามันน่าเปลี่ยนแค่ไหนสำหรับคนที่ใช้ Note 8 อยู่

ก่อนอื่นมาดูตารางเปรียบเทียบสเปคของทั้ง 2 รุ่นกันก่อนนะครับ ว่ามีเครื่องในแตกต่างกันขนาดไหน

 

สเปคGalaxy Note 9Galaxy Note 8
 
หน้าจอจอ SAMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด 2960 x 1440จอ SAMOLED ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด 2960 x 1440 
CPUExynos 9810Exynos 8895
GPU Mali-G72 MP18Mali-G71 MP20
RAM6GB / 8GB6GB
ความจุ128GB / 512GB64GB
กล้องหลังเลนส์ wide 12MP (f1.5/2.4) + เลนส์ tele 12MP (f/2.4) ปรับรูรับแสงได้, ระบบ AI ช่วยประมวลผลการถ่ายภาพเลนส์ wide 12MP f/1.7 + เลนส์ tele 12MP f/2.4
กล้องหน้า8MP f/1.78MP f/1.7
ระบบเสียงลำโพงสเตอรีโอลำโพงเดี่ยว
การเชื่อมต่อWi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0
เซ็นเซอร์Iris scanner, fingerprint (ด้านหลัง), accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer, heart rate, SpO2Iris scanner, fingerprint (ด้านหลัง), accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer, heart rate, SpO2
GPSA-GPS, GLONASS, BDS, GALILEOA-GPS, GLONASS, BDS, GALILEO
SIMรองรับ nano SIM 4G+3G, ช่อง SIM ที่ 2 เป็นแบบ Hybridรองรับ nano SIM 4G+3G, ช่อง SIM ที่ 2 เป็นแบบ Hybrid
มาตรฐานกันน้ำ / ฝุ่นIP68IP68
แบตเตอรี่4000 mAh3300 mAh

ดีไซน์ตัวเครื่อง

สำหรับรูปร่างหน้าตาของทั้ง 2 รุ่นนี้ ถ้ามองแบบเผินๆ ไม่ได้พลิกมาดูด้านหลังก็แทบจะแยกกันไม่ออกเลยล่ะ (เฉพาะรุ่นที่สีเหมือนกันนะ) แต่ถ้าลองดูดีๆ จะเห็นว่าหน้าจอของ Note 9 จะมีพื้นที่มากกว่า Note 8 ขึ้นมาอีกหน่อยนึงเพราะมีขอบจอบน-ล่างที่แคบลงไปอีกนิด ในขณะที่ตัวเครื่องของ Note 9 ก็มีขนาดกว้างกว่าแค่นิดเดียวเท่านั้น (ประมาณ 2 มม.)

Note 8 (ซ้าย) Note 9 (ขวา)

ด้านหลังเครื่องคราวนี้เห็นความแตกต่างกันได้แบบชัดๆ เลยว่าใน Note 9 ได้ย้ายเอาเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือมาไว้ตรงด้านล่างถัดจากกล้องลงมา เพื่อเอาใจลูกค้าหลายๆ เสียงที่บ่นว่า ตำแหน่งเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือของ Note 8 มันใกล้กล้อง จนมักจะแตะผิดไปโดนเลนส์กล้องให้เป็นคราบอยู่บ่อยๆ

สเปคเครื่อง

แน่นอนว่า Note 9 เป็นมือถือรุ่นใหม่ สเปคภายในก็ต้องจัดมาแรงกว่าเดิมแน่นอนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น CPU Exynos 9810 ตัวใหม่, GPU ตัวใหม่, RAM และ ROM ที่มีให้เลือกมากกว่าเดิม โดย Note 8 จะมีแค่แบบเดียวคือ 6GB / 64GB ส่วน Note 9 มีให้เลือกทั้ง 6GB / 128GB และ 8GB / 512GB ซึ่งรองรับ MicroSD Card สูงสุดถึง 512GB ทำให้สามารถอัพความจุได้ถึง 1TB เลยทีเดียว

เมื่อใช้แอปวัดประสิทธิภาพอย่าง AnTutu ก็ได้คะแนนออกมาตามนี้

Note 8 (ซ้าย) Note 9 (ขวา)

แต่ถ้าให้เปรียบเทียบการใช้งานทั่วไป รวมถึงการใช้งานด้านบันเทิงทั้งดูหนังความละเอียด 2K การเล่นเกมกราฟฟิคหนักๆ ก็พบว่าทั้ง 2 รุ่น แทบไม่ต่างกันเลย เพราะชิป Exynos 8895 ใน Note 8 และ Exynos 9810 ใน Note 9 นั้น แรงเกินพอสำหรับการใช้งานทุกอย่างในตอนนี้แล้ว 

