เปิดตัวมาเรียบร้อยแล้วสำหรับมือถือเรือธงรุ่นล่าสุดจาก Huawei ซึ่งตอนแรกคิดว่าจะเปิดตัวแค่ 2 รุ่นเท่านั้น คือ Huawei Mate 20 และรุ่นท็อป Mate 20 Pro แต่สุดท้ายก็ดันมีรุ่นจอยักษ์อย่าง Mate 20X และรุ่นพิเศษ Porsche Design Mate 20 RS โผล่มาอีกด้วย สรุปแล้วคราวนี้มี Huawei Mate 20 เปิดตัวพร้อมกันถึง 4 รุ่น เลยทีเดียว และแน่นอนว่ามันต้องมีสเปค+ฟีเจอร์ล้ำๆ มาให้ได้ว้าวกันอีกตามเคย
ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอ
Huawewi Mate 20 Pro จะมีหน้าจอที่เป็นขอบโค้งซ้ายขวาแบบ Dual Edge และมีรอยแหว่งบนจอเป็นแถบยาวสำหรับวางเซ็นเซอร์สแกนใบหน้าแบบ 3มิติ
ส่วน Mate 20 จะมีดีไซน์ที่ต่างออกไป โดยมีหน้าจอแบบราบเรียบธรรมดาแต่จะมีรอยแหว่งเป็นแบบหยดน้ำแทน (เพราะมันไม่มีเซ็นเซอร์สแกนหน้า 3 มิติ)
รุ่นจอยักษ์อย่าง Mate 20X จะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับ Mate 20 เป๊ะๆ เลย จะต่างกันก็แค่ขนาดที่ใหญ่กว่า และจะมีสีให้เลือก 2 สี
สำหรับตัวเครื่องของ Huawei Mate 20 ทั้ง 3 รุ่น จะเป็นกระจกที่มีพื้นผิวเป็นเส้นๆ เพื่อเพิ่มความมั่นคงในการจับ ไม่ลื่นหลุดมือ แถมยังลดรอยนิ้วมือได้ดีกว่าพื้นผิวแบบมันวาวปกติด้วย แถม Mate 20 และ 20 Pro ยังมีสีให้เลือกมากถึง 5 สี เลยทีเดียว
และรุ่นพิเศษระดับพรีเมี่ยมอย่าง Mate 20 RS จะใช้วัสดุหุ้มตัวเครื่องด้านหลังด้วยหนังเหมือนเบาะรถ Porsche และมีการเล่นสีแบบ Racing Stripe สไตล์รถแข่งอีกด้วย โดยมีให้เลือก 2 สี คือสีดำและสีแดง
สแกนนิ้วมือใต้หน้าจอ และสแกนใบหน้าแบบ 3 มิติ
Huawei Mate 20 Pro จะมาพร้อมกับระบบสแกนนิ้วมือใต้หน้าจอที่รับแรงกดได้ถึง 10 ระดับ แถมยังปลดล็อคได้เร็วกว่าระบบสแกนนิ้วทั่วไปถึง 30% อีกด้วย
นอกจากนี้ Mate 20 Pro ยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนใบหน้าแบบ 3 มิติ ที่มีความรวดเร็ว แม่นยำและปลอดภัยกว่าเดิมอีกด้วย
Nano Memory Card การ์ดความจำแบบใหม่ที่เล็กกว่าเดิม
Huawei Mate 20 ทั้ง 4 รุ่นคราวนี้จะไม่รองรับการใช้งาน MicroSD Card แล้ว แต่จะเปลี่ยนมาใช้การ์ดความจำแบบใหม่ Nano Memory Card ที่ Huawei พัฒนาขึ้นมาเอง โดยมีขนาดที่เล็กลงกว่า MicroSD Card ถึง 45% และมีความเร็วถึง 90Mb/s
ลำโพงสเตอรีโอบน-ล่าง
