มือถือเรือธงซีรีส์ Samsung Galaxy S21 ที่พึ่งจะเปิดตัวไป แน่นอนว่าต้องมีการอัปเกรดขึ้นมาจากซีรีส์ Galaxy S20 รุ่นที่แล้วอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นสเปคโดยรวม และฟีเจอร์ต่าง ๆ แต่ถ้าใครยังลังเลอยู่ว่าจะหันไปเล่น Series Galaxy S20 ที่ราคาลงไปแล้ว หรือจะเล่นรุ่นใหม่ S21 ให้จบ ๆ ไปเลย? เป็นเจ้าของ S20 อยู่แล้ว จะเปลี่ยนดีไหม?…เราก็เลยขอเอาสเปคของทั้ง 2 ซีรีส์ มาเทียบให้ดู เพื่อเป็นการช่วยตัดสินใจอีกทางนึงครับ


สำหรับการเทียบสเปคของมือถือเรือธงซีรีส์ Galaxy S21 กับ Galaxy S20 เราจะขอแบ่งออกเป็น 3 รุ่น ก็คือ รุ่นเล็ก Galaxy S21 vs S20, รุ่นกลาง S21+ vs S20+ และรุ่นท็อปของซีรีส์ Galaxy S21 Ultra vs S20 Ultra นะครับ… ว่าแล้วก็มาเริ่มกันที่รุ่นเล็กกันก่อนเลย

สเปค GALAXY S21 และ GALAXY S20

สเปคGalaxy S21Galaxy S20
หน้าจอDynamic AMOLED 2X ขนาด 6.2 นิ้ว
ความละเอียดFull HD+ (2400 x 1080)QHD+ (3200 x 1440)
รีเฟรชเรท48 – 120Hz Adaptive60Hz – 120Hz
ความทนทานGorilla Glass VictusGorilla Glass 6
CPUExynos 2100Exynos 990
RAM (LPDDR5)8GB
ความจุ128GB / 256GB (UFS 3.1)128GB (UFS 3.0)
microSD Cardไม่รองรับรองรับ 1TB
กล้องหลัง
  • กล้อง Wide 12MP (f/1.8), ขนาดพิกเซล 1.8µm, OIS
  • กล้อง Ultra Wide มุมกว้าง 120 องศา ความละเอียด 12MP (f/2.2), ขนาดพิกเซล 1.4µm
  • กล้อง Telephoto 64MP (f/2.0), ขนาดพิกเซล 0.8µm, ซูม Optical 3X, OIS
กล้องหน้า10MP (f/2.2), 25 มม., 1/3.24 นิ้ว, 1.22µm
เซ็นเซอร์Fingerprint (ใต้หน้าจอแบบ Ultrasonic), accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer
การเชื่อมต่อWi-Fi 6, Bluetooth 5.0, USB Type-C, NFCWi-Fi 6, Bluetooth 5.0, USB Type-C, NFC
การใช้งาน 5G5G Non-Standalone (NSA), Standalone (SA), Sub6 / mmWaveไม่รองรับ
ระบบเสียงลำโพงสเตอริโอคู่, ปรับแต่งเสียงโดย AKG, ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.
แบตเตอรี่4000 mAh
ระบบชาร์จมีสาย 25W, ไร้สาย 15W, Reverse wireless charging 4.5W
ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบด้วย One UI 3.0 Android 10 ครอบด้วย One UI 2.0 (เริ่มได้รับ One UI 3.0 แล้ว)
ขนาด / น้ำหนัก151.7 x 71.2 x 7.9 มม. / 169 กรัม151.7 x 69.1 x 7.9 มม. / 163 กรัม

 

จากตารางจะเห็นว่าทั้งคู่มีสเปคที่เกือบ ๆ จะเหมือนกันเลย จะมีบางอย่างที่ Galaxy S20 ได้รับการอัปเกรดขึ้นมาก็คือฟีเจอร์ Adaptive Refresh Rate ของหน้าจอ, กระจกหน้าจอ, CPU และการใช้งาน 5G

