เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยสำหรับมือถือระดับไฮเอนด์ส่งท้ายปีจาก HUAWEI มาพร้อมกันทีเดียว 3 รุ่นรวดเลย ได้แก่ Mate 40, Mate 40 Pro และ Mate 40 Pro+ ซึ่งต่างก็อัดฮาร์ดแวร์ระดับคุณภาพมาให้แบบเต็มสูบเลย ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ OLED อัตรารีเฟรช 90Hz Full HD+ ชิป Kirin 9000 ตัวใหม่ กล้องหลังสูงสุด 5 ตัว ความละเอียด 50MP ชาร์จไว 66W โดยทั้ง 3 รุ่นนี้จะมีจุดแตกต่างกันตรงไหนและอย่างไรบ้าง เราได้สรุปมาให้เรียบร้อยแล้วในบทความนี้
เปรียบเทียบสเปค Mate 40, Mate 40 Pro, Mate 40 Pro+
Mate 40 | Mate 40 Pro | Mate 40 Pro+ | |
หน้าจอ | 6.5 OLED 16.7 ล้านสี Full HD+ 90Hz | 6.76 OLED 16.7 ล้านสี Full HD+ 90Hz | 6.76 OLED 16.7 ล้านสี Full HD+ 90Hz |
ชิปเซ็ต | HUAWEI Kirin 9000E | HUAWEI Kirin 9000 | HUAWEI Kirin 9000 |
RAM | 8GB | 8GB | 12GB |
ROM | 256GB | 256GB | 256GB |
กล้องหลัง |
|
|
|
กล้องหน้า | 13 MP Ultra Vision Selfie Camera (Wide Angle, f/2.4 aperture) | 13 MP Ultra Vision Selfie Camera (Wide Angle, f/2.4) 3D Depth Sensing Camera | 13 MP Ultra Vision Selfie Camera (Wide Angle, f/2.4) 3D Depth Sensing Camera |
เสียง | ลำโพงคู่สเตอรีโอ, รองรับ HUAWEI Histen | ลำโพงคู่สเตอรีโอ, รองรับ HUAWEI Histen | ลำโพงคู่สเตอรีโอ, รองรับ HUAWEI Histen |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi 6 Bluetooth 5.2 | Wi-Fi 6 Bluetooth 5.2 | Wi-Fi 6 Bluetooth 5.2 |
พอร์ต | USB Type-C 3.1 ช่องหูฟัง 3.5 มม. | USB Type-C 3.1 | USB Type-C 3.1 |
เซ็นเซอร์ | Gesture Sensor Gravity Sensor Infrared Sensor Fingerprint Sensor Gyroscope Compass Ambient Light Sensor Proximity Sensor Colour Temperature Sensor | Gesture Sensor Gravity Sensor Infrared Sensor Fingerprint Sensor Gyroscope Compass Ambient Light Sensor Proximity Sensor Colour Temperature Sensor | Gesture Sensor Gravity Sensor Infrared Sensor Fingerprint Sensor Gyroscope Compass Ambient Light Sensor Proximity Sensor Colour Temperature Sensor |
แบตเตอรี่ | 4200mAh HUAWEI SuperCharge 40W | 4400mAh HUAWEI SuperCharge 66W Wireless HUAWEI SuperCharge 50W | 4400mAh HUAWEI SuperCharge 66W Wireless HUAWEI SuperCharge 50W |
ความทนทาน | มาตรฐานการกันน้ำและฝุ่น IP53 | มาตรฐานการกันน้ำและฝุ่น IP68 | มาตรฐานการกันน้ำและฝุ่น IP68 |
