Android One โครงการมือถือ Android ราคาถูกคุณภาพ Google ที่เปิดตัวครั้งแรกในอินเดียเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วและ Google เองก็กระจายโครงการไปในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาอีกหลายประเทศ เช่น ตุรกี, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ แต่ตัวโครงการยังถือว่าเริ่มต้นได้ไม่ดีสักเท่าไหร่ เนื่องจากขายไม่ดีอย่างที่คิด ดูจากยอดขายในอินเดียที่โดยรวมแล้วจำหน่ายไปไม่ถึง 1 ล้านเครื่องก็พอจะบอกอะไรได้ ล่าสุด Google บอกว่าจะยังคงดัน Android One ต่อไปเหมือนเดิมและรู้สาเหตุที่ขายได้ไม่ถึงเป้าแล้ว

ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับ Economic Times นั้น Caesar Sengupta รองประธานฝ่ายการจัดการผลิตภัณฑ์ของ Google ได้ตอกย้ำถึงเป้าหมายของ Android One ไว้ว่า

“หลายๆครั้งที่พวกเราทำของอะไร ไม่ได้จะหวังยอดขายแต่ต้องการผลักดันมุมมองบางอย่างของเรา เป้าหมายของโครงการนี้คือทำให้แน่ใจว่าผู้ใช้สามารถปรับตัวกับการใช้งานมือถือได้และทำให้อีกพันล้านคนรู้สึกดีและประทับใจการใช้งานมือถือของเรา[br][br]ภายใน Google เองพวกเราแฮปปี้มากกับความคืบหน้าของ Android One เราจะเดินหน้าเรียนรู้มันและทำให้มันดีขึ้นในทุกๆประเทศที่เราไป สำหรับอินเดียเมื่อเราได้เปิดตัวอุปกรณ์รุ่นถัดไป คุณจะเห็นว่าเราทำได้ดีขึ้นแน่นอน”

Sengupta บอกว่ายอดขายที่ซบเซาในอินเดียของ Android One รุ่นแรกนั้นเป็นเพราะไม่มีการวางจำหน่ายแบบออฟไลน์ตามร้านค้าปลีกทั่วไป และ Google จะปรับแก้ตรงนี้ในการวางจำหน่ายรุ่นถัดไป

“พวกเราได้เรียนรู้กันอย่างมากจากการจำหน่ายในล็อตแรกโดยเฉพาะเรื่องช่องทางการจำหน่าย เราทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ของเราอย่างจริงจังที่จะแก้ไขในเรื่องนี้ ตั้งแต่แรกที่เปิดตัว คนที่สนใจไม่สามารถจะซื้อมือถือของเราได้ทุกคนในทุกช่องทางที่ควรจะเป็น ดังนั้นหลังจากนี้เราจะร่วมกับพาร์ทเนอร์เพื่อทำให้แน่ใจว่าเรามีของขายครบทุกช่องทางอย่างแท้จริง”

ต่อข้อถามที่ว่า Google เคยมีแผนที่จะล้มเลิกโครงการนี้มั้ย? Sengupta ตอบว่า

“ไม่เลย พวกเราไม่เคยคิดที่จะถอยและเรายังคงมุ่งมั่นเหมือนเดิม ตอนนี้ Android One มีจำหน่ายอยู่ใน 7 ประเทศแล้ว และเราจะทำงานร่วมกับ OEM ทั้งเจ้าเล็กเจ้าใหญ่ต่อไปเพื่อนำ Android One ไปสู่อีกหลายประเทศ นอกจากนั้นเรายังคิดว่าควรจะมีรุ่นพิเศษเฉพาะสำหรับบางประเทศด้วย Android One เป็นตัวกระตุ้นเล็กๆชิ้นหนึ่งในระบบนิเวศของ Android ที่ Google จะผลักดันต่อไป”

นอกจากนั้น Sengupta ยังบอกว่า Android One รุ่นใหม่ของปีนี้จะมีช่วงราคาที่กว้างขึ้น โดยจะมีราคาอยู่ในช่วง $100-$200 หรือประมาณ 3,000-6,000 บาทนั่นเอง 

ที่มา: Android Central