Huawei Mate 20 Pro, 20X และ Mate 20 RS จะมาพร้อมกับลำโพงสเตอรีโอด้านบนและลำโพงด้านล่างที่ซ่อนเอาไว้ในพอร์ท USB-C
ครั้งแรกของโลก
Huawei Mate 20 ยังเป็นมือถือที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีหลากหลายที่มีเป็นครั้งแรกในมือถือรุ่นนี้ อย่างเช่น
- ชิปขนาด 7 นาโนเมตร ตัวแรกของโลก (ต้องไปคุยกับ Apple เอาอีกทีนะ)
- CPU Cortex-A76 ตัวแรกของโลก
- Dual-NPU หรือหน่วยประมวลผล AI คู่ ตัวแรกของโลก
- ใช้ GPU Mali-G76 รุ่นแรกของโลก
- โมเด็ม Cat.21 ความเร็ว 1.4Gbps เครื่องแรกของโลก
- รองรับการใช้งานหน่วยความจำ LPDDR4X 2133MHz รุ่นแรกของโลก
แบตเตอรี่สุดอึดและระบบชาร์จสุดไว
Mate 20 Pro จะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4200 mAh และ Mate 20X มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh โดยทั้ง 2 รุ่น ยังรองรับการชาร์จแบบ Super Charge 2.0 ที่ปล่อยไฟได้ถึง 40W และสำหรับรุ่น Mate 20 ที่มีแบตเตอรี่ขนาด 4000 mAh จะมาพร้อมกับระบบ Super Charge ที่ปล่อยไฟได้ 22.5W นอกจากนี้ยังรองรับระบบชาร์จไร้สายแบบ Quick Charge 15W อีกด้วย
ระบบ Reverse Charge แบบไร้สาย
แหวกแนวไม่เหมือนใครด้วยระบบชาร์จไฟแบบไร้สายให้กับอุปกรณ์อื่นๆ ด้วยการเอามาวางแปะไว้ด้านหลังของเครื่อง เจ้า Huawei Mate 20 Pro ก็จะทำการชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์นั้นได้เลย
กล้องหลังสุดเทพที่พกลูกเล่นมาเยอะกว่าเดิม
Huawei Mate 20 ทั้ง 4 รุ่น มาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัวเหมือนกัน โดยในรุ่น Mate 20 จะมีความละเอียดที่น้อยกว่า แต่การทำงานของเลนส์ทั้ง 3 ตัว จะเหมือนกัน
และแน่นอนว่าคุณภาพในการถ่ายภาพในที่แสงน้อยก็ยังคงสุดยอดเหมือนเคยด้วยระบบ AIS ทำให้สามารถถ่ายภาพในที่มืดได้โดยไม่ต้องพึ่งขาตั้งกล้อง ก็ได้ภาพออกมาแบบสว่างไสวและคมชัดสุดๆ
เลนส์ซูม 3X ที่ใช้ใน Mate 20 Pro, Mate 20X และ Mate 20 RS นอกจากจะซูมได้ 3 เท่า แบบไม่เสียความละเอียดแล้ว ยังมีระบบซูมแบบ Hybrid ที่ซูมได้มากถึง 5 เท่า และยังสามารถซูมแบบดิจิตอลได้อีก 10 เท่า เลยทีเดียว
ส่วนเลนส์ Ultra-Wide ก็ให้มุมมองที่กว้างสุดๆ
ใครที่ชอบถ่ายของชิ้นเล็กๆ น้อยๆ ก็น่าจะถูกใจกับโหมด Macro ที่สามารถถ่ายได้ใกล้วัตถุสุดๆ ถึง 2.5 ซม.
