ลองดูสมาร์ทโฟนที่ถือในมือตอนนี้ แล้วถามตัวเองดูว่าเราใช้งานมันมานานแค่ไหนแล้ว สำหรับคนที่ใช้งานมือถือมาอย่างยาวนาน 2-3 ปี ก็ยังไม่เสียสักที ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก็ยังใช้งานได้ดีไม่งอแง ทั้งหมดนี้ก็เกิดจากความพิถีพิถันในการสร้างสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่น ซึ่งกว่าจะออกมาสักตัวนึงให้ได้ใช้งานกันนั้น ไม่ใช่ว่าจะเอาของชิ้นนั้นชิ้นนี้มาประกอบกันให้จบๆไป แต่ต้องมีการทดสอบอะไรมากมาย แต่จะมีอะไรบ้างนั้นเดี๋ยวเราจะพาไปดูกันครับ

Device Automation Test Center

สำหรับข้อมูลที่ได้ประกอบบทความในครั้งนี้ มาจากการไปเยี่ยมชมสำนักงานของทาง Huawei ที่ปักกิ่งมา ซึ่งมีความใหญ่โตอลังการสุดๆ มีแล็บทดสอบอยู่หลากหลายรวมถึงห้องทดสอบสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถจำลองการทดสอบรูปแบบต่างๆให้หุ่นยนต์ทำงานได้เองแบบอัตโนมัติ รองรับการทำงานของทุกฝ่าย ทั้งทีมวิจัย พัฒนา บำรุงรักษา โดยในศูนย์ทดสอบนี้มีเครื่องทดสอบอยู่กว่า 800 เครื่อง สามารถทดสอบสมาร์ทโฟนพร้อมๆกันกว่า 5,000 เครื่องในเวลาเดียวกัน โดยระบบอัตโนมัติที่ใช้ในห้องนี้สามารถทำงานได้เร็วเทียบเท่ากับการทำงานของพนักงาน 10,000 คน ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน โดยกล่าวเอาไว้ว่าศูนย์วิจัยนี้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับแล็บของ Google เลยทีเดียวครับ

สำหรับการทดสอบสมาร์ทโฟนในศูนย์นี้จะประกอบไปด้วย 4 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่

1. Communication Protocol Test Lab

ห้องวิจัยนี้สามารถรองรับมาตรฐานการสื่อสารและคลื่นวิทยุทุกประเภทเพื่อจำลองสภาพเครือข่ายให้หลากหลายมากที่สุด โดยสามารถจำลองเครือข่ายของ 14 ประเทศ 36 เมือง และสถานที่กว่า 100 สถานที่ (เช่น ภูเขา สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า และซูเปอร์มาร์เก็ต) โดยสามารถจำลองสัญญาณได้มากถึง 50 สัญญาณในเครือข่ายรูปแบบต่างๆ ถือเป็นระดับสูงสุดของอุตสาหกรรม
ห้องวิจัยนี้สามารถจำลองมาตรฐานการสื่อสารและคลื่นความถี่ได้ทุกประเภทเพื่อจำลองสภาพเครือข่ายให้ได้หลากหลายรูปแบบมากที่สุด โดยรองรับมากกว่า 1,000 แบบ จากเครือข่ายผู้ให้บริการขนาดใหญ่ได้กว่า 20 ราย ห้องวิจัยนี้สามารถจำลองสภาพการสื่อสารที่หลากหลายทั้งการใช้เสียง การใช้ข้อมูล การค้นหาอินเทอร์เน็ต รวมไปถึง VoWifi, VoLTE, CA และ MIMO นอกจากนี้ ห้องวิจัยนี้ยังเป็นห้องวิจัยเดียวที่ระบบ Wi-Fi มีการผสานการทำงานของทั้ง CDMA และ GUTL เข้าด้วยกัน

2. Device Reliability Lab

มาถึงห้องที่สอง ห้องทดสอบความทนทานของสมาร์ทโฟน หรือจะเรียกว่าเป็นห้องทรมานก็ไม่ผิดนัก เพราะแล็บนี้จะเต็มไปด้วยอุปกรณ์ในการทดสอบลองทำร้ายเจ้าสมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆว่าจะสามารถผ่านมาตรฐานที่ทาง Huawei ตั้งเอาไว้ได้หรือไม่ ซึ่งแล็บนี้จะมีการทดสอบที่ประกอบไปด้วยสามส่วน ได้แก่

  • Mechanical Reliability test
  • Environment Reliability test
  • Defective Analysis

จริงๆ ไม่ได้มีเพียงเท่านี้นะครับ นอกเหนือจากภาพที่แสดงข้างต้นแล้ว ยังมีการทดสอบอื่นๆอีก ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบการกันฝุ่น หรือจับเอาเครื่องไปแช่ในตู้ทำความเย็นต่ำเพื่อจำลองดูว่าทำงานได้ทุกอุณหภูมิ เรียกว่าเอาให้ชัวร์ว่าพร้อมใช้ในทุกสถานการณ์กันจริง และจำลองการใช้งานต่างๆนี้จะอิงกับการใช้งานในชีวิตประจำวันนานกว่า 1 ปี ซึ่งการทดสอบบางอย่าง เช่น การทัชหน้าจอมีทำกันเป็นหลักล้านครั้ง หรือการทดสอบการตกนั้น ก็จะมีการปรับระดับความสูงและพื้นผิวที่ต่างกันออกไปด้วย ส่วนเรื่องการกันน้ำกันฝุ่น ตัวเครื่องจะทำออกมาให้ได้มาตราฐานขั้นต่ำ IP25-IP26 หรือเทียบได้กับการทนทานต่อละอองฝน ละอองน้ำจากการสาดหรือหกใส่ และฝุ่นละอองทั่วไปไม่วามารถเข้าภายในได้นั้นเอง แต่ว่าอาจจะไม่ได้ส่งไปทดสอบเพื่อขอการรับรองอย่าเป็นทางการเท่านั้น ดังนั้นไม่ว่ารุ่นไหนๆของ Huawei ก็มั่นใจว่าโดนน้ำนิดฝุ่นหน่อยจะไม่เป็นไรแน่นอน