ดีไซน์ตัวเครื่อง

หน้าตาของ Galaxy S21 จะดูแตกต่างไปจาก S20 อย่างเห็นได้ชัด ด้วยดีไซน์ Flush Camera Housing ซึ่งโมดูลกล้องจะรวมเป็นเนื้อเดียวกับเฟรมเครื่องที่เป็นโลหะ ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับโมดูลกล้องมากกว่าวัสดุที่เป็นกระจกครอบในรุ่นก่อน ๆ นอกจากนี้ยังเล่นสีแบบ Two-tone ระหว่างโมดูลกล้องและฝาหลังอีกด้วย ในขณะที่ S20 มีแค่โมดูลกล้องเป็นสีดำเท่านั้น

หน้าจอ

หน้าจอของมือถือซีรีส์ Galaxy S21 ยังคงใช้ดีไซน์แบบ Infinity-O เหมือนเดิม โดยรุ่น S21 และ S21+ มีหน้าจอแบบแบนราบ, พาเนลหน้าจอแบบ Dynamic AMOLED 2X และมี S21 กับ S20 มีขนาดเท่ากันที่ 6.2 นิ้ว

ซึ่งคราวนี้ Galaxy S21 และ S21+ กลับโดนลดความละเอียดลงมาเหลือแค่ Full HD+ เท่านั้น ในขณะที่ Galaxy S20 และ S20+ ใช้หน้าจอความละเอียด QHD+ ที่ให้ความคมชัดมากกว่า

แต่ S21 และ S21+ ก็ได้เปรียบกว่าด้วยเทคโนโลยีหน้าจอแบบ Adaptive Refresh Rate ที่สามารถปรับรีเฟรชเรทของหน้าจอให้เหมาะสมกับการใช้งานระหว่าง 48 – 120Hz ทำให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้มากกว่า นอกจากนี้ทั้งคู่ยังใช้กระจกหน้าจอแบบ Gorilla Glass Victus ที่มีความทนทานมากกว่า Gorilla Glass 6 ที่ใช้กับ S20 และ S20+ อีกด้วย

หน่วยความจำ

คราวนี้ Galaxy S21 Series ทั้ง 3 รุ่น ได้ถูกตัดการรองรับ microSD Card ออกไปแล้ว จากที่เคยมีอยู่ใน Galaxy S20 Series ทำให้คนที่ชอบถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงต้องคิดหนักกันหน่อย ว่าจะเอา 128GB หรือ 256GB ดี เพราะถ้าหากว่าพื้นที่เต็มขึ้นมาก็ต้องยักย้ายถ่ายเทไปใส่ที่หน่วยความจำภายนอกหรือจะใช้ Cloud Storage แทน แต่สำหรับ S20 Series นี่หายห่วงไปได้เลย พื้นที่เต็มเมื่อไหร่ก็หาซื้อ microSD Card มาเพิ่มเอาได้สบาย ๆ ครับ

นอกจากนี้ Galaxy S21 Series ยังได้เปลี่ยนมาใช้ความจุแบบ UFS 3.1 อัปเกรดจาก UFS 3.0 ที่ใช้ใน Galaxy S20 Series ทำให้ประสิทธิภาพในการอ่าน-เขียนข้อมูลดีขึ้นกว่าเดิม

รองรับ 5G

แน่นอนว่าเป็นมือถือเรือธงที่เปิดตัวในปี 2021 ก็เลยทำให้ Galaxy S21 Series รองรับการใช้งาน 5G ทุกรุ่นแน่นอน ในขณะที่ Galaxy S20 และ S20+ รุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศไทยไม่รองรับการใช้งาน 5G จะมีก็เฉพาะรุ่นท็อปอย่าง S20 Ultra เท่านั้นครับ

