ภายในงานเปิดตัว Mate 40 Pro+ สมาร์ทโฟนเรือธงกล้องเทพรุ่นล่าสุดจาก HUAWEI ได้มีการเปิดเผยว่า มือถือรุ่นนี้มาพร้อมกับชิ้นเลนส์พิเศษ ซึ่งเป็นเลนส์ฟรีฟอร์มที่อยู่ในกล้องอัลตร้าไวด์ แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า มันคืออะไร เจ๋งยัง และแตกต่างจากเลนส์ทั่ว ๆ ไปตรงไหน ? เราจึงสรุปมาให้เรียบร้อยแล้วในบทความนี้

ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนต่างก็มีแนวทางการพัฒนากล้องเป็นของตัวเอง

ณ ปัจจุบันนี้ การแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนนั้นเข้มข้นและดุเดือดมาก บรรดาผู้ผลิตจำเป็นต้องพัฒนาและอัปเกรดอุปกรณ์ของตัวเองให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้ตามหลังคู่แข่งรายอื่น ๆ จนสูญเสียพื้นที่ในตลาดไป โดยหนึ่งในปัจจัยหลักของการแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้คือ กล้องและการถ่ายภาพ ซึ่งผู้ผลิตแต่ละรายต่างก็มีแนวทางและวิธีการพัฒนาที่แตกต่างกันออกไป


HUAWEI จัดเต็มสเปคกล้องให้กับ Mate 40 Pro+

ดังตัวอย่างจาก iPhone 12 Pro ของ Apple ที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานนี้ ซึ่งมีการนำเอาเทคนิคการรวมภาพ Deep Fusion เข้ามาช่วยประมวลผล พร้อมทั้งไฟล์ภาพรูปแบบใหม่ที่ชื่อว่า Apple ProRAW ที่สามารถนำภาพถ่ายจากสมาร์ทโฟนมาต่อยอดด้านการตกแต่งในเชิงลึกได้อย่างยืดหยุ่นและง่ายดายได้ในภายหลัง


เบื้องหลังการรวมภาพด้วยซอฟต์แวร์ Deep Fusion บน iPhone 12 Pro

ทาง HUAWEI เองก็ขึ้นชื่อในเรื่องกล้องและการถ่ายภาพเป็นอย่างมากในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา จากความร่วมมือของ Leica ซึ่ง HUAWEI ได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งในปีนี้ โดยการส่ง Mate 40 Pro (ไม่พลัส) ไปคว้าอันดับ 1 จากการทดสอบประสิทธิภาพกล้องของ DXOMARK ไปครอง ด้วยคะแนนรวม 136 แต้ม

Mate 40 Pro คว้าอัน 1 จากการรีวิวของ DXOMARK ด้วยคะแนนรวม 136 แต้ม

อย่างไรก็ดี แนวทางการพัฒนา Mate 40 Pro+ รุ่นท็อปสุดในซีรีส์นั้นแตกต่างออกไปจากที่เคย แทนที่จะเปลี่ยนไปใช้เซนเซอร์รับภาพตัวใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นหรือมุ่งเน้นไปที่ซอฟต์แวร์ประมวลผลภาพ แต่ HUAWEI กลับเลือกที่จะให้ความสำคัญในส่วนของชุดเลนส์แทน โดยมีการใส่เลนส์ชิ้นพิเศษเพิ่มเข้าไปในโมดูลกล้อง นั่นคือเลนส์ฟรีฟอร์ม (freeform lens) ซึ่งทุกคนคงได้เห็นผ่านตากันมาบ้างแล้วในงานเปิดตัวของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้

เลนส์ฟรีฟอร์มคืออะไร ?

เลนส์ที่ใช้กันอยู่ทั่วไปทั้งในกล้องถ่ายภาพและแว่นสายตา ส่วนมากแล้วจะเป็นเลนส์มาตรฐานแบบ spherical ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเก่าที่ใช้กันมานานจวบจนปัจจุบัน โครงสร้างของเลนส์ชนิดนี้ลักษณะเป็นทรงกลมตามชื่อเรียกของมัน มีองศาความโค้งที่ใกล้เคียงกันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ข้อดีคือ ผลิตได้ง่าย จึงมีต้นทุนถูก แต่แลกมาด้วยความผิดเพี้ยนของภาพที่ค่อนข้างสูง และชิ้นเลนส์มีความหนามาก


ภาพจาก Esco Optics : เลนส์แบบ spherical (ซ้าย) และเลนส์แบบ aspheric (ขวา)

ส่วนเลนส์อีกชนิดที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย คือ เลนส์แบบ aspheric โดยพื้นผิวของเลนส์ชนิดนี้จะมีความซับซ้อนและไม่ได้เป็นทั้งส่วนหนึ่งของทรงกลมหรือทรงกระบอก ซึ่งมีความบางและแบนกว่าเลนส์แบบ spherical อีกทั้งยังมีความคลาดเคลื่อนของแสงน้อยกว่าด้วยเช่นกัน แน่นอนว่า มีราคาสูงและกระบวนการผลิตย่อมทำได้ยากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

