รอกันอยู่นาน ล่าสุด Pixel 4a 5G อีกหนึ่งมือถือระดับกลางของ Google ก็ได้เปิดตัวเรียบร้อย โดยสมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะมาพร้อมกับสเปคที่ค่อนข้างจะใกล้เคียงกับ Pixel 4a ที่เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นานก่อนหน้านี้ จะเว้นก็แต่ชิปเซ็ตที่รอบนี้เปลี่ยนมาใช้เป็น Snapdragon 765G และรองรับการใช้งาน 5G แล้ว ซึ่งจะเคาะราคาอยู่ที่ $499 หรือราวๆ 15,800 บาท
หน้าจอ OLED ขนาด 6.2″ ครอบทับด้วยกระจกนิรภัย Gorilla Glass 3
Pixel 4a 5G มาพร้อมกับหน้าจอแบบ OLED ขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ 1080 x 2340 ความหนาแน่นของพิกเซลอยู่ที่ 413 ppi มีการเจาะรูบริเวณมุมซ้ายบนของหน้าจอสำหรับวางกล้องเซลฟี่ ในส่วนค่ารีเฟรชเรท รุ่นนี้จะใส่มาให้เพียงแค่ 60Hz เท่านั้น ไม่ใช่ 90Hz แบบรุ่นพี่อย่าง Pixel 5 ที่เปิดตัวพร้อมกันในงาน
ชิปเซ็ต Snapdragon 765G รองรับ 5G
ตัวเครื่อง Pixel 4a 5G จะถูกขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 765G จาก Qualcomm ที่มาพร้อมกับโมเด็มรองรับ 5G ในตัว (มีคลื่น 5G ของบ้านเราด้วย แต่ใช้ได้ไม่ได้ว่ากันอีกที) พ่วงกับหน่วยความจำแบบ UFS 2.1 ขนาด 128GB ไม่สามารถใส่ microSD Card เพิ่มความจุได้ และ RAM 6GB
ซึ่งบอกเลยว่าชิป Snapdragon 765G นั้น สามารถทำคะแนน Benchmark ออกมาได้ใกล้เคียงกับชิปเซ็ต Snapdragon 845 ที่มีฐานะเป็นถึงชิปเรือธงเมื่อ 2 ปีก่อนเลยทีเดียว ทว่าชิป Snapdragon 765G จะกุมความได้เปรียบตรงที่ถูกออกแบบมาให้กินไฟน้อยลงกว่าเดิมนั่นเอง
กล้องหลังคู่ มีเลนส์ Ultra-Wide
Pixel 4a 5G มาพร้อมกับกล้องหลัง 2 ตัว ประกอบด้วยเซ็นเซอร์หลักความละเอียด 12.2MP และกล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 16MP มุมกว้าง 107 องศา ค่ารูรับแสง f/2.2 สามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K @60fps และแบบ Slow-Motion ที่ 1080p @240fps ส่วนกล้องหน้าจะเป็นตัวความละเอียด 8MP มุมกว้าง 83 องศา
มีฟีเจอร์ Portrait Light ที่จะเข้ามาช่วยให้ผู้ใช้งาน Pixel 4a 5G สามารถปรับแต่งแสงในภาพที่ถ่ายจากโหมดบุคคลได้ตามใจชอบอีกด้วย ซึ่งในส่วนนี้ทาง Google จะใช้ AI เข้ามาช่วยแก้ไข นั่นแปลว่าภาพเก่าๆ ก็สามารถนำมาปรับแต่งได้เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องเป็นภาพใหม่ที่เพิ่งถ่าย
รอบนี้ Google ได้ใส่ฟีเจอร์ Night Sight มาใน Portrait Mode บน Pixel 4a 5G แล้ว ทำให้ผู้ใช้งานสามารถหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้ แม้ว่าตอนนั้นจะอยู่ในที่แสงน้อยก็ตาม ซึ่งภาพที่ได้ก็ตามสไตล์มือถือตระกูล Pixel เลย สวยสดรายละเอียดมาครบ
แถมยังมีฟีเจอร์ Cinematic Pan ที่จะทำให้ผู้ใช้งานถ่ายวิดีโอให้ได้ฟิลแบบถ่ายหนังฟอร์มยักษ์ยังไงยังงั้นอีกด้วย
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลัง และยังคงมีรูหูฟัง 3.5 มม. เหมือนเดิม
