ในงาน Mobile World Congress ครั้งนี้สมาร์ทโฟนหลายรุ่นของฝั่ง Android ได้เปิดตัวกันมากมาย และที่น่าสนใจคือหลายๆ ค่ายเลือกเปิดตัวมือถือที่เป็น Android One หลายรุ่น และหากมีรุ่นเล็กๆ ราคาประหยัดก็จะเลือกใช้ Android Go กันด้วย วันนี้เราเลยได้มาพูดคุยกับ Sameer Samat รองประธาน Android และ Google Play เกี่ยวกับเรื่องนี้กันครับ

Android Go

Sameer ได้อธิบายว่ากว่าจะมาเป็น Android 8.0 Oreo Go Edition นั้น ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่สมัย KitKat หรือ Android 4.4 กันเลยทีเดียว เพราะ Google ได้พยายามเช็คประสิทธิภาพของมือถือที่มี RAM 1GB มาตลอดว่ามันทำงานเป็นอย่างไรบ้างจาก KitKat, Lollipop, Marshmallo, Nougat ซึ่งก็เห็นเลยว่ามันค่อยๆ ช้าลงเรื่อยๆ ทางทีมก็เลยตัดสินใจว่าจะต้องทำการปรับปรุงประสิทธิภาพและการทำงานของ Android ให้ใช้งานบนเครื่องที่มีทรัพยากรจำกัดได้ และแน่นอนว่าต้องปรับปรุงแอปต่างๆ ของ Google ให้สามารถทำงานได้เร็วและน่าพอใจบนนั้นด้วย

Android Oreo Go Edition ไม่ใช่ Android เวอร์ชั่นใหม่ แต่มันคือ Oreo ตัวเดียวกันกับทุกๆ เครื่องที่ใช้งาน คือถ้าใครต้องการจะผลิตมือถือขึ้นมาสักรุ่น แต่มี RAM 1GB หรือน้อยกว่า Google นั้นมีกฏเลยว่าคุณต้องใช้ Android Go เท่านั้น

หลายๆ คนก็ยังมีคำถามและสงสัยว่ามือถือ Android Go นั้นไม่สามารถลงแอปหรือมี Play store ที่แตกต่างจาก Android ทั่วๆ ไปหรือไม่ คำตอบคือไม่ใช่แน่นอน Android ทุกรุ่นมี Playstore เดียวกัน จะเวอร์ชั่นปกติหรือ Go Edition ก็สามารถโหลดแอปได้เหมือนกัน แต่บนมือถือ Android Go นั้นจะมีหน้าของแอปที่พัฒนามาแล้วมีขนาดเล็กมากๆ เหมาะกับ Android Go เป็นพิเศษแนะนำเพิ่มเข้ามาเท่านั้น แต่จะไปโหลดแอปตัวเต็มมาติดตั้งก็ได้ถ้าคุณต้องการ

ในงานนี้มีมือถือ Android Go เปิดตัวหลายรุ่น หนึ่งในนั้นก็มี Nokia 1 อยู่ด้วย ซึ่งด้วยสเปคที่จำกัด แต่ก็ยังสามารถทำงานได้ดีและลื่นไหล นั่นเพราะการปรับแต่งระบบ OS และได้ได้ลองกับแอปต่างๆ ในตระกูล Go ไม่ว่าจะ Google Go, Maps Go ก็จะเห็นได้ว่ามันทำงานได้เร็ว นั่นเพราะตัวแอปถูกออกแบบมาให้เบา ซึ่งถ้าใช้แอปที่ออกแบบมาสำหรับ Android Go โดยเฉพาะก็จะให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีได้ไม่แพ้มือถือที่ราคาและสเปคสูงกว่านี้

แอปของ Android Go เองไม่ได้แค่ปรับขนาดให้เล็กลงและทำงานได้เร็วเท่านั้น แต่มีกาปรับเปลี่ยนหน้าตาเพื่อให้ใช้งานง่ายขึ้นด้วย อย่างเช่น Google Go ที่เปิดเข้ามาจะเห็นเลยว่า Search bar นั้นถูกย้ายไปไว้ด้านล่าง แต่จะมีไอคอนต่างๆ ให้กดเพื่อใช้งานแทน สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับยุคของเวบไซต์ เกิดมาก็เจอมือถือเลย การมีไอคอนต่างๆ นั้นช่วยให้เรียนรู้การใช้งานได้ง่านและเร็วขึ้น

เช่นเดียวกับ YouTube Go ที่หลังจากค้นหาคลิปแล้ว สามารถเลือกได้เลยว่าจะโหลดเอามาเก็บไว้ดูทีหลัง โดยมีขนาดของไฟล์ระบุเลยว่าจะใช้กี่ MB หรือใน Google Play เองก็จะมีระบุขนาดของแอปเลยว่าต้องใช้พื้นที่ในการติดตั้งเท่าไหร่หากจะโหลดแอปหรือเกมเหล่านี้

หลายๆ คนอาจจะได้ลอง Files Go กันไปแล้ว นี่ก็เป็นอีกแอปที่ออกแบบมาเพื่อให้มือถือที่มีความจำน้อยๆ สามารถจัดการบริหารตัวเครื่องได้ มันจะคอยถามให้ลบไฟล์ที่ซ้ำกัน รวมถึงพวก cache และ temp ไฟล์ทิ้งไปด้วย ช่วยลดปัญหาหน่วยความจำเต็มหรือไม่พอใช้งาน

การที่มี Android Go Edition  ก็เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการใช้งานของสมาร์ทโฟนได้ ในราคาที่ไม่สูง แต่ได้ความสามารถและฟีเจอร์เต็มที่ เครื่องที่ราคาไม่แพงก็จะมีพื้นที่ในการใช้งานมากขึ้นด้วยเพราะเราลดขนาดของระบบปฏิบัติการและแอปลงไปแบบครึ่งต่อครึ่ง

