หากสนใจอยากซื้อมือถือเรือธงซักตัวนึง ก็ไปได้สองทาง อย่าง iOS ก็จะได้เป็น iPhone 14 Pro Max แต่ถ้าพร้อมลุยเทคโนโลยีใหม่ด้วยมือถือจอพับระบบ Android ก็จะได้เป็น Samsung Galaxy Z Fold4 ซึ่งแน่นอนว่านอกจากสเปคบนกระดาษที่ต่างกันแล้ว การใช้งานจริงก็ย่อมต่างกันสุด ๆ อีก แต่ว่าในทั้งสองรุ่นนั้นมีจุดเด่น จุดด้อย การใช้งานต่างกันขนาดไหน คราวนี้เราจะพามาดูกันทีละเรื่องไปเลย
ความแรง CPU และความจุ RAM
เลือกซื้อมือถือก็ต้องดูที่ความแรงกันอยู่แล้ว ซึ่งจากผลทดสอบพบว่าชิป A16 Bionic ใน iPhone 14 Pro Max นั้นมีความแรงทะลุขึ้นมาจากชิป Snapdragon 8 Gen 2 ใน Samsung Galaxy Z Fold4 แต่ความแรงในมือถือตอนนี้เรียกได้ว่าอยู่จุดสูงสุดที่ครอบคลุมทุกการใช้งานไปหมดแล้ว หมายความว่าไม่ว่าจะใช้งานด้านไหนก็คงไม่รู้สึกต่าง เว้นแต่จะเอาไปเล่นเกมกราฟิกระดับสูงสุดกันจริง ๆ คงจะพอเห็นความต่าง
แต่ลองมาดูด้านหน่วยความจำ RAM ด้านใน จะเห็นว่า Galaxy Z Fold4 ให้มา RAM 12GB ในขณะที่ iPhone 14 Pro Max ให้มา RAM 6GB ต่างกันอยู่ถึงเท่าตัว ซึ่งจะพอเห็นความต่างเวลาเราต้องเปิดแอปพลิเคชันพร้อมกันเยอะ ๆ ยิ่งแรมเยอะก็จะทำให้มือถือเราเปิดใช้งานได้ลื่นมากขึ้น ซึ่ง RAM ที่เยอะใน Galaxy Fold4 ก็จะมาตอบโจทย์ด้านการเปิดทำงานหลายสิ่งพร้อมกันนี่แหละ
ตารางเทียบสเปค Galaxy Z Fold4 กับ iPhone 14 Pro Max
Galaxy Z Fold4 | iPhone 14 Pro Max | |
หน้าจอแสดงผล | (จอหลัก & จอนอก) Dynamic AMOLED 2X | OLED Super Retina XDR |
ขนาด | จอหลัก 7.6 นิ้ว จอนอก 6.2 นิ้ว | 6.7 นิ้ว |
ความละเอียด | จอหลัก 2176 x 1812 จอนอก 2316 x 904 | 2796 x 1290 |
รีเฟรชเรท | จอหลัก 1Hz – 120Hz จอนอก 48-120Hz | 1-120Hz |
ความสว่างหน้าจอ | สูงสุด 1,200 nits | สูงสุด 2,000 nits |
กระจกนิรภัย | จอหลัก Ultra Thin Glass จอนอก Gorilla Glass Victus+ | Ceramic Shield |
CPU | Snapdragon 8+ Gen 1 | A16 Bionic |
GPU | Adreno 730 | Apple GPU (5-core) |
RAM | 12GB | 6GB |