ในส่วนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ รอบนี้จะยังคงอยู่ที่ด้านหลังเหมือนเดิม แถมรูหูฟัง 3.5 มม. ก็ยังไม่ถูกถอดออกไปอีกด้วย ซึ่งปุ่ม Power ของ Pixel 4a 5G จะถูกแต่งแต้มด้วยสีสันให้ตัดกับสีตัวเครื่อง เพิ่มลูกเล่นกิมมิคให้กับสมาร์ทโฟน
Titan M Chip ข้อมูลส่วนตัวปลอดภัย พร้อมรับประกันอัปเดต Android OS 3 ปี
Pixel 4a 5G มาพร้อมกับชิปรักษาความปลอดภัย Titan M Chip ที่ทาง Google ได้รับประกันเอาไว้ว่า จะข้อมูลส่วนตัวต่างๆ อย่างแชท ไฟล์ รูปภาพ ฯลฯ จะไม่ถูกขโมยไปอย่างแน่นอน ทุกอย่างที่อยู่บน Pixel 4a 5G จะเซฟหมด
ได้รับอัปเดตทั้งในส่วน Android OS และแพทช์รักษาความปลอดภัยกันแบบยาวๆ เป็นเวลานาน 3 ปี โดย Pixel 4a 5G จะมากับระบบปฏิบัติการ Android 11 ตั้งแต่ในกล่อง ซึ่งแปลว่าเจ้า Pixel 4a 5G นี้ จะสามารถใช้งานลากต่อได้ถึง Android 14 เลยทีเดียว
แบตเตอรี่ใหญ่กว่าเดิม รองรับ PD 18W
แถมรอบนี้ Pixel 4a 5G ยังได้รับการอัปเกรดเรื่องสเปคแบตเตอรี่ อัดความจุมาให้แบบเต็มๆ 3800 มิลลิแอมป์ สามารถเปิดโหมดประหยัดพลังงานเพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานกว่าเดิมได้ รวมถึงรองรับระบบชาร์จไวแบบ Power Delivery ได้ 18W อีกด้วย ผ่านพอร์ต USB-C
Hold for Me เบื่อการรอสายไหม? ให้ Google Assistant รอให้สิ
เป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มากๆ เลยก็ว่าได้สำหรับ Hold for Me เพราะผู้ใช้งานสามารถเรียกให้ Assisant มารอสายแทนเราได้ ซึ่งหากปลายสายสนทนากลับมาเมื่อไหร่ ทางตัวผู้ช่วยก็จะแจ้งเตือนทันทีว่าปลายสายพร้อมคุยต่อแล้ว
สเปค PIXEL 4A 5G
- หน้าจอ : OLED ขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ รีเฟรชเรท 60Hz
- ชิปเซ็ต : Snapdragon 765G
- RAM : 6GB แบบ LPDDR4X
- ความจุ : 128GB USF 2.1
- กล้องหลัง : 12.2MP (ƒ/1.7) + 16MP
- กล้องหน้า : 8MP (ƒ/2.0)
- การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0, USB-C และรูเสียบหูฟัง 3.5 มม.
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ : ด้านหลังเครื่อง
- ลำโพงสเตอริโอ
- รองรับ 5G: n1/2/5/12/25/28/41/66/71/78
- แบตเตอรี่ : ความจุ 3,800 mAh รองรับชาร์จไว 18W USB-PD 2.0
- ระบบปฏิบัติการ : Android 11
- สีที่วางขาย : Just Black แค่ดำ กับ Clearly White ขาวชัดๆ
Pixel 4a 5G เปิดราคาอยู่ที่ $499 หรือประมาณ 15,800 บาท (ยังไม่รวมภาษี) ซึ่งจะเริ่มวางจำหน่ายวันแรกในประเทศญี่ปุ่นวันที่ 15 ตุลาคมที่จะถึงนี้ ส่วนประเทศที่เหลือจะทยอยมาขายในเดือนพฤศจิกายนครับ และแน่นอน…. ประเทศไทยเราก็น่าจะต้องพึ่งบริการเครื่องหิ้วกันต่อไป 😥😆
สเปคไม่ห่างจาก 5 แล้วจะไปเล่น 5 ทำไมครับเนี่ย
google ฆ่ารุ่น 5 ด้วย 4a
ดูคุ้มค่ากว่า 5 จริงด้วยครับ
เปิดราคาอยู่ที่ $499 หรือประมาณ 15,800 บาท มาบ้านเรา+ค่าหิ้ว สเปคนี้ ราคานี้ ก็ไม่ถูกนะค้าบ เดา 18,900