ระบบปฏิบัติการ | EMUI 11.0 บน Android 10 | EMUI 11.0 บน Android 10 | EMUI 11.0 บน Android 10 |
ราคา | 899 ยูโร (≈33,300 บาท) | 1,199 ยูโร (≈44,400 บาท) | 1,399 ยูโร (≈51,800 บาท) |
ดีไซน์ภายนอกและหน้าจอแสดงผล
ทั้ง Mate 40, Mate 40 Pro และ Mate 40 Pro+ จะมีรูปลักษณ์ภายนอกที่เหมือนกับแทบทุกซอกทุกมุมเลย โดยสมาร์ทโฟนทั้ง 3 รุ่นนี้ จะมาพร้อมกับหน้าจอ OLED แบบขอบโค้ง 88 องศา ทั้งสองข้าง รองรับการแสดงผลสี DCI-P3 และ HDR อัตรารีเฟรชสูง 90Hz ลื่นไหลเนียนตา และมีอัตราตอบสนองที่รวดเร็วถึง 240Hz แตะปุ๊บติดปั๊บแน่นอน การปลดล็อกสามารถเลือกได้ทั้งสแกนนิ้วใต้หน้าจอหรือการสแกนใบหน้าแบบสามมิติ แต่อย่างหลังจะมีเพียงรุ่น Mate 40 และ Mate 40 Pro+ เท่านั้นที่ทำได้
สิ่งที่แตกต่างคือ Mate 40 มีหน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว และมีกล้องเซลฟี่ 13MP เพียงตัวเดียว ในขณะที่ Mate 40 Pro และ Mate 40 Pro+ มีหน้าจอใหญ่กว่าเล็กน้อยที่ขนาด 6.67 นิ้ว และมีกล้องเซลฟี่คู่ 13MP เสริมด้วยกล้องจับความลึกแบบสามมิติ ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับระบบสแกนใบหน้าได้ตามที่กล่าวไว้ด้านบน
Mate 40 และ Mate 40 Pro มีสีให้เลือกมากถึง 5 สี ได้แก่ Mystic Silver สีเงินที่ไม่ใช่สีเงินธรรมดา แต่สีสันของมันจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแสงและมุมที่ตกกระทบ ทำให้ดูมีความหลากหลาย ไม่จำเจ, Classic Black และ Classic White สำหรับคนชอบความเรียบง่าย โดยทั้ง 3 สีข้างต้นมีวัสดุฝาหลังเป็นกระจก นอกจากนี้ยังมีอีก 2 สีที่ใช้วัสดุฝาหลังเป็นหนังวีแกน คือ Green และ Yellow
ในขณะที่ Mate 40 Pro+ รุ่นท็อปสุดเลือกใช้วัสดุเป็น Nano-Tech Ceramic สุดแกร่ง ซึ่งทาง HUAWEI เคลมว่า วัสดุชนิดนี้มีความแข็งแกร่งในระดับเดียวกับแซฟไฟร์เลยทีเดียว โดยจะมี 2 สี ได้แก่ Ceramic White และ Ceramic Black
ประสิทธิภาพการใช้งานและหน่วยประมวลผล
Mate 40 ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Kirin 9000E ส่วน Mate 40 Pro และ Mate 40 Pro+ เหนือกว่าเล็กน้อยด้วยเซ็ต Kirin 9000 ความเจ๋งคือ เป็นชิปตัวแรกที่ถูกผลิตบนสถาปัตยกรรมขนาด 5 นาโนเมตร และรองรับ 5G ในตัวโดยไม่ต้องใช้โมเด็มแยก สำหรับเรื่องการประมวลผลนั้นแรงสุดขีด Kirin 9000 มีทรานซิสเตอร์มากถึง 15.3 พันล้านตัว โดย HUAWEI กล่าวว่า มันทรงพลังกว่า Snapdragon 865+ ของ Qualcomm ราว ๆ 10% แถมยังบอกอีกด้วยว่า แม้ใช้งานไปนานถึง 36 เดือน เครื่องก็จะแทบไม่อืดหรือช้าลงแต่อย่างใด
กล้องและการถ่ายภาพ