ROM | 256GB / 512GB / 1TB | 128GB / 256GB / 512GB / 1TB |
กล้องหลัง | Wide : 50MP (f/1.8) Dual Pixel AF, OIS Ultrawide : 12MP (f/2.2) กว้าง 123˚ Telephoto : 10MP (f/2.4), AF, OIS, 3x optical zoom | Wide : 48MP (ƒ/1.8), dual pixel PDAF, OIS Ultrawide : 12MP (ƒ/2.2), 120°, dual pixel PDAF Telephoto : 12MP (ƒ/2.8), PDAF, OIS, 3x optical zoom |
กล้องหน้า | ด้านใน : กล้องใต้จอ 4MP (f/1.8) ด้านนอก : 10MP (f/2.2) | 12MP ( ƒ/1.9) |
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ | ด้านข้าง | ไม่มี |
การเชื่อมต่อ | 5G (sub‑6 GHz/mmWave), LTE Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6e, dual-band, Wi-Fi Direct Bluetooth 5.2, ultra-wideband | 5G (sub‑6 GHz and mmWave), LTE Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, hotspot Bluetooth 5.3, Ultra Wideband |
สแกนใบหน้า | มี | FaceID |
ลำโพง | ลำโพงคู่แบบสเตอริโอ | ลำโพงคู่แบบสเตอริโอ |
มาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น | IPX8 | IP68 (ลงน้ำจืดได้ 6 เมตร) |
แบตเตอรี่ | 4400 mAh การเล่นวิดีโอ สูงสุด 20 ชั่วโมง | การเล่นวิดีโอ สูงสุด 29 ชั่วโมง |
ชาร์จไว | 25W | 20W |
ชาร์จไร้สาย | 15W | 15W |
ระบบปฏิบัติการ | One UI 4.1.1 บนพื้นฐาน Android 12L | iOS 16 |
น้ำหนัก | 263 กรัม | 240 กรัม |
ราคาเริ่มต้น | 59,000 บาท | 44,900 บาท |
ใช้งานหลายอย่างพร้อมกัน Multitask
มาเข้าเรื่อง Multitask หรือทำงานหลายอย่างพร้อมกันเลย จุดนี้ต้องยอมรับว่า Galaxy Z Fold4 มีความเหนือกว่า เพราะนอกจากจะมีพื้นที่จอเยอะกว่าแล้ว ยังออกแบบระบบมาให้แบ่งหน้าจอได้จำนวนมาก จะเทียบดูข้อมูล ดึงตัวหนังสือภาพลากไปมาระหว่างแอปก็ทำได้ง่าย ไม่ต้องคอยสลับแอปทีละหน้า ๆ ให้วุ่นวาย ในขณะที่ iPhone 14 Pro Max นั้นมีพื้นที่จอเล็กกว่า แถมไม่สามารถแบ่งครึ่งหน้าจอได้เลย ทำได้แต่ดึงหน้าลงมาข้างล่างเพื่อทำให้กดจอสะดวกด้วยมือเดียวได้เท่านั้น แล้วก็เหลือด้านบนดำ ๆ เอาไว้…เพื่อ!?
