แทบเล็ตระดับเรือธงอย่าง Huawei MatePad Pro เปิดตัวในบ้านเราไปเมื่อไม่นานมานี้ โดยจุดเด่นของมันก็คือสเปคแรงๆ ระดับไฮเอนด์ ไม่ว่าจะเป็นชิป Kirin 990, RAM 6GB, หน้าจอขนาด 10.8 นิ้ว ขอบบางเฉียบ ความละเอียดสูง 2560 x 1600, ลำโพง 4 ตัว แถมยังรองรับการใช้งานสไตลัส M-Pencil และเคสคีย์บอร์ด + ฟีเจอร์ Desktop Mode ที่จะแปลงร่างให้แทบเล็ตรุ่นนี้กลายเป็นโน้ตบุ๊คขนาดย่อมๆ อีกต่างหาก

Huawei MatePad Pro เป็นแทบเล็ตเรือธงระดับไฮเอนด์ซึ่งใช้ชิปซีรีส์ Kirin 990 แบบเดียวกับที่ใช้ในมือถือซีรีส์เรือธง P40 นั่นเอง ทำให้หายห่วง เรื่องความเร็ว ความแรง ในการใช้งานต่างๆ ไปได้เลย ไม่ว่าจะดูวิดีโอความละเอียดสูง ทำงานเอกสาร ท่องเว็บ เล่นโซเชียล หรือเล่นเกมกราฟฟิคหนักๆ ก็ตาม โดย MatePad Pro ที่ขายในบ้านเราก็จะแบ่งออกเป็นรุ่น WiFi และรุ่น WiFi + 4G LTE ส่วนสเปคอื่นๆ ก็จะเหมือนกันหมดครับ

สเปค HUAWEI MATEPAD PRO

  • หน้าจอ LCD ขนาด 10.8 นิ้ว ความละเอียด 2560 x 1600
  • ชิปเซ็ต Kirin 990
  • GPU : Mali-G76
  • RAM : 6GB
  • ความจุ : (UFS 3.0) 128GB รองรับ NM Card สูงสุด 256GB
  • กล้องหลังความละเอียด 13MP (f/1.8), auto focus
  • กล้องหน้าความละเอียด 8MP (f/2.0)
  • ระบบเสียง : ลำโพง 4 ตัว ปรับแต่งโดย Harman Kardon, ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, BT 5.1, พอร์ท USB-C 3.1
  • เซ็นเซอร์ : Accelerometer, gyro, proximity, compass
  • แบตเตอรี่ 7250 mAh รองรับชาร์จไว 20W / Wireless Charging 15W / Reverse Wireless Charging 7.5W
  • ระบบ Android 10 ครอบด้วย EMUI 10.1 (Huawei Mobile Services)
  • ขนาด / น้ำหนัก : 246 x 159 x 7.2 มม. / 460 กรัม

 

ดีไซน์ตัวเครื่อง

MatePad Pro เป็นแทบเล็ตระดับเรือธงที่นอกจากจะมีสเปคระดับไฮเอนด์แล้ว ยังมีการดีไซน์ตัวเครื่องที่ดูพรีเมี่ยมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอขนาด 10.8 นิ้ว ที่มีขอบบางเฉียบทั้ง 4 ด้าน เนื่องจากย้ายเอากล้องเซลฟี่มาอยู่ในรูบนหน้าจอ ที่มุมซ้ายบน (ใช้งานแนวนอน)

เฟรมเครื่องเป็นโลหะสีเทาด้าน ส่วนฝาหลังก็เป็นสีเทาด้านเหมือนกัน ทำให้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องรอยนิ้วมือมากนัก ตรงมุมขวาบนมีกล้อง 1 ตัว พร้อมแฟลช LED อยู่บนโมดูลที่นูนออกมาจากตัวเครื่องพอสมควร แต่ถ้าใส่เคสแล้วก็จะพอดีกัน ไม่ต้องกลัวกล้องไปขูดขีดกับพื้นโต๊ะเวลาวาง

