จนถึงตอนนี้ชาวไทยที่ติดตามข่าวสารด้านสมาร์ทโฟนก็น่าจะรู้จักแบรนด์ Honor กันดีในระดับนึงแล้ว ว่าเป็นแบรนด์ลูกของทาง Huawei ที่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทย ซึ่งแน่นอนว่าสงครามการค้าระหว่างจีน-อเมริกาที่ยังคงลากยาวมาถึงปัจจุบัน Honor ก็ไม่รอดลูกหลงนี้ไปด้วย จนหลายคนก็สงสัยว่า Honor จะเป็นยังไงในปี 2020 นี้ มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อย่างไรบ้าง วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังกันครับ

โดยข้อมูลในบทความนี้ได้มาจากการสัมภาษณ์พิเศษกับทางคุณโอว อี้เหว่ย, ประธานบริหารออเนอร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้มีการอ้างอิงเอาไว้ให้ครับ

ทำความรู้จัก Honor

Honor ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2013 หรือราว 6 ปีที่แล้ว มี Huawei เป็นเจ้าของ ภายใต้กลยุทธ์การทำแบรนด์คู่ เพื่อครอบครองตลาดให้ครบทุกช่วง จะมีสินค้าที่ขายเป็นสมาร์ทโฟนในช่วงแรก และต่อมาก็เริ่มขยายเป็นอุปกรณ์สวมใส่ รวมถึงโน๊ตบุ๊คพีซีด้วย โดยทำตลาดมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้ใช้วัยรุ่นเป็นหลัก ต่างจากหัวเว่ยที่จะเน้นความหรูหรามีระดับ ดูภูมิฐาน รวมถึงราคาที่สูงกว่า ทำให้หลายคนจะเข้าใจว่า Honor เป็นแบรนด์ที่ Huawei ปั้นขึ้นมาเพื่อสู้ศึกสงครามราคาในตลาดสมาร์ทโฟนที่การแข่งขันสูง วิธีการก็จะไม่ต่างจากค่ายอื่นนัก โดยจะเน้นราคาที่เข้าถึงคนได้ทุกระดับ ให้เกิดการบอกกันปากต่อปาก มากกว่าเน้นเทงบลงในด้านการตลาดและโฆษณารวมถึงจำกัดช่องทางจำหน่ายที่จะเน้นออนไลน์เป็นหลัก และนำส่วนต่างนี้ไปเพิ่มสเปคและความคุ้มค่าต่างๆลงไปในผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น

Honor vs Huawei ต่างกันอย่างไร?

  • แบรนด์จะดูวัยรุ่น และเป็นทางการน้อยกว่า
  • ราคาที่ประหยัดกว่า เพื่อให้วัยรุ่นเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
  • เน้นการบอกต่อมากกว่าทุ่มงบโฆษณา
  • เน้นขายบนออนไลน์มากกว่าตามร้านค้า

เราไม่สามารถครองตลาดด้วยการมีเพียงแค่แบรนด์เดียวได้
คุณโอว อี้เหว่ย, ประธานบริหารออเนอร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ให้ความเห็นเกี่ยวกับกลยุทธ์แบรนด์คู่เพื่อครองตลาด

อย่างไรก็ดีทางผู้บริหารของ Honor ก็ได้บอกว่าในอนาคตเราจะได้เห็น Honor สร้างความแตกต่าง เน้นที่ตัวแบรนด์ให้ชัดเจน เริ่มสร้างดีไซน์ทั้งรูปลักษณ์ภายนอก รวมถึง UX/UI ให้มีเอกลักษณ์ต่างออกจากเจ้าอื่น รวมถึง Huawei ให้มากขึ้นด้วย ปัจจุบัน Honor นอกเหนือจากสมาร์ทโฟนแล้ว ก็ได้นำเอาผลิตภัณฑ์ด้านอุปกรณ์สวมใส่ – IoT มาวางจำหน่ายในประเทศแล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามเป็น Smart band ที่ขายดีเป็นอันดับหนึ่งของ Lazada เมื่อช่วงเทศกาล 11.11 ที่ผ่านมา