ยังคงเป็นอีกปีที่ HUAWEI จับมือกับ Leica ในการพัฒนากล้องถ่ายภาพให้กับสมาร์ทโฟนของตัวเอง โดยในคราวนี้ Mate 40 มาพร้อมกับกล้องหลักบนเซ็นเซอร์ RYYB ความละเอียด 50MP กล้องอัลตร้าไวด์ 16MP และกล้องเทเลโฟโต้ 8MP ออปติคอลซูมสูงสุด 3 เท่า ส่วนวงกลมสีดำ ๆ อีกตัวเป็นเลเซอร์เซ็นเซอร์สำหรับช่วยเพิ่มความแม่นยำให้กับระบบออโต้โฟกัส
ถัดมากับ Mate 40 Pro ซึ่งมีกล้องหลังจำนวน 3 ตัว เหมือนกับ Mate 40 จุดแตกต่างมีเพียงกล้องอัลตร้าไวด์และกล้องเทเลโฟโต้ที่มีความละเอียดสูงกว่าที่ 20MP และ 12MP ตามลำดับ โดยมีออปติคอลซูม 3 เท่า เช่นเดียวกัน
ปิดท้ายด้วยพี่ใหญ่ Mate 40 Pro+ จัดเต็มกว่าใครด้วยกล้องหลังมากถึง 4 ตัว ซึ่งกล้อง 3 ตัวแรก เป็นการยกเอาชุดกล้องจาก Mate 40 Pro มาทั้งดุ้นเลย รวมถึงเลเซอร์เซ็นเซอร์ด้วย แต่เสริมเข้าไปอีก 1 ตัว ด้วยกล้อง SuperZoom 8MP ที่สามารถซูมแบบออปติคอลได้ไกลถึง 10 เท่า
สิ่งที่เด่นที่สุดในหัวข้อนี้ที่จะไม่พูดถึงเสียไม่ได้เลยก็คือ กล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียด 12MP ของ Mate 40 Pro และ Mate 40 Pro+ เพราะกล้องตัวนี้มีขนาดพิกเซลอยู่ที่ 1.6μm ถือเป็นขนาดที่ใหญ่มากหากเทียบกับสมาร์ทโฟนในตลาด ส่งผลให้เก็บแสงได้ดีในทุกสภาวะ เอาไปถ่ายตอนกลางคืนก็ไม่ต้องกังวลว่าภาพจะมืด แถมยังมีการใส่เลนส์ฟรีฟอร์ม (free-form lens) มาให้ด้วย ซึ่งจะเป็นการแก้ไขความบิดเบี้ยวของภาพ (distortion) ที่เกิดจากเลนส์อัลตร้าไวด์ได้ในระดับฮาร์ดแวร์เลย ช่วยลดปัญหาเรื่องภาพป่อง ภาพบวม ขอบภาพยืด
แบตเตอรี่และการชาร์จ
น้องเล็ก Mate 40 มีแบตเตอรี่ความจุ 4200mAh ชาร์จไว 40W ด้วยเทคโนโลยี HUAWEI SuperCharge ด้าน Mate 40 Pro และ Mate 40 Pro+ มีแบตเตอรี่ความจุมากกว่าที่ 4400mAh รวมถึงชาร์จไวกว่าที่ 66W และรองรับการชาร์จไร้สาย 50W ด้วย
ราคาและการวางจำหน่าย
ณ ตอนนี้ HUAWEI ยังไม่มีการเปิดเผยถึงวันวางจำหน่ายของทั้ง Mate 40, Mate 40 Pro และ Mate 40 Pro+ แต่อย่างใด ส่วนราคาประกาศออกมาแล้วเป็นหน่วยยูโร ซึ่งขอโน้ตไว้ล่วงหน้านิดนึงว่า ราคาในโซนยุโรปจะแพงกว่าราคาบ้านเราพอสมควรเลย ดังนั้นอย่าพึ่งตกใจกับราคาของสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นด้านล่างนี้นะครับ
- Mate 40 – 899 ยูโร (≈33,300 บาท)
- Mate 40 Pro – 1,199 ยูโร (≈44,400 บาท)
- Mate 40 Pro+ – 1,399 ยูโร (≈51,800 บาท)
mate40 ถ้าเข้าไทยเริ่มต้น 29900 บาทนี่ ตายเลยนะ
นี่อาจจะเป็น Mate Series ที่ใช้ Kirin เป็นรุ่นสุดท้าย
Mate 40 ธรรมดาน่าซื้ิอสุด รอบบากเป็นแค่จุด สเป็คไล่เลี่ยกะรุ่นพี่มากๆ ไม่เหมือนปีก่อนที่ mate 30 ตัวธรรมดาเสป็คต่างกับโปรจนซื้อไม่ลง