ขอบเครื่องด้านซ้ายมีปุ่ม Power อยู่ที่มุมบน ถัดลงมาเป็นลำโพง 2 ตัว ขอบเครื่องด้านขวาก็มีลำโพงอีก 2 ตัว รวมเป็น 4 ตัว และมีพอร์ท USB-C อีกหนึ่งช่อง

ขอบเครื่องด้านบนมีปุ่มปรับเสียง และบริเวณกลางเครื่องเป็นแถบแม่เหล็กสำหรับดูดกับปากกาสไตลัส M-Pencil ที่จะชาร์จปากกาแบบไร้สายไปด้วย ส่วนขอบล่างมีแค่ถาดใส่ซิม

หน้าจอ 2K

หน้าจอของ MatePad Pro เป็นแบบ IPS LCD ขนาด 10.8 นิ้ว ความละเอียด 2560 x 1600 หรือ QHD ซึ่งความที่มันเป็นจอแบบ LCD ก็เลยทำให้สีสันของมันไม่สดเหมือนกับจอแบบ OLED แต่ด้วยความละเอียดที่สูงถึง QHD ก็ทำให้มันใช้ดูคอนเทนท์ต่างๆ ได้แบบสวยงาม และคมชัด พอดีๆ กับหน้าจอขนาดนี้ การใช้งานกลางแดด ก็มองเห็นได้ชัดเจนดี ไม่มีปัญหาอะไร (นอกจากคนใช้จะหน้ามืดเพราะเป็นลมแดดไปซะก่อน)

น่าเสียดายที่ Huawei Mobile Services ยังไม่มีแอป Netflix มาให้ด้วย ทำให้หน้าจอความละเอียด QHD ของ MatePad Pro ไม่ได้ใช้งานอย่างเต็มที่ซักเท่าไหร่ จะได้ใช้ก็ตอนดู YouTube ผ่าน Browser เท่านั้น หรือถ้าจะไปโหลด Netflix มาติดตั้งเอง มันก็ก็รองรับภาพแค่ SD อยู่ดี

การปลดล็อคเครื่อง

MatePad Pro ไม่ได้ใส่เทคโนโลยีสแกนนิ้วมือเพื่อปลดล็อคเครื่องมาให้ เพราะฉะนั้นก็จะเหลือตัวเลือกแค่ใช้ Password, PIN, Pattern หรือ Face Unlock เท่านั้น ซึ่งเอาจริงๆ อันนี้ผมไม่ค่อยซีเรียสเท่าไหร่ เพราะกด PIN เอาก็ไม่ได้เสียเวลาไปกว่าการสแกนนิ้วมากมาย ส่วนการสแกนหน้า ถ้าใครมีข้อมูลสำคัญจริงๆ แนะนำว่าให้ข้ามไป เพราะมันใช้แค่กล้องหน้าในการตรวจจับใบหน้าแบบ 2 มิติ เท่านั้น

ประสิทธิภาพเครื่อง และการเล่นเกม

ด้วยชิป Kirin 990 และ RAM 6GB ทำให้แทบเล็ตรุ่นนี้ใช้งานทุกอย่างได้สบายแฮ ไม่ว่าจะเล่นเน็ตเปิดไว้หลายๆ Tab, ดูคลิปวิดีโอความละเอียดสูง, ใช้งานเอกสาร, เล่นเกมกราฟฟิคจัดๆ ฯลฯ โดยวัดผลด้วยแอป AnTuTu ออกมาได้ตามนี้ครับ

ส่วนหน่วยความจำในตัวเครื่องก็เป็นแบบ UFS 3.0 ซึ่งมีความเร็วในการอ่าน – เขียน ข้อมูลได้เร็วปรู๊ดปร๊าด วัดผลด้วยแอป Androbench ออกมาได้ดังนี้

ทดสอบเล่นเกมกราฟฟิคแบบ 3 มิติ ทั้ง Honkai Impact 3 และ Game of Throne ก็พบว่าเล่นได้สบายๆ ลื่นๆ ไม่มีกระตุก แม้ปรับกราฟฟิคเต็มที่

