ในตอนนี้ทั้งโลกมีระบบปฏิบัติการหลักๆ ที่คนทั่วไปใช้กันไม่มาก ฝั่งคอมพิวเตอร์ก็มี Windows และ Mac ส่วนมือถือก็แน่นอนว่าเหลือแค่ Android และ iOS ซึ่งทั้ง 4 ชื่อที่กล่าวมานั้นมาจากฝั่งสหรัฐอเมริกาทั้งหมดเลย และตอนนี้ Huawei เองก็มีสินค้าทั้งมือถือ แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ ซึ่งถ้าการสืบเรื่องลอบค้าขายกับอิหร่านนั้นมีมูลจนโดนทางการสหรัฐแบนขึ้นมา นั่นหมายความว่า Huawei นั้นพร้อมจะงานเข้าทันที
ถ้าหากอเมริกาสั่งให้ทุกบริษัทในอเมริกาหยุดการทำการค้ากับ Huawei นั่นหมายความว่าในฝั่งมือถือก็ไม่สามารถใช้ระบบปฏิบัติการ Android ได้ บางคนบอกให้ไปใช้ Windows Phone ฮ่าๆ นั่นก็ของ Microsoft หรืออเมริกาเหมือนเดิม ทางด้าน Matebook เองก็ใช้เป็น Windows อยู่ นั่นหมายความว่าสินค้าหลักในฝั่งผู้บริโภคนั้นแทบจะต้องหยุดการผลิตไปเลยก็ว่าได้
ทาง Huawei เองก็ยังมีแผนสำรองอยู่ นั่นคือการพัฒนาระบบปฏิบัติการของตัวเองขึ้นมา ซึ่งจริงๆ เรื่องนี้เคยมีข่าวมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2016 ตอนที่ Samsung พัฒนาระบบ Tizen ขึ้นมา ในตอนนั้น Richard Yu ก็ได้ออกมาบอกเองว่ามีการพัฒนาระบบปฏิบัติการภายในจริง แต่ก็เผื่อว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับ Android เช่นกลายเป็นระบบปิด หรือมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยแนวทางหลักของบริษัทก็ยังยืนยันที่จะใช้ Android ต่อไป
แต่นั่นยังไม่ใช่จุดเริ่มต้นของการพัฒนา OS ขึ้นมาเพื่อใช้งานเอง เพราะต้นกำเนิดของมันนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2012 แล้ว โดยประธานและผู้ก่อตั้ง Ren Zhengfei เป็นคนให้เริ่มโครงการนี้ หลังจากถูกสหรัฐอเมริกาสอบสวนในปีนั้น แถมยังไม่ได้มีแค่ระบบปฏิบัติการของมือถือเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงของคอมพิวเตอร์และแท็บเล็ตด้วย
ถ้าหากถามว่ามีการประกาศแบน Huawei โดยรัฐบาลของสหรัฐขึ้นมาในเร็ววันนี้ ระบบปฏิบัติการที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเป็นการภายในนั้นพร้อมที่จะถูกนำออกมาใช้ไหม ตอนนี้คงตอบได้แค่ว่าไม่เลย เพราะเนื่องจากมันไม่เคยถูกเปิดเผยออกมาว่าหน้าตาเป็นอย่างไร และแน่นอนว่ายังไม่มีผู้ผลิตเจ้าไหนสนใจที่จะพัฒนาแอปหรือซอฟแวร์ให้ด้วย
source : neowin
ตลก
Huawei มีผลิตภัณฑ์ที่คนไทยไม่ได้ใช้อีกเยอะ มีบริการ telecommunicationในสเกลที่ใหญ่ และอีกหลายธุรกิจเบื้องหลัง สรุปง่ายๆคือ มันไม่เจ๊งหรอกครับ โคตร SUPER POWER!