สเปค GALAXY S21+ และ GALAXY S20+

สเปคGalaxy S21+Galaxy S20+
โมเดล
หน้าจอDynamic AMOLED 2X ขนาด 6.7 นิ้ว
ความละเอียดFull HD+ (2400 x 1080)QHD+ (3200 x 1440)
รีเฟรชเรท48 – 120Hz Adaptive Refresh Rate60Hz – 120Hz
ความทนทานGorilla Glass VictusGorilla Glass 6
CPUExynos 2100Exynos 990
RAM (LPDDR5)8GB
ความจุ128GB / 256GB (UFS 3.1)128GB (UFS 3.0)
microSD Cardไม่รองรับรองรับ 1TB
กล้องหลัง
  • กล้อง Wide 12MP (f/1.8), ขนาดพิกเซล 1.8µm, OIS
  • กล้อง Ultra Wide มุมกว้าง 120 องศา ความละเอียด 12MP (f/2.2), ขนาดพิกเซล 1.4µm
  • กล้อง Telephoto 64MP (f/2.0), ขนาดพิกเซล 0.8µm, ซูม Optical 3X, OIS
  • กล้อง Wide 12MP (f/1.8), ขนาดพิกเซล 1.8µm, OIS
    กล้อง Ultra Wide
  • ความละเอียด 12MP (f/2.2) มุมกว้าง 120 องศา, ขนาดพิกเซล 1.4µm
  • กล้อง Telephoto 64MP (f/2.0), ขนาดพิกเซล 0.8µm, ซูม Optical 3X, OIS
  • ToF: DepthVision
กล้องหน้าWide 10 MP (f/2.2), 25 มม., 1/3.24 นิ้ว, 1.22µm
เซ็นเซอร์Fingerprint (ใต้หน้าจอแบบ Ultrasonic),
accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer
การเชื่อมต่อWi-Fi 6, Bluetooth 5.0, USB Type-C, NFCWi-Fi 6, Bluetooth 5.0, USB Type-C, NFC
การใช้งาน 5G5G Non-Standalone (NSA), Standalone (SA), Sub6 / mmWave ไม่รองรับ
ระบบเสียงลำโพงสเตอริโอคู่, ปรับแต่งเสียงโดย AKG, ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.
แบตเตอรี่4800 mAh 4500 mAh
ระบบชาร์จมีสาย 25W, ไร้สาย 15W, Reverse wireless charging 4.5W
ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบด้วย One UI 3.0 Android 10 ครอบด้วย One UI 2.0 (เริ่มได้รับ One UI 3.0 แล้ว)
ขนาด  / น้ำหนัก161.5 x 75.6 x 7.8 มม. / 200 กรัม162 x 73.7 x 7.8 มม. / 186 กรัม

 

สำหรับรุ่นพี่กลาง Galaxy S21+ ก็แทบจะไม่มีความแตกต่างกับรุ่นน้องเล็ก S21 เลย นอกจากขนาดหน้าจอ ขนาดตัวเครื่อง ขนาดแบตเตอรี่ และตัวเลือกสีเท่านั้น แต่ถ้าหากนำไปเทียบกับ Galaxy S20+ ก็จะเจอความแตกต่างอยู่ที่ความละเอียดหน้าจอ และสเปคกล้องครับ

หน้าจอ

Galaxy S21+ และ S20+ ใช้หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.7 นิ้ว เท่ากัน ต่างกันตรงที่ Galaxy S21+ มีความละเอียด Full HD+ ในขณะที่ Galaxy S20+ มีความละเอียด QHD+ แต่ S21+ ใช้เทคโนโลยีหน้าจอแบบ Adaptive Refresh Rate ที่ปรับรีเฟรชเรทของหน้าจอให้เหมาะสมกับการใช้งานระหว่าง 48 – 120Hz ทำให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้มากกว่า และใช้กระจกหน้าจอแบบ Gorilla Glass Victus ที่มีความทนทานมากกว่าด้วย

กล้องหลัง

ถัดมาที่กล้องหลังของ Galaxy S21+ และ S20+ กันบ้าง คราวนี้จะเห็นความแตกต่างกันแล้ว โดย Galaxy S21+ มีกล้องหลังให้มา 3 ตัว ซึ่งหากดูกันตามตัวเลขแล้วสเปคโดยรวมของทั้งคู่จะคล้ายกัน แต่ Galaxy S20+ จะได้เปรียบกว่าตรงที่มีเซ็นเวอร์ 3 มิติ ToF มาให้สำหรับใช้วัดระดับความลึกของวัตถุและพื้นหลัง ทำให้การถ่ายภาพแบบ Portrait ออกมาดีกว่าทั้งการตัดขอบวัตถุ และการเบลอพื้นหลังที่เป็นธรรมชาติมากกว่า