Hongkai Impact

Game of Throne

ลำโพงและระบบเสียง

Matepad Pro น่าจะถูกใจคนที่เน้นการใช้งานประเภท Entertainment เพราะนอกจากจะมีหน้าจอสวยๆ ความคมชัดสูงแล้ว มันยังมากับลำโพงถึง 4 ตัว ที่ปรับแต่งเสียงโดยแบรนด์ระดับโลกอย่าง Harman Kardon ที่ให้เสียงได้กระหึ่มสุดๆ โดยที่เสียงไม่แตกแม้เร่งเต็มที่ แต่ระบบเสียงโดยรวมยังไม่ถือว่าโดดเด่นนัก เพราะถึงแม้ว่าเสียงจะดังจริง แต่ฟังแล้วยังแห้งๆ แบนๆ ไม่เด่นทั้งเสียงต่ำ และเสียงสูง

และข่าวร้ายสำหรับคนใช้หูฟังแบบมีสายก็คือ…แทบเล็ตรุ่นนี้ไม่ได้ให้รูหุฟัง 3.5 มม. มาด้วย เพราะฉะนั้นต้องไปหาตัวแปลง USB-C > 3.5 มม. มาเสียบเอาเองนะจ๊ะ

 

Desktop Mode

สำหรับ Desktop Mode ก็เรียกว่าเป็นฟีเจอร์ที่จะเข้ามาทำให้การใช้งาน MatePad Pro ใกล้เคียงกับการใช้งานโน้ตบุ๊คเข้าไปอีกขั้นนึง โดยเมื่อเราเปิดโหมดนี้แล้ว หน้าตาของ UI ก็จะเปลี่ยนไปคล้ายๆ กับ UI ของคอมพิวเตอร์ ซึ่งเราสามารถเปิดหน้าต่างหลายๆ แอปทิ้งไว้บนหน้าจอได้เลย

เมื่อใช้งานร่วมกันด้วยการเปิดแอปพิมพ์เอกสาร + เว็บเบราวเซอร์พร้อมกันที่หน้าจอ ใช้เคสคีย์บอร์ด และเชื่อมเมาส์ไร้สายเข้าไปอีกตัว เท่านี้ก็ใช้งานแทนโน้ตบุ๊คได้แล้ว

เคสคีย์บอร์ด

เคสคีย์บอร์ดของ MatePad Pro ที่นอกจากจะป้องกันรอยขีดข่วนให้ตัวเครื่องแล้ว ยังทำให้เราสามารถใช้งานแทบเล็ตตัวนี้ได้คล่องขึ้น ด้วยคีย์บอร์ดแบบ 4 แถว เหมือนคอมพิวเตอร์ปกติ ทำให้การพิมพ์งานต่างๆ สะดวก และรวดเร็วขึ้นเยอะ

ตัวเคสจะต่อกับแทบเล็ตด้วยแม่เหล็กทางด้านหลังเครื่อง ซึ่งแน่นพอที่จะไม่หลุดออกมา แต่ก็ถอดออกได้โดยไม่ต้องใช้แรงเยอะนัก

นอกจากนี้ยังปรับความเอียงของหน้าจอได้ 2 ระดับ โดยจะมีรอยบากเอาไว้ให้วางแทบเล็ต ซึ่งในรอยบอกก็จะมีแม่เหล็กเอาไว้ดูดตัวเครื่องด้วยเหมือนกัน ทำให้ตอนพิมพ์งาน ไม่มีอาการง่อกแง่กให้เห็นเลย

M-Pencil

MatePad Pro รองรับการใช้งานกับดินสอ M-Pencil ที่สามารถใช้จดโน้ต หรือใช้วาดรูปได้เป็นธรรมชาติเกือบเทียบเท่าการใช้ปากกาจริง โดยรูปร่างของมันก็ออกแบบมาให้คล้ายๆ กับดินสอ ซึ่งไม่ได้เป็นด้ามกลม แต่จะเป็น 6 เหลี่ยม ทำให้มันไม่กลิ้งไปไหน เวลาวางบนโต๊ะ แถมน้ำหนักก็กำลังดี ไม่เบาเกินไป และไม่หนักเกินไป ราวๆ ปากกาหมึกซึมแท่งนึง