ความอึดแบตเตอรี่
อีกเรื่องสำคัญที่ผู้ใช้งานเป็นห่วงเวลาจะซื้อ คือความจุแบตว่าจะอยู่ได้ตลอดทั้งวันหรือไม่ จากสเปคจะเห็นว่า Apple เคลมไว้เลยว่า iPhone 14 Pro Max ใช้งานดูวิดีโอได้ยาวนานถึง 29 ชั่วโมงจากแบตความจุ 4323mAh ส่วนรุ่น Galaxy Z Fold4 มีระบุไว้ว่าใช้ดูวิดีโอได้นานเพียง 20 ชั่วโมง จากแบตความจุ 4400mAh ดังนั้นแม้จะเห็นว่ามีความจุใกล้เคียงกัน แต่จากระบบและรูปแบบของมือถือที่ต่างกันนั้นก็ใช้ไฟกันไปคนละแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Galaxy Z Fold4 ที่มีทั้งสองหน้าจอและฟังก์ชันการใช้งานที่มีมาก ยิ่งทำให้ต้องใช้พลังงานมากไปด้วย
ส่วนความอึดของ iPhone 14 Pro Max นั้นก็ต้องยกให้เค้าเลยจริง ๆ เพราะมีการจัดการซอฟต์แวร์ภายในให้อย่างยอดเยี่ยม ลองดูจากผลการทดสอบของทาง Droidsans ที่จับมือถือมาเผาแบตเทียบกันดู ก็พบว่า iPhone 14 Pro Max นั้นเป็นรุ่นที่แบตอึดมากที่สุดแล้ว แบตเต็ม 100% สามารถใช้งานยาว ๆ ต่อเนื่องกันได้ราว 10 ชั่วโมง
Dynamic Island ปะทะ Under Display Camera
Dynamic Island ก็ถือเป็นจุดว้าวที่เปิดตัวมากับ iPhone 14PM และอาจมีส่วนดึงดูดให้หลาย ๆ คนเสียตังค์ซื้อมาลองเล่นกันไปแล้ว แต่หลังจากที่ทดลองใช้กันไปซักพักก็จะพบว่า มันไม่ได้มีส่วนสำคัญอะไรที่ช่วยในการใช้งานมือถือตามเดิมมาก อย่างเรื่องการแสดงข้อมูลก็เป็นข้อมูลสถานะเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เราได้มองเห็นขยับไปมาหน่อยนึง และแจ้งเตือนสถานะอย่างอื่นอีก ซึ่งเมื่อต้องแลกมากับการกินหน้าจอขณะดูคลิปหรือเล่นเกมแล้ว บางคนอาจมองว่ามันไม่คุ้ม
ส่วน Galaxy Z Fold4 นั้นใช้กล้องหน้าของจอด้านในเป็นแบบ Under Display Camera หรือซ่อนกล้องไว้ใต้หน้าจอนั่นเอง เรียกได้ว่ามาคนละแนววเลย เพราะเค้าเน้นซ่อนกล้องไว้ให้ไม่เกะกะสายตา ซึ่งจะตัดปัญหากินพื้นที่หน้าจอไปได้ แต่กลายเป็นว่าเกิดเป็นปัญหาอื่นขึ้นมาแทน เพราะภาพที่ถ่ายออกมานั้นยังมีคุณภาพไม่ค่อยดีนัก ภาพออกเป็นฝ้า ๆ สีจาง ๆ แต่ก็แก้ได้โดยการหันไปใช้กล้องหลังกับจอด้านนอกดูภาพเวลาจะเซลฟี่เอาแทน
ความสะดวกในการพกพา
ปกติมือถือเครื่องหลักเราก็จะต้องพกติดตัวลอดเวลาอยู่แล้ว และถึง iPhone14PM จะมีจอกว้างและขนาดที่หนักพอตัว (สมความเป็น Pro Max) แต่ก็ยังอยุ่ในเกณฑ์ที่คนคุ้นชินมากพอที่จะพกไปไหนมาไหนโดยใส่กระเป๋ากางเกงได้
ต่างกันกับ Galaxy Z Fold4 ที่หนักขึ้นมาอีกราว 20 กรัม ซึ่งลองยกดูก็จะรู้สึกของความหนักของมันได้ทันที อาจทำให้ใช้งานมือเดียวลำบากสำหรับบางคน และใส่ร่วมกับกางเกงหลวม ๆ ไม่ได้ นอกจากนี้รูปทรงเวลาพับนั้นมีความเรียวยาวเป็นทรงกระบอก ทำให้ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วมีรอยนูนขึ้นมามาก