ส่วนกล้องเซลฟี่ที่อยู่ด้านหน้าของทั้ง 4 รุ่นนั้นก็ไม่มีความแตกต่างกัน เพราะยังคงใช้เซนเซอร์และความละเอียดแบบเดิม ไม่ว่าจะเป็นทั้งความละเอียด 10MP (f/2.2), ขนาดเซ็นเซอร์ 26mm (wide), ขนาดพิกเซล 1.22µm และระบบ Dual Pixel PDAF

แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ

สำหรับ Galaxy S21+ นั้นได้รับการอัปเกรดความจุขึ้นมาเป็น 4800mAh มากกว่าของรุ่น Galaxy S20+ ที่มีแบตเตอรี่ขนาดความจุ 4500mAh แม้ความจุจะต่างกัน แต่ทั้ง 2 รุ่นก็ยังรองรับระบบชาร์จไวเท่าเดิม โดยมีระบบชาร์จไวแบบมีสายที่ 25W และ Wireless Charging ที่ 15W

 

สเปค GALAXY S21 Ultra และ GALAXY S20 Ultra

สเปคGalaxy S21 UltraGalaxy S20 Ultra
 โมเดล
หน้าจอDynamic AMOLED 2X ขนาด 6.8 นิ้วDynamic AMOLED 2X ขนาด 6.9 นิ้ว
ความละเอียดQHD+ (3200 x 1440)
รีเฟรชเรท10 – 120Hz Adaptive Refresh Rate60 – 120Hz
ความทนทานGorilla Glass VictusGorilla Glass 6
CPUExynos 2100Exynos 990
RAM (LPDDR5)12GB / 16GB 12GB
ความจุ128GB / 256GB / 512GB (UFS 3.1)128GB (UFS 3.0)
microSD Cardไม่รองรับรองรับ 1TB
กล้องหลัง
  • กล้อง Wide 108MP (f/1.8), ขนาดพิกเซล 0.8µm, PDAF, OIS
  • กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12MP (f/2.2), มุมกว้าง 120°, ขนาดพิกเซล 1.4µm
  • กล้อง Telephoto 10x ความละเอียด 10MP (f/4.9), Dual Pixel AF, ขนาดพิกเซล 1.22µm, OIS
  • กล้อง Telephoto 3x ความละเอียด 10MP (f/2.4), Dual Pixel AF, ขนาดพิกเซล 1.22µm, OIS
  • เซ็นเซอร์ Laser AF
  • กล้อง Wide 108MP (f/1.8), ขนาดพิกเซล 0.8µm, PDAF, OIS
  • กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12MP (f/2.2),
  • มุมกว้าง 120°, ขนาดพิกเซล 1.4µm
  • กล้อง Telephoto 10x (Hybrid Optic Zoom) ความละเอียด 48MP (f/3.5), ขนาดพิกเซล 0.8µm, PDAF, OIS
  • เซ็นเซอร์ 3 มิติ ToF
กล้องหน้าWide 40 MP (f/2.2), 25 มม., 1/2.8 นิ้ว, 0.7µm, AF
เซ็นเซอร์Fingerprint (ใต้หน้าจอแบบ Ultrasonic), accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer
การเชื่อมต่อWi-Fi 6E, Bluetooth 5.2, USB Type-C, NFCWi-Fi 6, Bluetooth 5.0, USB Type-C, NFC
ปากกา S Penรองรับ S Pen และ S Pen Proไม่รองรับ
การใช้งาน 5G5G Non-Standalone (NSA), Standalone (SA), Sub6 / mmWave5G Non-Standalone (NSA), Standalone (SA), Sub6 / mmWave
ระบบเสียงลำโพงสเตอริโอคู่, ปรับแต่งเสียงโดย AKG, ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.
แบตเตอรี่5000 mAh
ระบบชาร์จไว มีสาย 25W, ไร้สาย 15W, Reverse wireless charging 4.5Wมีสาย 45W, ไร้สาย 15W, Reverse wireless charging 4.5W
ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบด้วย One UI 3.0 Android 10 ครอบด้วย One UI 2.0 (เริ่มได้รับ One UI 3.0 แล้ว)
ขนาด / น้ำหนัก165.1 x 75.6 x 8.9 มม. / 227 กรัม167 x 76 x 8.8 มม. / 220 กรัม

