อุปกรณ์ในระบบ Android มีความหลากหลายทางฮาร์ดแวร์ในชนิดที่นับแทบไม่ถ้วน ทั้งขนาดหน้าจอที่แตกต่างกัน หรือซีพียูคนละสถาปัตยกรรม นักพัฒนาต้องทำแอปให้รองรับครอบคลุมกับอุปกรณ์เหล่านั้น ส่งผลให้ไฟล์ APK มีขนาดใหญ่หากไม่ได้แยกเอาไว้แบบเฉพาะเจาะจง แต่ปัญหานี้กำลังจะหมดไป เพราะล่าสุด Google ได้ปรับนโยบายใหม่ให้หันมาใช้ AAB แทน
Android App Bundle (AAB) เปิดตัวครั้งแรกใน Google I/O ปี 2561 ทำให้นักพัฒนาสามารถเลือกส่งเฉพาะแพ็กเกจบางส่วนของแอปขึ้นไปยัง Play Store แทนที่จะส่งไปเป็น APK ทั้งก้อนใหญ่ ๆ
เมื่อมีการเรียกดาวน์โหลดจากฝั่งผู้ใช้งาน ระบบจะคัดเลือกให้เองว่า แพ็กเกจแบบไหนของแอปที่เหมาะสมกับอุปกรณ์นั้น ๆ ด้วยวิธีนี้ Google กล่าวว่า ขนาดแอปโดยเฉลี่ยจะลดลงถึง 15% และสูงสุดเกินกว่า 50% เลยทีเดียว
สำหรับคนที่ติดตั้งแอปจำนวนมาก ๆ เอาไว้ในมือถือน่าจะเห็นผลชัดเจน ประหยัดพื้นที่เก็บข้อมูลไปได้มากโข ส่วนฝั่งผู้พัฒนาก็ได้ประโยชน์ เพราะไม่ต้องทำ APK แยกหลาย ๆ ตัวตามแต่ละความเข้ากันได้ของอุปกรณ์เหมือนในอดีต แค่ส่ง AAB ไป ที่เหลือเดี๋ยว Google จัดการให้เอง แถมยังออกอัปเดตได้สะดวกอีกต่างหาก (ดูเพิ่มเติม)
Google บอกว่า ตอนนี้มีแอปจำนวนมากกว่า 1 ล้านรายการแล้วที่ใช้วิธีการเผยแพร่ด้วย AAB ยกตัวอย่างแอปดัง ๆ เช่น Adobe, Gameloft, Netflix และ Twitter เป็นต้น
นอกจากนี้ Google ยังได้แจ้งให้นักพัฒนาปรับวิธีเผยแพร่ไฟล์ทรัพยากรของเกมที่เป็นส่วนขยายของ APK เสียใหม่ (ไฟล์ใหญ่ ๆ ที่เราต้องมานั่งดาวน์โหลดหลังจากที่เปิดเกมเล่นครั้งแรกนั่นแหละครับ) จากเดิมที่ใช้ไฟล์ OBB ให้เปลี่ยนมาเป็น Play Asset Delivery (PAD) หรือ Play Feature Delivery แทน
หากกล่าวให้เข้าใจง่าย ๆ หลักการทำงานของ PAD จะเป็นในลักษณะเดียกกับ AAB คือ นักพัฒนาสามารถแยกไฟล์ทรัพยากรออกเป็นแพ็กเกจได้ เวลาผู้ใช้งานสั่งดาวน์โหลดจะได้ไปเฉพาะในส่วนที่สอดคล้องกับอุปกรณ์ของตัวเอง เช่น มือถือที่มีหน้าจอความละเอียดต่ำ ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ไฟล์รูปภาพในแอปความละเอียดสูง ๆ อะไรทำนองนั้น ซึ่งจะช่วยร่นระยะเวลาในการดาวน์โหลด เพราะไฟล์มีขนาดเล็กลง และในเชิงเทคนิคแล้วจะมีความปลอดภัยมากกว่าด้วย
อย่างไรก็ตาม ประกาศนี้มีผลเฉพาะกับแอปใหม่ที่จะส่งขึ้น Play Store ตั้งแต่เดือนสิงหาคมศกนี้เท่านั้น แอปที่อยู่มาก่อนแล้วไม่ได้มีการแจ้งข้อกำหนดอะไรเพิ่มเติม
ดูเพิ่มเติม : Google
จะเกี่ยวกับที่ Windows 11 ใช้ APK ได้รึเปล่านะ พี่เกิ้ลก็เลยเปลี่ยนมาเป็น AAB แทนซะเลย
AAB ออกมาตั้งแต่ปี 2018 แล้ว และ Google ได้แจ้งนักพัฒนาล่วงหน้าคร่าว ๆ ในปี 2020 ให้เปลี่ยนมาเป็น AAB ประกาศล่าสุดนี่แค่ยืนยันวันและเวลาที่ชัดเจนเฉย ๆ ครับ ต่อให้ Windows 11 จะรองรับหรือไม่รองรับ APK สุดท้าย Play Store ก็จะลงเอยแบบนี้อยู่ดี
แต่จะเกี่ยวหรือเปล่าที่มาเลือกประกาศเอาช่วงนี้ อันนี้ผมไม่ทราบเหมือนกันแฮะ
ไม่เกี่ยวครับ AAB คือไฟล์ที่นักพัฒนาส่งขึ้น Google Play ครับ แต่เวลาฝั่งผู้ใช้ดาวน์โหลดแอปจาก Google Play เดี๋ยวทาง Google Play จะสร้าง APK จากไฟล์ AAB ส่งมาให้แทนครับ
ดังนั้นข่าวนี้มีผลแค่ฝั่งนักพัฒนาเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับฝั่งผู้ใช้ และไม่เกี่ยวกับ Windows 11 แน่นอนครับ