โหมดการถ่ายวิดีโอสุดล้ำพร้อมเอฟเฟ็คท์สุดเทพ
Huawei Mate 20 ทั้ง 4 รุ่น มาพร้อมกับโหมดถ่ายวิดีโอสุดล้ำทั้งการถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ Real-Time, โหมดแยกสีออกจากฉากหลังแบบ Real-Time
กล้องเซลฟี่ พร้อมระบบสแกนภาพแบบ 3 มิติ
นอกจาก Huawei Mate 20 Pro จะมีกล้องเซลฟี่ความละเอียด 24MP ที่ทำงานร่วมกับระบบ AI ในการประมวลผลภาพให้ออกมาสวยงามเป็นธรรมชาติแล้ว มันยังสามารถสแกนวัตถุแบบ 3 มิติ ได้ทั้งตัว แล้วเอามาถ่ายรูปหรือวิดีโอเล่นแบบ AR ได้ด้วย
PC Mode แบบไร้สาย
PC Mode ที่สุดแสนจะสะดวกสบายในการทำงานจากรุ่นที่แล้ว ก็ยังคงกลับมาในรุ่นนี้ด้วย แต่ได้รับการอัพเกรดให้สามารถใช้งานได้แบบไร้สายแล้ว ไม่ต้องซื้อสายมาเสียบให้วุ่นวายอีกต่อไป
รองรับการใช้งานปากกาดิจิตอล M Pen
Huawei Mate 20X นอกจากจะมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่สะใจถึง 7.2 นิ้ว แล้ว มันยังรองรับการใช้งานปากกา M Pen ที่รับแรงกดได้ถึง 4096 ระดับอีกด้วย ทำให้การจด หรือวาดเขียนต่างๆ มีความเป็นธรรมชาติเหมือนการใช้ดินสอและปากกาจริงๆ
ระบบระบายความร้อนด้วย Graphene
Huawei Mate 20X ยังมาพร้อมกับระบบระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber ที่ใช้ Graphene เป็นวัสดุช่วยในการระบายความร้อน ซึ่งมีประสิทธิภาพดีกว่าระบบอื่นถึง 20 เท่า
รองรับการใช้งาน Game Pad เล่นเกมได้สะใจยิ่งขึ้น
Huawei Mate 20X ยังเอาใจคอเกมด้วยอุปกรณ์เสริม Game Pad ที่ทำให้เล่นเกมถนัดมากยิ่งขึ้นไปอีก
สำหรับราคาของ Huawei Mate 20 รุ่น 4GB / 128GB มีราคาอยู่ที่ 799 ยูโร (ประมาณ 30,091 บาท) รุ่น 6GB / 128GB อยู่ที่ 849 ยูโร (ประมาณ 32,000 บาท), Huawei Mate 20 Pro อยู่ที่ 1,049 ยูโร (ประมาณ 39,506 บาท), Mate 20 RS รุ่น 8GB / 256GB อยู่ที่ 1,695 ยูโร (ประมาณ 63,835 บาท) และ 8GB / 512GB อยู่ที่ 2,095 ยูโร (ประมาณ 79,000 บาท), Huawei Mate 20X มีราคาอยู่ที่ 899 ยูโร (ประมาณ 33,808 บาท)
ส่วนข้อมูลทั้งหลายแหล่ในบ้านเราไม่ว่าจะเป็นราคาหรือวันวางจำหน่าย รวมถึงพวกโปรโมชั่นต่างๆ ถ้ามีข้อมูลมาแล้วเราจะรีบเอามาอัพเดทให้ทันทีครับ
แล้วตัว 20X ราคาเท่าไหร่ครับ?
ใส่เพิ่มให้แล้วครับ
สรุป Mate 20 X รองรับ ชาร์จ 40W หรอครับ
รู้สึกว่า ตัว mate 20 X จะ 22.5w เหมือนกันกับ mate 20 ครับ
ราคา ท้าชน Apple เลย. มีแต่ มือถือ แพง กับ แพง
Mate 20 สวยครับ แหว่งนิดหน่อย พอหลับตา มองข้ามไปไแ้
น่าสนใจนะ แต่ GPU กากเหมือนเดิมไหม
เรื่องเกมมีสไลด์นึงเอามาเทียบกับ iPhone XS กับ Note 9 ด้วยว่า เกม PUBG, Mobile Legend กับอีกเกกับอีกเกมอะไรไม่รู้ ปรับตั้งค่า ultra ได้ ซึ่ง PUBG น่าจะเป็นตัวแรกเลยมั้งของฝั่ง Android ที่ปรับสุดได้ คิดว่าน่าจะลื่นมากๆอยู่นะ
ว้าว PC Mode แบบไร้สาย
กล้องหน้าแสกนวตถุ
P20 Pro จะได้ใช้มั้ยนะ