สุดท้ายกับรุ่นท็อปที่จัดเต็มในด้านสเปคแบบสุด ๆ ทั้งคู่ อย่าง Galaxy S21 Ultra และ S20 Ultra

ดีไซน์ตัวเครื่อง

Galaxy S21 Ultra ก็ยังมากับดีไซน์ Flush Camera Housing เหมือนรุ่นน้องทั้ง 2 แต่จะมีขนาดของโมดูลที่ใหญ่กว่าเนื่องจากยัดกล้องมาให้ถึง 4 ตัว + เซ็นเซอร์ Laser AF ด้วย ทำให้ขนาดเครื่องของ S21 Ultra ใหญ่สูสีกับ S20 Ultra และมีน้ำหนักเพิ่มขึนมาอีก 7 กรัม

หน้าจอ

สำหรับหน้าจอของ Galaxy S21 Ultra นั้นมาพร้อมกับกระจก Gorilla Glass Victus, หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ขอบโค้ง, ความละเอียด QHD+ เหมือนกับ S20 Ultra แต่ S21 Ultra จะมีขนาดเล็กกว่านิดนึงที่ 6.8 นิ้ว เทียบกับ S20 Ultra ที่ 6.9 นิ้ว

และถึงแม้ว่าทั้งคู่จะมีรีเฟรชเรทเท่ากันที่ 120Hz แต่ Galaxy S21 Ultra จะได้เปรียบตรงหน้าจอแบบ Adaptive Refresh Rate ที่ปรับเปลี่ยนรีเฟรชเรทให้เหมาะกับการใช้งานได้ระหว่าง 10 – 120Hz ทำให้ประหยัดพลังงานได้มากกว่า

กล้องหลัง / กล้องหน้า

เรียกได้ว่ารุ่นพี่ใหญ่สุดอย่าง Galaxy S21 Ultra จัดเต็มมาอย่างโหดเลยครับ เพราะใส่กล้องมามากถึง 4 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลักความละเอียด 108MP, กล้อง Ultra Wide 12MP, กล้อง Telephoto 10x 10MP และกล้อง Telephoto 3x ความละเอียด 10MP พร้อมเสริมด้วยเซ็นเซอร์ Laser AF เพิ่มความไวและความแม่นยำในการโฟกัสภาพแม้อยู่ในที่แสงน้อย

ต่างจากล้องหลังของ Galaxy S20 Ultra ที่มีกล้องเพียง 3 ตัว คือกล้องตัวหลักความละเอียด 108MP, กล้อง Ultra-Wide 12MP, กล้อง Telephoto 48MP พร้อมด้วยเซ็นเซอร์ DepthVision (ToF)

S21 Ultra ยังคงความสามารถในการซูมได้ไกลสุด ๆ ถึง 100 เท่า ด้วย Space Zoom เหมือนรุ่นก่อน แต่เสริมด้วยระบบ Super Resolution AI ในการปรับรายละเอียดของภาพให้ความคมชัดมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ 12-BIT HDR ทำให้สามารถในการถ่ายภาพคุณภาพสูงระดับ 12-bit HDR ที่เก็บรายละเอียดภาพและสีได้มากกว่าเดิมถึง 64 เท่า, เซ็นเซอร์ BRIGHT NIGHT ที่จะช่วยเพิ่มความสว่างให้กับการถ่ายภาพในที่มืดด้วยเทคโนโลยี 12MP Nona-binning ที่จะรวมเม็ดพิกเซลต่าง ๆ เข้าด้วยกันทำให้เก็บแสงได้มากขึ้น

และในส่วนของกล้องหน้านั้น Galaxy S21 Ultra ก็ยังคงแบบเดิมกับรุ่นพี่ซึ่งมาแบบยกชุด ไม่ว่าจะเป็นมากล้อง Wide ความละเอียดสูงถึง 40MP (f/2.2), ขนาดเซ็นเซอร์ 25 มม. (wide) และขนาดพิกเซล 0.7µm