ผลกระทบจากสงครามการค้าจีน-อเมริกา

เรียกว่าเป็นเรื่องราวแห่งปี 2019 เลยก็ว่าได้สำหรับ สงครามการค้าระหว่างจีนและอเมริกา ที่มีการดำเนินนโยบายด้านการค้าทั้งการขึ้นภาษีหรือจำกัดสินค้าของทั้งสองประเทศ และตัวที่สร้างผลกระทบเป็นวงกว้างในเหล่าผู้บริโภคก็คงไม่พ้นการแบนบริการ Google Mobile Services (GMS) ซึ่งเป็นหัวใจหลักของ Android ทุกเครื่อง (อ่านต่อ) ไม่ให้บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนยักษ์ใหญ่อย่าง Huawei นำไปใช้ได้ และแน่นอนว่า Honor ซึ่งเป็นบริษัทลูกในเครือ ก็ต้องโดนหางเลขไปด้วย ซึ่งนั่นหมายความว่าสมาร์ทโฟนบางรุ่นจากทาง Honor ในอนาคตจะไม่มี GMS ให้ใช้ กล่าวคือ ไม่สามารถใช้งานได้สมบูรณ์เหมือนแอนดรอยด์รุ่นอื่น ยี่ห้ออื่นนั่นเอง ทำให้นอกจากการแข่งขันด้านการตลาดและราคาอันแสนดุเดือดในตลาดสมาร์ทโฟนในปัจจุบันแล้วแบรนด์อื่นยังมีแต้มต่อเหนือ Honor ในเรื่องนี้อีกด้วย

แต่ไม่ใช่ว่าปีนี้ Honor ไม่มีโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่มี GMS มาให้เราได้จับจองกัน เพราะตามแผนแล้วจะยังคงได้เห็นการทยอยปล่อยสมาร์ทโฟนที่มี GMS อยู่อีกสักพักหนึ่ง ที่สเปคคล้ายเดิม แต่ยังสามารถใช้งาน GMS ได้อยู่ ระหว่างที่สร้าง Huawei Mobile Service (HMS) ขึ้นมาให้บริการทดแทน ที่ในปัจจุบันฟีเจอร์ต่างๆ เริ่มทำตาม GMS ขึ้นมาได้เรื่อยๆ จนทีมพัฒนา HMS เคลมว่าจะใช้งานได้ดีเทียบเท่า GMS ในเร็ว ๆ นี้

อย่างไรก็ดีความท้าทายของ HMS ก็ไม่ได้อยู่เพียงแค่เรื่องฟีเจอร์ แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือทำให้เหล่านักพัฒนาจากทั่วโลกหันมาสนใจ และทำบริการของตนให้รองรับได้เหมือนกับการใช้งาน GMS ซึ่งบริษัทผู้ผลิตแอปเหล่านี้ก็ต้องมีการลงทุนเพิ่มเติมพอสมควร สำหรับในประเทศไทยก็ได้มีการตอบรับจากเหล่านักพัฒนาหลายค่าย รวมถึงเหล่าธนาคารต่างๆ ที่พัฒนาแอปให้รองรับมากขึ้นมาตามลำดับ ซึ่งก็คงต้องรอติดตามต่อไปว่าในปี 2020 นี้ HMS จะสามารถเติบโตขึ้นมาและสร้างการยอมรับให้หมู่ผู้ใช้ได้ดีขึ้นแค่ไหน

Honor เปิดกลยุทธ์ 1+8+N รับปี 2020

ด้วยสภาพตลาดที่เปลี่ยนไป Honor ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงกลยุทธ์ให้สามารถเติบโตขึ้นได้ นอกจากที่จะโฟกัสไปยังสมาร์ทโฟนแล้ว ก็จะยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่เราจะได้เห็นกันเพิ่มเติมจาก Honor อีกเพียบในปีนี้ ซึ่งได้แก่กลยุทธ์ 1+8+ N ทางคุณโอเว่น ได้เล่าถึงรายละเอียดเอาไว้ดังนี้

1+8+N strategy

 “1” หมายถึง “สมาร์ทโฟน” อุปกรณ์ที่เป็นศูนย์กลางของระบบนิเวศน์ (Ecosystem) ทั้งหมด ใช้ควบคุม ตรวจสอบ หรือสั่งงานอุปกรณ์อื่น ๆ นั่นเอง ซึ่งอย่างที่บอกไปข้างต้นว่า เราจะยังได้เห็นสมาร์ทโฟนแรง ๆ ราคาเด็ด ๆ จาก Honor ออกมาเรื่อย ๆ ในปีนี้อย่างแน่นอน

