Google เปิดตัว Fitbit Charge 5 สายรัดข้อมืออัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุด รุ่นแรกของซีรีส์ที่มาพร้อมกับหน้าปัดแสดงผลแบบสี แบตเตอรี่สุดอึดใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 7 วัน และพิเศษสุด ๆ ได้บริการ Fitbit Premium ไปใช้งานอีกเพลิน ๆ 6 เดือน ราคาค่าตัวอยู่ที่ $179.95 หรือประมาณ 5,890 บาท (ยังไม่รวมภาษี)

จุดเด่นของ Fitbit Charge 5 อยู่ที่ความสามารถของฟีเจอร์เกี่ยวกับสุขภาพ มาพร้อมกับระบบ Daily Readiness ที่จะช่วยประเมินว่าร่างกายของผู้สวมใส่ตอนนี้เหมาะกับการออกกำลังกายชนิดไหน ความเข้มข้นควรอยู่ในระดับที่เท่าไหร่ บอกระดับอัตราการเต้นของหัวใจ และคุณภาพของการหลับนอนของเมื่อคืนที่ผ่านมา

หน้าปัดแสดงผลแบบสีของ Fitbit Charge 5 จะมีความสว่างขึ้นกว่าเดิม เมื่อเทียบกับ Charge 4 รุ่นก่อนถึง 2 เท่า รองรับการใช้งานฟีเจอร์ Always-On Display หน้าปัดติดตลาดเวลา ดูการแจ้งเตือน หรือเวลาได้ตลอด ไม่ต้องลำบากใช้นิ้วแตะให้ยุ่งยาก

นอกจากนี้ Fitbit Charge 5 ยังสามารถแสดง Stress Management หรือการจัดการความเครียด ให้ผู้สวมใส่สามารถประเมินตนเองว่าตอนนี้เครียดเกินไปหรือเปล่า ควรพักก่อนไหม และมีความเสี่ยงต่อ Burnout Syndrome หรือโรคหมดไฟมากน้อยแค่ไหน แถมรอบนี้ยังได้ Fitbit Premium มาใช้งานแบบฟรี ๆ ถึง 6 เดือนด้วยกัน เข้าถึงโปรแกรมออกกำลังกายต่าง ๆ ได้เพียบ

Fitbit Charge 5 สามารถใช้วัดอุณหภูมิของผิวหนังได้ วัดค่าออกซิเจนในเลือด วัด HR หรืออัตราการเต้นของหัวใจได้ตลอด 24 ชั่วโมง รองรับ ECG และที่สำคัญ Fitbit Charge 5 ใช้ตรวจจับ AFib หรือภาวะการเต้นผิดจังหวะของหัวใจที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้อีกด้วย

สเปค Fitbit Charge 5

  • หน้าจอ AMOLED แบบสี รองรับฟีเจอร์ Always-On Display
  • สายรัดข้อมือเปลี่ยนได้
  • รองรับการออกกำลังกาย 20 แบบ
  • เซ็นเซอร์ EDA ตรวจวัดค่าความเครียดได้
  • รองรับ ECG และตรวจจับ AFib ได้
  • ฟีเจอร์วัดค่าออกซิเจนในเลือด (SpO2)
  • มี GPS ในตัว
  • วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ตลอด 24 ชั่วโมง
  • รองรับ Google Fast Pair
  • รองรับ Fitbit Pay (ผ่าน NFC)
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 7 วัน

Google เผยว่าตอนนี้สามารถพรีออเดอร์ Fitbit Charge 5 ได้แล้วผ่านเว็บไซต์ ส่วนตลาดอื่น ๆ รวมถึงประเทศไทยบ้านเรา จะเปิดตัวในช่วงสิ้นปีนี้ สำหรับราคาค่าตัวของสายรัดข้อมือรุ่นนี้จะอยู่ที่ $179.95 หรือราว ๆ 5,890 บาท ซึ่งราคานี้ยังไม่รวมภาษีนะครับ

Play video

 

ที่มา: XDA