Android One

จบจาก Android Go แล้ว Sameer ก็ให้ข้อมูลเรื่อง Android One ต่อทันที ซึ่งก่อนหน้านี้ Android One นี่แหละคือระบบปฏิบัติการณ์ที่ทาง Google ตั้งใจให้มันไปใช้งานกับมือถือราคาประหยัด โดยจับมือกับผู้ผลิตในการใช้ Stock Android หรือ Pure Android เพื่อที่จะได้รับการอัพเดทเวอร์ชั่นที่รวดเร็วอย่างต่อเนื่อง

แต่สิ่งที่ Google ได้เรียนรู้จากการทำ Android One ในยุคแรกคือผู้เริ่มต้นใช้งานสมาร์ทโฟนหรือมือถือราคาประหยัดนั้น ไม่ได้ต้องการ Pure Android ไม่ได้ต้องการจะอัพเดท software แต่กลับกลายเป็นกลุ่มผู้ใช้งานในระดับกลางไปจนถึงระดับสูงที่อาจจะเลือกซื้อรุ่นท็อปที่ต้องการใช้งาน Pure Android มากกว่า เพราะลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการท่ี่จะได้รับอัพเดท software อย่างต่อเนื่อง รู้ข่าวการมาของ Android เวอร์ชั่นใหม่ๆ โดยตลอด

ทำให้ตอนนี้ Android One ได้เปลี่ยนตัวเองใหม่ โดยจะมีวางขายในทุกๆ ช่วงราคา แล้วแต่ว่าผู้ให้บริการค่ายไหนสนใจที่จะนำเอาไปผลิตมือถือบ้าง อย่างในงาน MWC นี้ก็มี Nokia ที่เอาไปใช้กับเรือธงอย่าง Nokia 8 Sirocco รวมถึง Nokia 7 Plus และ Nokia 6 หรือ Wiko ที่เปิดตัวรุ่นใหม่ View 2 เป็น Android One ซึ่งชื่อนี้เป็นการการันตีว่าจะได้รับอัพเดทอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องนั่นเอง

 

Q&A ถามตอบปัญหาคาใจเรื่อง Android Go และ Android One

droidsans : ทำไมถึงใช้ชื่อ Android Go? ไม่ใช้ชื่อ Android Lite หรือชื่ออื่นๆ?

Google : เพราะชื่อ Lite มันมักจะสื่อถึงเวอร์ชั่นที่ด้อยกว่าหรือการลดฟีเจอร์ แต่ Android Go ไม่ใช่การลดฟีเจอร์ และไม่ต้องการให้ผู้ใช้งานเข้าใจไปในทางนั้น ซึ่งก่อนหน้านี้เราเปิดตัว YouTube Go ไปแล้ว และได้รับการตอบรับที่ดี ก็เลยเอามาใช้ต่อเนื่องไปเลย

droidsans : Android Go กับ Android One จะได้อัพเดทเหมือนกันหรือเปล่า?

Google : ผู้ผลิต Android One ไม่ว่าจะเป็นค่ายไหนก็ตาม ต้องมีการตกลงกับ Google แล้วว่าจต้องมีการอัพเดทตามระยะเวลาที่ Google กำหนด คืออัพเดท OS อย่างน้อย 2 ปี และความปลอดภัย (security patch) อย่างน้อย 3 ปี แต่สำหรับ Android Go แล้ว เราไม่ได้มีข้อตกลงในส่วนของการอัพเดท OS แต่ขึ้นอยู่กับผู้ผลิต แต่ยังได้รับอัพเดท security patch อย่างต่อเนื่อง

droidsans : Android Go รองรับ Project Treble หรือเปล่า?

Google : สำหรับ Android ที่วางจำหน่ายเป็น Oreo นั้นทุกเครื่องต้องรองรับ Project Treble รวมถึง Android Oreo Go Edition ด้วยเช่นกัน

droidsans : แล้วค่ายที่มีการทำ UI ของตัวเอง หากจะใช้ Android One หรือ Android Go จะเกิดอะไรขึ้น?

Google : ส่วนของ Android Go นั้นเราไม่มีข้อห้ามในเรื่องนี้ ผู้ผลิตสามารถทำ custom UI ได้ แต่ต้องได้รับการยินยอมและตรวจสอบจาก Google ก่อนว่ามันทำงานได้ดี ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ไม่แตกต่างไปจาก stock UI แต่สำหรับ Android One นั้นต้องใช้ Stock UI เท่านั้น

สรุปข้อมูลที่ได้จากการไปสัมภาษณ์รองประธานฝั่ง Android ก็คือ ณ ตอนนี้ Android One ได้เแปรสภาพกลายเป็น Android สำหรับทุกช่วงราคาไปแล้ว ใครอยากจะใช้ก็สามารถไปเข้าร่วมโครงการกับ Google ได้  โดยมีจุดเด่นในเรื่องของการใช้ Stock Android และการอัพเดทที่ต่อเนื่อง

ส่วน Android Go นั้นถูกออกแบบมาเพื่อสมาร์ทโฟนราคาประหยัดโดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้เริ่มต้นใช้งานได้ประสบการณ์ที่ดีและครบถ้วนแบบ Android แม้สเปคจะไม่แรงมากนัก ผู้ผลิตอาจจะมีการใช้ custom UI ก็ได้ แต่ต้องผ่านการรับรองเรื่องประสิทธิภาพจาก Google ก่อน ส่วนการอัพเดทเวอร์ชั่นนั้นก็แล้วแต่ผู้ผลิตว่าจะได้ในช่วงไหน เหมือนกับมือถือ Android ทั่วๆ ไปนั่นเองครับ