ดังนั้นแม้ Galaxy Z Fold4 จะมีฟังก์ชันหลากหลาย จอใหญ่สะใจแต่ก็ต้องแลกมากับการพกพาที่ลำบากขึ้นมาหน่อยนึงนะ
ประกันเครื่อง
ของ Apple เค้าก็จะมีประกันให้เลือกซื้อสำหรับคนไม่อยากจ่ายแพงหากต้องส่งเครื่องซ่อม เป็น AppleCare+ ราคา 8,290 บาท ทำให้เพิ่มเวลาคุ้มครองเป็น 2 ปี มีค่าธรรมเนียมซ่อมจอและกระจกด้านหลังเครื่อง ราคา 1,000 บาท แต่หากส่วนอื่นเสียหายมีค่าซ่อม 3,300 บาท
ส่วน Samsung ก็มีประกัน Samsung Care+ สำหรับ Galaxy Z Fold Series ราคา 7,999 บาท สำหรับ 1 ปี หรือ 13,799 บาทสำหรับ 2 ปี และเปิดให้ไปซ่อมจอแตกครั้งแรกได้ฟรี ๆ และหากมีความเสียหายมากเกินจะเปลี่ยนแค่อะไหล่ ก็สามารถเปลี่ยนเครื่องได้ในราคา 4,499 บาท ซึ่งก็ถือว่าใจป๋ามากเมื่อดูจากราคาเต็มเครื่อง
การใช้งานใน Ecosystem
เมื่อเป็น Apple คนก็ต้องนึกถึง Ecosystem ของเค้ากันเสมอ ที่ขึ้นชื่อว่ามีการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างราบลื่น ซึ่งก็ต้องยอบรับว่าระบบเค้าทำมาดีมาก ๆ ดังนั้นหากเป็นคนที่ใช้สินค้าของ Apple อยู่แล้ว ทั้ง iPad Mac ยังไงก็นี้ไปใช้มือถือรุ่นอื่นแล้วไม่ฟินเท่าใช้ iPhone 14 Pro Max แต่จะมีติดก็เรื่องส่งไฟล์ผ่านสาย เพราะยังให้ช่อง Lightning ที่มีความไวโอนข้อมูลแค่ USB 2.0 อยู่เลย ดังนั้นจะหวังพึ่งระบบของ Apple ในการส่งต่อข้อมูลกับอุปกรณ์นอกระบบลำบากมาก เช่นถ้ามีคอม Windows สักเครื่องก็คือเสียเวลาย้ายข้อมูล
ส่วน Galaxy Z Fold4 ด้วยความที่เป็นระบบ Android ก็มีตัวเลือกมากมายว่าจะเชื่อมต่อส่งโอนข้อมูลผ่านทางไหนบ้าง มีเยอะจนบางทีก็งงว่าควรเลือกอันไหนดี แถมพวกอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่าง Galaxy Watch และ Galaxy Tab ที่เชื่อมต่อกันได้ราบลื่นแล้ว และไม่ได้จำกัดแค่ของซัมซุงด้วย แต่ยังสามารถเชื่อมต่อ Windows ได้ผ่าน แอป Your Phone ด้วย
กล้องถ่ายภาพ
คราวนี้ iPhone 14 Pro Max ได้อัปเกรดกล้องหลักเป็น 48MP ซึ่งก็พัฒนาการถ่ายภาพไปได้ดีมาก ๆ อย่างเพิ่มช่วงการซูมระยะ 2 เท่าเข้ามา และยังถ่ายออกมาได้รายละเอียดคมชัดจากจำนวนพิกเซลที่มากขึ้นด้วย แต่กล้องตัวใหม่นี้ดันมีระยะโฟกัสที่ไกลมาก ๆ ราว 20 ซม. ได้ ทำให้จ่อกล้องเข้าใกล้วัตถุมากไม่ได้ เช่นถ่ายภาพอาหาร ก็จะเข้าใกล้ไม่ได้ ถ้าเปิด Macro ก็จะทำพื้นหลังเบลอไม่ได้อีก เลยต้องมาจบที่กดซูม 2 เท่า แล้วยืนถ่ายไกล ๆ เอา กลายเป็นว่าถ่ายยากขึ้นซะงั้น?