อย่างไรก็ตาม เลนส์ทั้ง 2 ชนิดข้างต้นนั้นยังไม่สามารถให้ผลลัพธ์ของภาพที่สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากนำมาใช้บนเลนส์อัลตร้าไวด์ ด้วยลักษณะทางกายภาพของเลนส์ที่ยังไม่สามารถทำลายข้อจำกัดในเรื่องของความผิดเพี้ยนของแสงและความบิดเบี้ยวของภาพได้อย่างหมดจด เป็นที่มาของอาการ ภาพป่อง ขอบยืด ขอบมืด เหลือบสี และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ผ่านมาจึงต้องมีการใช้ซอฟต์แวร์เข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าวในภายหลัง ซึ่งไฟล์ JPEG ที่เราถ่าย ๆ กัน ต่างก็ผ่านกระบวนการแก้ไขในเบื้องหลังมาแล้วทั้งสิ้น

ในคราวนี้ HUAWEI เลือกที่จะแก้ไขข้อบกพร่องของภาพในระดับฮาร์ดแวร์ โดยการใส่เลนส์พิเศษแบบฟรีฟอร์มเข้ามาให้กับกล้องอัลตร้าไวด์ของ Mate 40 Pro+ ที่ส่วนท้ายสุดของโมดูลกล้อง ซึ่งอันที่จริง เทคโนโลยีเลนส์ฟรีฟอร์มไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร มันได้ถูกใช้งานมานานแล้วในเลนส์แว่นสายตา หรือที่นิยมเรียกกันว่า เลนส์ progressive นั่นแหละครับ แต่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการนำมาใช้งานบนอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนเลยก็ว่าได้

ประโยชน์ของเลนส์ฟรีฟอร์มและการต่อยอดในอนาคต

เลนส์ชนิดนี้มีโครงสร้างของพื้นผิวที่ไม่สม่ำเสมอ เมื่อนำมาใช้กับเลนส์อัลตร้าไวด์จะทำให้สามารถแก้ไขความผิดเพี้ยนของภาพและแสงทั้งหลายตามที่กล่าวไว้ข้างต้นได้ ช่วยให้ได้ภาพใกล้เคียงกับที่ตาเห็นในโลกความเป็นจริงอย่างที่ควรจะเป็น แถมยังเป็นการช่วยเพิ่มความคมชัดไปในตัวอีกต่างหาก

อย่างที่บอกไปว่า เลนส์ฟรีฟอร์มเป็นการแก้ไขข้อบกพร่องของภาพในระดับฮาร์ดแวร์ ดังนั้นประโยชน์ของมันจึงไม่ได้หยุดอยู่แค่การแก้ไขข้อบกพร่องของภาพ เพราะเมื่อไม่จำเป็นต้องพึ่งพาซอฟต์แวร์อีกต่อไป นั่นหมายความว่า ภาพที่ถ่ายออกมาจะมีระดับความกว้างและความละเอียดสูงที่สุดตลอดเวลา ตามคุณสมบัติดั้งเดิมของเลนส์และเซนเซอร์ ไม่สูญเสียภาพบริเวณขอบที่ถูกหั่นออกไปจากการแก้ไขด้วยซอฟต์แวร์ โดยในการถ่ายวิดีโอก็จะได้ประโยชน์ร่วมไปด้วยเช่นเดียวกัน


Mate 40 Pro+ มีกล้องหลังทั้งหมด 4 ตัว หนึ่งในนั้นคือ กล้องอัลตร้าไวด์ 12MP ที่มาพร้อมกับเลนส์ฟรีฟอร์ม

นอกจากนี้ การนำเลนส์ฟรีฟอร์มเข้ามาใช้ยังเป็นการช่วยลดจำนวนของชิ้นเลนส์ในโมดูลอีกด้วย ผลพลอยได้ที่ตามมาคือ โมดูลกล้องจะมีน้ำหนักและขนาดโดยรวมที่ลดลงกว่าเดิม ล่าสุด HUAWEI ประกาศออกมาแล้วว่า ขั้นต่อไปของบริษัทนั้นต้องการที่จะนำเลนส์ชนิดนี้ไปประยุกต์ใช้กับเลนส์เทเลโฟโต้ ซึ่งจัดเป็นหนึ่งในชิ้นส่วนที่มีน้ำหนักเยอะและมีขนาดใหญ่ กินพื้นที่ของสมาร์ทโฟนไปเยอะ โดยเราคงจะได้เห็นอย่างเร็วที่สุดในสมาร์ทโฟนซีรีส์ P50 หรือไม่ก็ Mate 50 ในปี 2021 ที่กำลังจะมาถึง

จากทั้งหมดที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า การนำเอาเลนส์ฟรีฟอร์มเข้ามาประยุกต์ใช้ในกล้องสมาร์ทโฟนนั้นเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว นอกจากจะทำให้คุณภาพของกล้องดีขึ้นแล้ว ขนาดของโมดูลกล้องยังบางลงไปอีก จึงเป็นเรื่องน่าจับตามองว่า นอกจาก HUAWEI แล้ว ในอนาคตอันใกล้จะมีผู้ผลิตรายอื่น ๆ อีกหรือไม่ ที่จะนำเลนส์ชนิดนี้มาใช้งานกับสมาร์ทโฟนของตนเอง หรืออาจมีวิธีการหรือเทคนิคอื่นที่เจ๋งกว่า ? ซึ่งก็ต้องติดตามดูกันต่อไปครับ

 

อ้างอิง : HUAWEI | Wikipedia (1, 2, 3) | Weibo