ดีแล้วครับที่มีอผนสำรอง เอาแน่เอานอนอะไรกับไอ้โรคจิตทรัมส์
ดีครับ อยากลองใช้ของประเทศอื่นดูบ้าง
ถ้าโดนจริงรัฐบาลจีนคงช่วยเต็มที่อ่ะ งานนี้ได้เกิด OS แห่งชาติแน่ ๆ แล้วมือถือแอนดรอยจะหายไปจากโลกอีกหลายล้านเครื่อง ไม่ใช่แค่ ZTE หรือ Huawei ที่โดนผลกระทบ Google ก็โดนด้วยเหมือนกัน
ถ้าทำขึ้นมาจริงๆ เอาแค่มันติดตลาดจีน คนจีนใช้กันเองแพร่หลาย
เดี๋ยวมันก็จะกระจายออกมาแล้วกลับมาตี os อื่นอีกที
เพราะศักยภาพของจีนยุคนี้ เรื่องนี้มีความเป็นไปได้สูง
และมันจะไม่ซ้ำรอย tizen กับ bada ที่มืดมน
ตัว tizen มันไม่ได้มืดมนขนาดนั้นหนิ พึ่งเวอร์ชัน 3 เอง
ไม่มืดมนต์ก็สลัว ๆ ล่ะครับ
แค่คิดว่าต้องไปซื้อ App ใหม่บน Tizen
ก็ไม่อยากซื้อเครื่องที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Tizen ละครับ
wechat เอง ผู้ใช้ก็เยอะนะ แต่ก็ไม่เห็นจะตีตลาดโลกได้ กินแค่ในจีน และประเทศที่ต้องซื้อขายกับจีน เพราะมันเล่นแขทอื่นไม่ได้
แอนดรอยด์เอง มันมาไกลเกินจะมีใครตีได้แล้วล่ะ นอกจากวันนึงมันจะขัดขาตัวเอง ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้
ทำมาไงก็สู้ Android กับ IOS ไม่ได้อะ เอาจริงๆ ขายก็ได้แค่ในจีนแหละ ดูจากแอปยอดฮิต wechat, baidu search engine ดิ ใช้แทบทุกคนในจีน แต่ตลาดโลกกลับคนใช้น้อยมาก ขนาด ZTE โดนแบนในอเมริกา Huawei โดนอเมริกากีดกันทางการค้าไม่ให้ขาย อเมริกาก็ไม่รู้สึกเดือดร้อนเลยสักนิด
แค่ขึ้นชื่อ OS จากจีน คนนอกประเทศก็ไม่มีใครอยากใช้แล้ว กลัวเรื่องความปลอดภัย ความไม่มีมาตรฐาน กลัวแอปขยะ แอปเน่าๆ แอปที่แฝงเก็บข้อมูลในเครื่อง บลาๆๆ ดูอย่าง android รอมจีนดิ มีใครอยากใช้บ้าง ร้องหารอม global กันทั้งนั้น เพราะจีนมันก็คือจีนจ๋าจริงๆ ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่อเมริกาแบนจีนขึ้นมาจริงๆละก็ บ. มือถือจีนซวยแน่นอน
ถ้าเป็น os ใหม่ รัน exe ได้ มี play store และ app store ฝังมาเลยอันนี้น่าสนครับ
ถ้าจีนแบนสินค้า US กลับบ้างล่ะ คงสนุกพิลึก
ถ้า huawei ทำคงไม่ธรรมดาครับ บริษัทนี้ไปไกลมากแล้ว ฐานผู้ใช้มีอยู่ 1200 ล้านคนเฉพาะจีน แค่ 20% ของประชากรโลกนี้เอง เมกาแค่ 200 ล้าน จิ๊บๆ
คิดเล่นๆ แค่ huawei + oppo + vivo + เสี่ยวมี่ ทำ os กลางๆ แบบ android เผลอๆ ss มาแจมด้วย คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมว่าทุกเจ้าอยากร่วมน่ะถ้าไอ้โรคจิตทรัมส์กดดันมากๆ
Trump ไม่ใช่โรคจิต เค้าแค่เป็นคนที่ take action รวดเร็วและเอาจริง แค่นั้นเอง
พูดอีกก็ถูกอีก เอาให้เมกาหน้าคว่ำหน่อยเหอะ
ในช่วงค่ายผลไม้กำลังขาลง ซัดอะไรได้ก็ซัดเถอะครับ จะได้ตามโร๊ดแม๊พที่เคยวางไว้
เจ้าพ่อ sw อย่าง ms ยังตายคิดดู, เอาแค่แอพฯทั่วไปมันก็ไม่ใช่แค่ว่าสักแต่จะสร้างแล้ว แต่ละอย่าง ui, ux, features, stability, flexibility ทุกจุดมันสเกลใหญ่ขึ้นจากแอพฯทั่วไปไปอีกหลายเท่า มัน require ทั้งเวลา ทั้งการลองผิดลองถูก ทั้งฟีดแบคจาก user อีกเยอะ กว่าแอนดรอยด์จะมาเป็นอย่างทุกวันนี้มันก็ไม่ง่าย ลองย้อนเทียบดูระหว่าง แอนดรอยด์(ที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง)ยุคแรกๆอย่าง samsung spica, galaxy s, htc desire, nexus one แล้วมาเทียบกับสมัยนี้ดู ว่ากว่าจะมาเป็นอย่างทุกวันนี้นี่ผ่านไรมาบ้าง ใช้เวลาไปเท่าไหร่ พวกทำเสร็จปุ๊ปปล่อยปั๊ปอีก 1 ปีตีแตกไปตลาดโลกได้นี่ ไม่น่าเป็นไปได้
เป็นหนึ่งในไม่กี่คอมเมนต์ที่ตอบบนพื้นฐานของความเป็นจริง ส่วนใหญ่นอกนั้น……
เห็นด้วยครับ
เอาจริงๆคงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ยากอยู่ครับ คงต้องมีการเจรจา ยังไง google คงไม่ยอมง่ายๆที่จะให้เกิดขึ้น เพราะ Huawei เป็นแบรนด์ใหญ่ยอดขายสมาร์ทโฟนก็อันดับสาม บางไตรมาสก็ขึ้นมาอันดับ 2 ทั้งๆที่ไม่ได้ขายในอเมริกา(แบบผูกกับผู้ให้บริการ) ถ้าหาก Android ไม่ได้ใช้กับสมาร์ทโฟนของ Huawei แน่นอนว่ารายได้ของ google คงลดลงแน่ๆ
คงเป็นไปได้บนเงื่อนไขว่าเอา android base มาใช้ แต่พัฒนาต่อยอดบนพื้นฐานกันไป เพราะถือว่านำ opensource มาใช้งาน app ต่างๆก็ยังใช้งานได้เหมือนเดิม ขาดแต่ service จาก google …. ที่มาลงทีหลังได้เอง