สำหรับ Galaxy Z Fold4 เป็นมือถือจอพับก็สามารถใช้จุดนี้มาเป็นประโยชน์เวลาถายภาพได้ อย่างการใช้กล้องหลักมาถ่ายเซลฟี่ ที่รับรองว่าจะได้ภาพระดับเทพสวยเกินใครแน่นอนเวลาถ่ายออกมา สามารถตั้งกางทำมุมให้ได้องศาใหม่ ๆ โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรเสริมได้เลย
อีกอย่างคือสีสันของกล้องเซลฟี่ ที่ iPhone 14 Pro Max รอบนี้ไม่มีการแต่งอะไรมาให้แม้แต่น้อย สีที่ได้ออกมามีความดิบ จริงจัง เอามาก ๆ ใครที่ชินกับความสวยงามสไตล์ไอโฟนรอบนี้บอกได้เลยว่าคงมีชะงักกันไป ในขณะที่ผั่งซัมซุงก็ยังคงสไตล์สีสันสดใส แบบที่คนทั่วไปน่าจะชอบเอาไว้เหมือนเดิม
การถ่ายวิดีโอ
สุดท้ายเรื่องการถ่ายวิดีโอ ยังคงต้องให้ iPhone 14 Pro Max เป็นแชมป์อยู่ ที่ทั้งสีสัน เนื้อภาพ การปรับแสง ความนิ่งของวิดีโอ ยังไม่สามารถมีมือถือค่ายไหนมาล้มเค้าลงได้ แถมยิ่งมีฟีเจอร์ใหม่เพิ่มเข้ามาเป็น Action Cam ที่ทำให้วิดีโอนิ่งราว Go Pro และไม่ได้ติดภาพย้วยอะไรด้วย
ส่วนวิดีโอของ Galaxy Z Fold4 นั้นแม้จะถ่ายวิดีโอได้ดีแต่ก็ยังมีคุณภาพสู้ของไอโฟนไม่ได้ แถมโหมดกันสั่น Stredy Cam เค้าก็ถ่ายได้ชัดสุดแค่ 1080P 60fps เท่านั้น ในขณะที่ของ iPhone ได้ถึง 2.8K 60fps และเรื่องการนิ่ง ความสวยงามของเนื้อภาพนั้นก็ยังดีได้ไม่สุดเหมือนอีกค่าย
สรุป
สุดท้ายแล้วทางเลือก iPhone 14 Pro Max ก็เหมือนมือถือสุดคุ้นเคย ที่เน้นการทำหน้าที่หลักให้ดี และก็เน้นพัฒนาฟังก์ชั่นหลักมากกว่าจะสรรหานวัตกรรมใหม่ ๆ มานำเสนอให้เราได้ลองกัน โดยมีระบบที่สามารถเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็จะเป็นระบบปิด ที่ถึงแม้จะใช้งานได้ลื่นไหลดี แต่ก็จำกัดไว้ให้สินค้าของ Apple เท่านั้น
ส่วน Galaxy Z Fold4 นั้นจะมีความพิเศษที่รูปแบบของมือถือ ที่การเปิดกางและพับได้นั้นกลายมาเป็นจุดแข็ง เปิดให้เราได้ลองใช้มือถือในรูปแบบใหม่ ช่วยในเรื่องการถ่ายภาพ และหน้าจอที่ใหญ่กับการรองรับปากกา Stylus นั้นก็ช่วยเรื่องการ Multitasking ได้เป็นอย่างดี ทำให้เราได้ใช้งานมือถือได้คุ้มค่ามากกว่าเดิม
แต่สุดท้ายแล้วรุ่นไหนจะเหมาะกับใครก็ต้องมาดูไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ว่าเน้นการใช้งานมือถือแบบไหน หรือว่าจะลองเปลี่ยนไปใช้แบบไหนแล้วดีกว่าเดิม ก็ต้องมานั่งนึกกันดี ๆ ก่อนลงมือซื้อครับ ถูกใจตัวไหนไปเลยโลดด
Comment