 “8” หมายถึง “อุปกรณ์ภายในบ้านหรือผลิตภัณฑ์ IoT ทั้งหมด 8 ประเภท ได้แก่

  1. โทรทัศน์
  2. ลำโพง
  3. อุปกรณ์สวมใส่
  4. โซลูชั่นในรถยนต์
  5. แว่นตา
  6. หูฟัง
  7. พีซี
  8. แท็บเล็ต

“N” หมายถึง “เน็ตเวิร์ค” ซึ่งในที่นี้หมายถึงเครือข่ายและพาร์ทเนอร์ในด้านต่างๆ ที่จะทำให้เกิด Smart Office, Smart Home, Fitness, Entertainment and Smart Travels ขึ้นมาได้​ โดยจะไม่ได้มีเพียงสินค้าและบริการของ Huawei หรือ Honor เท่านั้น แต่รวมไปถึงพาร์ทเนอร์รายอื่นอีกด้วย

“Huawei มีการลงทุนในด้านการวิจัยนวัตกรรมกว่า 17 พันล้านเหรียญในปี 2019”

คุณโอว อี้เหว่ย, ประธานบริหารออเนอร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ให้สัมภาษณ์ เมื่อธันวาคม 2019

โดยทาง Honor จะมีแต้มต่อเหนือคู่แข่งในด้านการวิจัยค้นคว้า ซึ่งใช้ร่วมกันกับ Huawei ที่ลงทุนในด้านวิจัยนวัตกรรมสูงมาก ในปี 2019 ปีเดียว ก็ลงทุนไปไม่น้อยกว่า 5 แสนล้านบาท รวมถึงมีเทคโนโลยีด้าน 5G ที่เร็วกว่าคู่แข่ง ซึ่งปัจจุบันหลายประเทศที่มีการเริ่มใช้งาน 5G อย่างเป็นทางการ มักจะมีอุปกรณ์ของ Huawei ไปร่วมลงเครือข่ายด้วยเสมอ รวมถึงอุปกรณ์ Network ของ Huawei ก็เป็นอุปกรณ์หลักที่ถูกใช้ในประเทศจีน จนทำให้ประเทศจีนมีเครือข่าย 5G ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน

จีนเริ่มให้บริการ 5G อย่างเป็นทางการ ขึ้นแท่นโครงข่ายที่ใหญ่ที่สุดในโลก | ใช้อุปกรณ์ Huawei ไปกว่าครึ่ง

Honor ในประเทศไทย

ปัจจุบัน Honor แม้ว่าจะเข้ามาในประเทศไทยหลายปีแล้ว แต่ยังถือว่าเป็นแบรนด์ที่ค่อนข้างใหม่สำหรับหลายคน ส่วนหนึ่งก็มาจากที่มุ่งเน้นทำตลาดด้านออนไลน์เป็นหลัก ซึ่งล่าสุดได้มีการปรับเปลี่ยนผู้บริหาร Honorในภูมิภาคนี้ ซึ่งก็คือคุณโอว อี้เหว่ย ที่เคยสร้างผลงานเด่นเอาไว้มากมาย ทั้งแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดมือถือให้หัวเว่ยในโปแลนด์ได้มากกว่า 20% จนขึ้นเป็นที่ 2 ในตลาดในปี 2013 และต่อมาก็ย้ายไปประจำที่รัสเซีย ในตำแหน่งประธานผู้บริหารของ หัวเว่ย คอนซูเมอร์ บิสิเนสกรุ๊ป หรือทั้ง Huawei และ Honor เลย โดยใช้กลยุทธ์การตลาดแบบแบรนด์คู่ จนทำให้แบรนด์ขึ้นเป็นอันดับ 3 ในตลาด ก่อนที่จะย้ายเข้ามาประจำภูมิภาคนี้ในปี 2019 ซึ่งกลยุทธ์ที่จะนำมาใช้ก็คือ 1+8+N ตามที่บอกไปข้างต้น ซึ่งก็คงต้องรอติดตามว่าจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ Honor เริ่มเป็นที่รู้จัก และสร้างยอดขายให้เพิ่มมากขึ้นได้ขนาดไหน ในปีที่แบรนด์เพื่อนร่วมชาติหลายเจ้า รวมถึง Huawei เองต่างก็เตรียมนำเอาอุปกรณ์ IoT ที่ไม่ต่างจากของ Honor เข้ามาทำตลาดในบ้านเราเช่นกัน และยิ่งเจอปัญหาสงครามการค้าก็น่าจะยิ่งทำให้เป็นปีที่ท้าทายสำหรับแบรนด์นี้ไม่น้อยเลย