เมื่อไม่กี่วันก่อนเราได้เสนอข่าว Huawei นำ AI เข้ามาช่วยประมวลผลภาพ CT Scan ตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ COVID-19 ได้ในระยะเวลาสั้นๆ และมีความแม่นยำสูงมากๆ ล่าสุดเทคโนโลยีดังกล่าวก็มาถึงประเทศไทยแล้ว โดย ทาง Huawei ได้ส่งมอบโซลูชั่นนี้ให้แก่ โรงพยาบาลรามาธิบดี เป็นที่เรียบร้อย เตรียมเปิดใช้งานทันที ซึ่งเทคโนโลยีนี้เป็นตัวเดียวกับที่โรงพยาบาลในจีนใช้งานในปัจจุบันเพื่อต่อสู้กับวิกฤตการณ์นี้
การส่งมอบในครั้งนี้เกิดขึ้นได้จาก กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้จับมือกับ Huawei เสริมกำลังให้บุคลากรทางการแพทย์ของไทย โดย Huawei จะใช้ AI จาก Huawei Cloud ทำหน้าที่พิจารณารูปภาพ CT Scan เพื่อวิเคราะห์ว่าปอดนั้นได้รับเชื้อไวรัส COVID-19 หรือยัง โดย AI ยังสามารถบอกได้อีกว่า ตอนนี้ผู้ติดเชื้อกำลังอยู่ในขั้นไหน ระยะเริ่มต้น ระยะลุกลาม หรือว่าระยะรุนแรง และอัตราความแม่นยำของการวินิจฉัยภาพซีทีแสกนโดยใช้ AI นี้จะสูงถึง 96% และใช้เวลาในการอ่านที่น้อยเพียงไม่กี่วินาที ซึ่งจะมีประสิทธิภาพกว่าการใช้บุคลากรมาอ่านแบบแมนวล รวมถึงยังได้รับคะแนน DICE score หรือค่าประมวลของ Medical Imaging ที่ 85 คะแนน ปัจจุบันมีโรงพยาบาลในประเทศจีนกว่า 20 แห่ง ได้นำโซลูชั่นนี้ไปปรับใช้เพื่อรับมือกับสถานการณ์ COVID-19 ส่วนในประเทศไทยปัจจุบันจะมีทางโรงพยาบาลรามาธิบดีที่ได้นำเอาไปใช้แล้วเรียบร้อย ซึ่งมีการเปิดเผยว่าไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากทาง Huawei Cloud อีกด้วย
เจ้าหน้าที่จาก หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ประเทศไทยเข้าติดตั้งและทำการทดสอบการใช้งาน
การตรวจแบบ CT Scan ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีวินิจฉัยและรักษาโรค COVID-19 แต่การตรวจด้วยวิธีดังกล่าว จะต้องทำซ้ำ และอ่านภาพสแกนหลายรอบ เพื่อหารอยโรคในปอดที่มีจำนวนมาก และมีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การตรวจด้วยวิธีนี้ จึงเป็นการเพิ่มงานให้กับรังสีแพทย์เป็นอย่างมาก อีกทั้งบุคลากรรังสีแพทย์ในประเทศไทยที่สามารถอ่านภาพ CT Scan ได้อย่างแม่นยำยังมีจำนวนจำกัดอีกต่างหาก การเข้ามาของโซลูชั่นระบบ AI นี้ น่าจะช่วยแบ่งเบาภาระให้กับแพทย์ไทยไปได้เยอะ ทำให้แพทย์ได้กระจายตัวไปดูแลเคสผู้ป่วยได้อย่างทั่วถึง เพิ่มประสิทธิภาพในการรับมือสถานการณ์ระบาดของ COVID-19 ได้ดียิ่งขึ้น โดยการวินิจฉัยภาพ CT Scan ในแต่ละเคส เทคโนโลยี AI นี้ จะใช้เวลาสั้นๆ เพียงแค่ 25 วินาทีเท่านั้น
ลองกดไปดูตัวอย่างการอ่าน CT Scan กันได้ช่วงเวลา 7:36 น. จะเห็นได้ว่าทางแพทย์ต้องค่อยๆตรวจหาความผิดปกติจากภาพที่แสกนได้เป็นส่วนๆไป ซึ่งการใช้ AI ช่วยดู ก็จะลดภาระส่วนนี้ไปได้มากเลยทีเดียว
ก่อนหน้านี้ Huawei ก็เคยส่งมอบระบบนวัตกรรมสื่อสารทางไกลเพื่อการแพทย์ Huawei Telemedicine Video Conference Solution ให้แก่กระทรวงสาธารณสุขเพื่อใช้เป็นแผนการรับมือการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 มาแล้วครั้งนึง ให้แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัยโรคได้จากทุกที่ทุกเวลาผ่านมือถือของตนเอง และที่สำคัญยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อให้แก่ทีมแพทย์อีกด้วย
เพิ่มเติม การตรวจด้วยวิธี CT Scan นี้จะไม่ได้เป็นการตรวจที่มาทดแทนการตรวจสอบด้วยชุดตรวจปกติแต่อย่างใด โดยมันจะช่วยเสริมในกรณีที่เชื้อลงไปที่ปอดแล้ว และไม่ต้องรอการตรวจในขั้นตอนอื่นๆ ซึ่งผลการตรวจจะมีความแม่นยำแม้ว่าผู้ป่วยจะอยู่ในระยะโรคใดก็ตาม
ที่มา: อีเมลประชาสัมพันธ์ Huawei
ดี แต่ราคาค่าตรวจ CT สูงอยู่นะครับ
ต้องเข้าอุโมงนอนเฉยๆชม.นึง ค่าใช้จ่ายหมื่นกว่าบาท
ไม่น่าใช้กับคนส่วนใหญ่ได้ครับ
ดีค่ะ ขอให้ตรวจแม่นยำจริงก็เคแหละ 🙂 🙂
ใช้วิธีนี้ก็ดีอะนะ แต่ก็มีปัญหาตามมาอีกหลายเรื่อง
1. ค่าใช้จ่ายสูง
2. เจ้าหน้าที่ในห้อง CT ต้องใส่ชุดป้องกันเชื้อเหมือนกับจนท.ที่รักษาผู้ป่วย
3. ผู้ป่วยทั่วไปจะไม่สามารถใช้เครื่องนี้ได้ เพราะจะเสี่ยงติดเชื้อ ในกรณีที่รพ.มีเครื่องน้อย, ประเทศไทยส่วนใหญ่จะไม่มีเครื่อง CT หรือรพ.ใหญ่ๆ(รพ.ศูนย์หรือ
รพ.มหาวิทยาลัย)ก็มีแค่ 1-2 เครื่อง, ไม่รู้ว่ารพ.รามาฯมีกี่เครื่อง จะพอใช้มั๊ย???(ไม่เหมือนประเทศจีนที่มีเครื่องจำนวนมาก เลยพอใช้)