มีข่าวลือมาสักระยะหนึ่งแล้วว่า Nokia กำลังซุ่มพัฒนาฟีเจอร์โฟนรุ่นใหม่อยู่ ในที่สุดวันนี้ก็ได้ฤกษ์เผยโฉมอย่างเป็นทางการแล้ว มาพร้อมกันทีเดียว 2 รุ่นเลย ได้แก่ Nokia 8000 4G และ Nokia 6300 4G โดยเป็นการหยิบเอาชื่อพร้อมทั้งดีไซน์บางส่วนจากรุ่นดั้งเดิมกลับมาทำใหม่ ให้เป็นมือถือที่เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น โดย Nokia 8000 4G มีราคา 79 ยูโร (≈2,790 บาท) และ Nokia 6300 4G มีราคา 49 ยูโร (≈1,790 บาท)
Nokia 8000 4G
Nokia 8000 4G ถูกออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากความแวววาวของอัญมณี โดยจะเห็นได้ว่า ทั้งเฟรมรอบตัวเครื่องรวมถึงฝาหลังมีพื้นผิวเป็นลักษณะมันวาว แม้จะเป็นวัสดุพอลีคาร์บอเนต แต่ก็ให้ความรู้สึกหรูหราราวกับกระจก สะท้อนแสงวิบวับสวยงาม มีด้วยกัน 4 สี คือ Opal White, Onyx Black, Topaz Blue, และ Citrine Gold
จอภาพของ Nokia 8000 4G มีขนาด 2.8 นิ้ว เป็นขนาดที่ใหญ่พอสมควรหากเทียบกับฟีเจอร์โฟนด้วยกัน เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างถนัดถนี่ แผงปุ่มกดจะมีลักษณะโค้งที่บริเวณขอบแบบ 3D ทำให้จับถือได้กระชับมือ
หากใครกำลังคิดว่า ฟีเจอร์โฟนคงทำได้แค่รับสายและโทรออก คุณกำลังคิดผิด เพราะ Nokia 8000 4G เป็นฟีเจอร์โฟนที่ถูกปรับปรุงให้มีความทันสมัย มาพร้อมกับแอปชื่อดังต่าง ๆ มากมาย อาทิ WhatApp, Facebook, YouTube และ Google Maps เป็นต้น อีกทั้งยังมี Google Assistant ผู้ช่วยอัจฉริยะในตัวที่จะเข้ามาช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันมีความสะดวกมากขึ้นด้วย
ตามชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า Nokia 8000 4G แน่นอนว่า ต้องรองรับการเชื่อมต่อเครือข่าย 4G ซึ่งประโยชน์ของมันไม่ได้มีเพียงแค่การเล่นอินเทอร์เน็ตหรือการแชร์ Wi-Fi hotspot ด้วยความเร็วสูงเพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยเพิ่มความคมชัดของการสนทนาขณะคุยโทรศัพท์อีกด้วย แถมยังใช้งาน 4G ได้ทั้ง 2 SIM อีกต่างหาก
สเปค Nokia 8000 4G
- จอภาพ : 2.8 นิ้ว, ความละเอียด QVGA
- ชิป : Qualcomm Snapdragon 210
- หน่วยความจำ : RAM 512MB + 4GB, รองรับ microSD card สูงสุด 32GB
- กล้อง : 2MP, แฟลช LED
- การเชื่อมต่อ :
– เครือข่าย GSM, WCDMA (LTE Cat 4)
– Wi-Fi
– GPS, A-GPS
– Bluetooth
– วิทยุ FM
– ช่องหูฟัง 3.5 มม.
– Micro-USB - แบตเตอรี่ : 1500mAh (สามารถถอดได้)
- ระบบปฏิบัติการ : KaiOS
- ขนาด : 132.2 × 56.5 × 12.34 มม.
- น้ำหนัก : 110.2 กรัม
- สี : ◉ Opal White, ◉ Onyx Black, ◉ Topaz Blue, ◉ Citrine Gold
Nokia 6300 4G
ต่อกันด้วย Nokia 6300 4G กันบ้าง ซึ่งต้องบอกว่า ฟีเจอร์การใช้งานหลัก ๆ นั้นไม่มีอะไรแตกต่างจาก Nokia 80004G เลย แต่สิ่งที่แตกต่างอยู่ในส่วนของดีไซน์ยิบย่อย Nokia 6300 มาพร้อมกับจอภาพขนาด 2.4 นิ้ว การออกแบบของมือถือรุ่นนี้จะตรงข้ามกับ Nokia 8000 4G อยู่ประมาณหนึ่ง คือ ฝาหลังมีลักษณะโค้งมน แต่เฟรมเครื่องจะเป็นแบบเหลี่ยม ๆ และมีผิวสัมผัสแบบด้าน
ฟีเจอร์การใช้งานอื่น ๆ ที่เหลือนั้นเหมือนกันทั้งหมด เช่น แอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ความสามารถในการแชร์ Wi-Fi hotspot โดย Nokia 6300 4G มีให้เลือก 3 สี คือ Light Charcoal, White และ Cyan Green
สเปค Nokia 6300 4G
- จอภาพ : 2.4 นิ้ว, ความละเอียด QVGA
- ชิป : Qualcomm Snapdragon 210
- หน่วยความจำ : RAM 512MB + 4GB, รองรับ microSD card สูงสุด 32GB
- กล้อง : VGA, แฟลช LED
- การเชื่อมต่อ :
– เครือข่าย GSM, WCDMA (LTE Cat 4)
– Wi-Fi
– GPS, A-GPS
– Bluetooth
– วิทยุ FM
– ช่องหูฟัง 3.5 มม.
– Micro-USB - แบตเตอรี่ : 1500mAh (สามารถถอดได้)
- ระบบปฏิบัติการ : KaiOS
- ขนาด : 131.4 x 53.0 x 13.7 มม.
- น้ำหนัก : 104.7 กรัม
- สี : ◉ Light Charcoal, ◉ White, ◉ Cyan Green
ราคาและการวางจำหน่าย Nokia 8000 4G และ Nokia 6300 4G
ในเบื้องต้นทั้ง Nokia 8000 4G และ Nokia 6300 4G จะวางจำหน่ายแบบจำกัดเฉพาะบางประเทศเท่านั้น ในราคา 79 ยูโร (≈2,790 บาท) และ 49 ยูโร (≈1,790 บาท) ตามลำดับ ทั้งนี้ สำหรับ Nokia ประเทศไทยของเราก็พึ่งวางขาย Nokia 225 4G และ Nokia 215 4G รวมทั้ง Nokia 3.4 กับ Nokia C3 ไปหมาด ๆ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมานี่เองครับ
ดูข้อมูลเพิ่มเติม : Nokia 8000 4G | Nokia 6300 4G | HMD Global (press releases)
6300 ตัวเก่ายังอยู่ในลิ้นชักอยู่เลย 555
6300 คล้าย แต่ 8000 นี่นึกหน้าตามันไม่ออกเลย
ถ้าบทความมีรูปเก่าเทียบด้วยจะดีมากครับ