3. Antenna Test Lab

ใครที่เห็นห้องนี้เป็นครั้งแรก เชื่อว่าน่าจะคิดเหมือนกันว่าทำไมมันดูอวกาศและเอเลี่ยนขนาดนี้ ด้วยความที่ผนังมีลักษณะเป็นวัตถุแหลมๆแทงออกมารอบข้าง ซึ่งตรงนี้ทางทีมวิศวกรได้อธิบายว่าเป็นเพราะห้องนี้โดนออกแบบมาเพื่อทำการทดสอบเรื่องคลื่นสัญญาน จึงต้องทำการตัดคลื่นรบกวนอื่นๆออกทั้งหมด แบบที่เราเห็นเป็นแหลมๆนั้นวัสดุเค้าใช้เป็นโฟมนะครับ ทำให้ยื่นออกมาเพื่อซับคลื่นทั้งหลายทิ้งไป ไม่ให้มีการสะท้อนของคลื่น ความยาวความสั้นของแท่งนี้ก็ขึ้นกับความถี่ที่ต้องการจะซับ โดยคลื่นสัญญาณที่จะทำการทดสอบในห้องนี้ก็จะรวมถึงสัญญาณโทรศัพท์, สัญญาณ GPS, และสัญญาน WiFi ทั้งหลายเลยครับ โดยห้องที่ใช้ในการทดสอบทั้งหมดจะมีรวม 3 ห้องคือ

  1. ห้องทดสอบที่ไร้การสะท้อนของคลื่นไมโครเวฟ (microwave anechoic chamber)
  2. ห้องทดสอบการสะท้อนกลับของคลื่น (reverberation chamber)
  3. ห้องทดสอบที่มีความแม่นยำสูงสุด

ผ่านการทดสอบห้องนี้ไปได้ก็การันตีแล้วว่าจะสามารถรับสัญญาณต่างๆได้แบบไม่มีปัญหานะ

4. Audio Test Lab

และส่วนสุดท้ายที่เราได้ไปสัมผัสก็คือการทดสอบด้านเสียงทั้งการได้ยินและการบันทึก ซึ่งในส่วนนี้จะยังคงต้องใช้เป็น Chamber เช่นเดียวกับของ Antenna Test Lab โดยจะแบ่งเป็นสองห้องสำหรับเทสต์ลำโพงห้องนึง และเทสต์ไมค์ห้องนึง ซึ่งภายในห้องก็จะมีการบุเก็บเสียงทุกผนังรวมถึงเพดานและพื้นเพื่อความแม่นยำในการทดสอบ เก็บข้อมูลจากอุปกรณ์ระดับเทพ ซึ่งห้องวิจัยด้านเสียงของหัวเว่ยเป็นห้องวิจัยด้านเสียงแห่งเดียวในประเทศจีนที่สามารถทำการทดสอบต่างๆ ตามเกณฑ์ของกลุ่ม 3GPP, Vodafone และมาตรฐานสากลอื่นๆ และเป็นห้องวิจัยในประเทศจีนแรกที่ผ่านเกณฑ์การลดเสียงรบกวน 3PASS noise reduction test system อันเป็นมาตรฐานล่าสุดของสถาบันมาตรฐานโทรคมนาคมแห่งยุโรป (ETSI) เนื่องจากยังไม่มีห้องวิจัยอื่นใดที่ได้รับการรับรองนี้เพิ่มเติมในปัจจุบัน จึงอาจกล่าวได้ว่าห้องวิจัยด้านเสียงของหัวเว่ยเป็นห้องวิจัยที่มีระบบทดสอบการลดเสียงเสียงรบกวนที่ดีที่สุดในปัจจุบันเลยทีเดียว

ทั้งหมดนี้เป็นการทดสอบเพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อสมาร์ทโฟนถึงมือผู้ใช้ทุกคนจะได้รับคุณภาพที่ดีรองรับการใช้งานตามความคาดหวังของผู้ใช้ทุกคน หลังจากที่ทดสอบส่วนต่างๆเรียบร้อยแล้ว ซอฟท์แวร์ต่างๆใช้งานได้สมบูรณ์ ทีนี้ก็พร้อมเข้าสู่ส่วนของการผลิต ซึ่งหลายคนก็อาจจะอยากทราบว่าเค้าเริ่มประกอบกันอย่างไร จนถึงเข้ามาเป็นกล่องสมบูรณ์ได้เนี่ย มันทำอย่างไรบ้าง เดี๋ยวไปต่อที่บทความต่อไปกันครับ