ปากกา S-Pen 

จุดขายหลักของซีรีส์ Note ก็คือปากกา S-Pen สุดล้ำนี่แหละ และใน Note 9 ก็ได้รับการอัพเกรดเพื่อเพิ่มความสามารถให้มากขึ้นกว่าเดิม เพราะคราวนี้ตัวปากกาสามารถเชื่อมต่อเข้ากับตัวมือถือผ่าน Bluetooth ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ S-Pen ควบคุมแอปฟังเพลง, ใช้เป็นชัตเตอร์ ฯลฯ

และในเมื่อมันใช้บลูทูธได้ ก็แสดงว่ามันต้องมีแบตเตอรี่ในตัว ทำให้ S-Pen ของ Note 9 มีขนาดที่ใหญ่กว่าของ Note 8 เล็กน้อย (ย้ำว่าเล็กน้อยจริงๆ ถ้าไม่เอามาเทียบกันนี่ดูไม่ออกเลยว่าใหญ่กว่า) และแน่นอนว่าปากกา Note 9 ใส่ในช่องของ Note 8 ไม่ได้นะ

ส่วนการใช้งาน S-Pen ทั่วๆ ไป ไม่ว่าจะจด วาดเขียนนั้น พบว่าไม่ได้ต่างกันเลย เพราะมันรองรับแรงกดได้ 4096 ระดับ เท่ากัน แต่ใน Note 9 จะมีลูกเล่นสำหรับการใช้งาน Screen off memo ที่มากกว่า เพราะมันสามารถเขียนตอนปิดหน้าจอด้วยลายเส้นที่มีสีตามสีของปากกาด้วยนะ

กล้องหลัง

กล้องหลังของ Note 9 ก็ได้รับการอัพเกรดจาก Note 8 ที่ถือว่าดีอยู่แล้วให้ดีมากขึ้นไปอีก ด้วยระบบ Real-time Intelligence ที่จะช่วยคำนวณแสงของสภาพแวดล้อมและวัตถุในขณะนั้น เพื่อเลือก Scene ที่เหมาะสมที่สุดให้ โดยแบ่งเป็น Scene ต่างๆ ถึง 20 scene

แถมยังมาพร้อมฟีเจอร์อัจฉริยะ FLAW detection ที่สามารถตรวจสอบความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในภาพถ่ายให้อัตโนมัติ อย่างเช่นตอนถ่ายรูปหากมีคนหลับตามันก็จะขึ้นเตือนว่ามีคนในภาพหลับตาอยู่ตอนที่กดชัตเตอร์ไปแล้ว ซึ่งมันฉลาดพอที่จะแยกแยะระหว่างคนที่ตั้งใจหลับตา กับคนที่หลับตอนกระพริบตาพอดีซะด้วย

ลำโพง

อีกหนึ่งอย่างที่ Note 9 ได้รับการอัพเกรดขึ้นมาจาก Note 8 ก็คือระบบเสียงที่ดีกว่าเดิมเยอะมาก เพราะตอนนี้เป็นลำโพงแบบสเตอรีโอไปแล้ว แถมยังเป็นลำโพงที่ได้รับการปรับแต่งโดย AKG พร้อมระบบ Dolby Atmos อีกด้วย ทำให้เสียงที่ออกมาจาก Note 9 มีความกระหึ่มและมีมิติมากกว่า Note 8 ที่เป็นลำโพงเดี่ยว แบบเห็นถึงความแตกต่างได้ชัดๆ เลยทีเดียว

แบตเตอรี่ 

ข้อด้อยอีก 1 ข้อจาก Note 8 ในเรื่องของแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ไม่ถึงวันก็ต้องชาร์จแล้ว มาในรุ่น Note 9 ก็ได้รับการแก้ไขโดยเพิ่มแบตเป็นขนาด 4000 mAh ทำให้สามารถใช้งานปกติได้ยาวๆ ข้ามวัน ทำให้ไม่ต้องคอยหาที่ชาร์จระหว่างวันอีกแล้ว

การใช้งาน DeX

อีก 1 ฟีเจอร์ที่ได้รับการอัพเกรดขึ้นมาก็คือ การใช้งาน DeX Mode ที่ Note 8 จะต้องใช้คู่กับ DeX Dock เพื่อเสียบสายเข้ากับ Monitor หรือ TV ก่อนจะใช้งาน DeX Mode ได้ แต่สำหรับ Note 9 เราไม่จำเป็นต้องใช้กับ DeX Dock อีกแล้ว แค่มีสาย USB-C > HDMI ก็สามารถต่อเข้าจอแล้วใช้งาน DeX Mode ได้เลย แถมระหว่างการใช้งาน มันยังแยกการทำงานบนหน้าจอมือถือ กับหน้าจอภายนอกที่เราเชื่อมต่อเอาไว้ได้อีกด้วย

และนั่นคือฟีเจอร์ต่างๆ ที่ Galaxy Note 9 ได้รับการอัพเกรดเพิ่มเติมขึ้นมาจาก Galaxy Note 8 นะครับ ก็เอาไว้เป็นข้ออ้างอิงสำหรับผู้ที่ใช้ Note 8 อยู่ ว่ามันน่าเปลี่ยนน่าอัพเกรดกันรึเปล่า