ปากกา S PEN

Galaxy S21 Ultra ได้เพิ่มความเหนือชั้นกว่าเดิมด้วยการเพิ่มความสามารถให้รองรับการใช้งานปากกา S Pen ได้เหมือนกับซีรีส์ Galaxy Note สำหรับใช้ขีดเขียน หรือจดอะไรก็ได้ (แต่ต้องซื้อ S Pen และเคสสำหรับเก็บปากกาเพิ่มนะครับ)

RAM และหน่วยความจำ

ครั้งนี้ Galaxy S21 Ultra ไม่ได้มีแค่ RAM ขนาด 12GB เพียงอย่างเดียว แต่ยังได้รับการอัปสเปค RAM เพิ่มขึ้นมาอีกขนาด คือ 16GB ที่มาพร้อมกับความจุ 512GB นอกจากนี้ยังใช้หน่วยความจุใหม่แบบ UFS 3.1 ที่จะมีความเร็วในการอ่าน-เขียนข้อมูลมากกว่าความจุแบบ UFS 3.0 ที่ใช้ใน Galaxy S20 Ultra แต่น่าเสียดายที่ Galaxy S21 Ultra นั้นไม่รองรับการใช้งาน microSD Card แล้ว ในขณะที่รุ่นก่อนหน้าอย่าง Galaxy S20 Ultra รองรับ MicroSD Card  สูงสุดถึง 1TB

แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ

ทั้ง Galaxy S21 Ultra และ S20 Ultra มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 5000 มิลลิแอมป์ เหมือนกันทั้งคู่ รวมไปถึง การรองรับชาร์จแบบไร้สายที่ 15W และ Reverse wireless charging ที่ 4.5W แต่คราวนี้ S21 Ultra กลับถูกดาวน์เกรดระบบชาร์จไวแบบมีสายลงมาเหลือเพียง 25W เท่านั้น ในขณะที่ S20 Ultra รองรับสูงสุดถึง 45W

Play video

และทั้งหมดนี้ก็คือสเปคและฟีเจอร์ต่าง ๆ ของมือถือเรือธงซีรีส์ Galaxy S20 ไล่มาจนถึงรุ่นใหม่อย่างซีรีส์ Galaxy S21 สำหรับคนที่ใช้ Galaxy S20 / S20+ อยู่แล้ว รุ่น Galaxy S21 กับ S21+ อาจยังไม่ค่อยน่าเปลี่ยนซักเท่าไหร่ เพราะสเปคหลาย ๆ อย่างไม่ได้หนีกันมากมายนัก (ยกเว้นใครที่อยากใช้มือถือ 5G ก็คงจะสนใจมากขึ้น)

แต่รุ่นท็อปอย่าง Galaxy S21 Ultra เรียกว่าได้รับการอัปเกรดสเปค + ฟีเจอร์ขึ้นมาเพียบเลยโดยเฉพาะเรื่องกล้องที่จัดเต็มสุด ๆ ทั้งการถ่ายภาพนิ่งและถ่ายวิดีโอที่มีฟีเจอร์น่าสนใจเข้ามามากมาย แถมยังรองรับปากกา S pen อีกต่างหาก…แต่ถ้าใครที่ใช้ S20 Ultra ซึ่งรองรับ 5G อยู่แล้ว หากไม่ได้ซีเรียสเรื่องกล้องระดับเทพ หรือไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้ S Pen ก็อาจจะรอข้ามไปซีรีส์ Galaxy S22 หรือ Note 21 เลยก็ได้ครับ

ส่วนใครที่คิดว่าจะจัดรุ่นนี้จริง ๆ ก็ลองดูฟีเจอร์เด็ด ๆ รวมถึงตารางสเปคเทียบกันเองระหว่าง Galaxy S21 ทั้ง 3 รุ่น ได้ในบล็อกด้านล่างนี้ครับ

รวม 15 ไฮไลท์ฟีเจอร์เด็ดๆ ของ Galaxy S21, Galaxy S21+ และ Galaxy S21 Ultra

เปรียบเทียบ Galaxy S21, S21+ และ S21 Ultra สเปคเหมือน-ต่างกันตรงไหน ซื้อรุ่นไหนคุ้มกว่ากัน