และยังรับแรงกดได้ถึง 4096 ระดับ เมื่อใช้งานกับแอปที่รองรับแล้ว เราจะวาดรูปได้เหมือนวาดบนกระดาษจริงๆ เพราะการลงสีที่จะเข้ม และจางลงตามแรงกดของมือ

M-Pencil มีแบตเตอรี่ในตัวที่จะต้องชาร์จผ่านเครื่อง MatePad Pro เท่านั้น โดยการใช้งานครั้งแรกเราต้องเอาปากกาไปแปะที่ขอบเครื่องแทบเล็ตด้านบนซะก่อน จากนั้นทั้งตัวปากกา และแทบเล็ตก็จะเชื่อมกันโดยให้เรากดเชื่อมต่อแค่ครั้งเดียว ไม่ต้องตั้งค่า Pairing เองให้วุ่นวาย ส่วนเวลาจะชาร์จแบตให้ปากกาก็แค่เอาไปแปะไว้ด้านบนเหมือนเดิม ซึ่งแม่เหล็กที่ดูดปากกากับตัวเครื่องก็แน่นหนาดี ทดสอบสะบัดๆ เขย่าๆ ก็ไม่พบว่าหลุดออกมาแต่อย่างใด

ใช้คู่กับแอป Nebo for Huawei ที่ติดมากับเครื่อง ก็จะเพิ่มความสะดวกให้กับการจดบันทึกต่างๆ มากขึ้นไปอีก เพราะแอปนี้จะแปลงลายมือของเรา (ที่ไม่ชุ่ยเกินไป) ให้กลายเป็นตัวอักษรได้เลย โดยตอนนี้แอปดังกล่าวรองรับแล้ว 64 ภาษา แต่ยังไม่มีภาษาไทยซะนี่ (-_-)

กล้องหลัง – หน้า

กล้องหลังของ MatePad Pro มีความละเอียดอยู่ที่ 13MP พร้อมระบบออโต้โฟกัส ซึ่งถ้าจะใช้ถ่ายรูปแบบขำๆ เอาไว้ส่งในแชท หรือลง FB ก็พอได้อยู่ แต่ไม่เหมาะจะใช้ถ่ายแบบจริงจัง เพราะภาพที่ออกมายังขาดรายละเอียด และบางทีสีก็เพี้ยนๆ ไปบ้าง โดยตัวอย่างภาพต้นไม้ใบหญ้า ถ่ายตอนแสงแดดส่องตรงๆ ภาพออกมาซีดๆ ขาวๆ อย่างกับมีแม่คะนิ้งเกาะเลย

กล้องเซลฟี่ความละเอียด 8MP ก็พอใช้งาน Video Call ได้แบบชัดๆ แต่ถ้าจะเอามาถ่ายเซลฟี่เล่นด้วยการถือเครื่องแนวตั้ง ส่วนตัวคิดว่าตำแหน่งมันยังแปลกๆ เพราะถ้าพลิกเครื่องเป็นแนวตั้งปุ๊บ กล้องก็จะไปอยู่ที่มุมขวาบน ถ้าตอนถ่ายเซลฟี่แล้วมองที่หน้าจอ หน้าของเราจะดูเหมือนมองอะไรข้างล่างอยู่ ก็เลยต้องถ่ายแบบแนวนอนเอา ซึ่งก็จะทำให้จับเครื่องไม่ถนัด พาลจะหลุดมืออีก

แบตเตอรี่

แบตเตอรี่ขนาด 7250 mAh จากการทดลองใช้แบบใส่ซิมเปิด 4G ไว้ตลอดเวลา ระหว่างวันใช้ WiFi ดูคลิปจาก YouTube ผ่าน Browser, เล่นเน็ต, โซเชียล, เล่นเกมบ้าง, วาดรูปเล่นบ้าง ก็พบว่าหมดวันยังเหลือแบตอีกเกิน 50% เลยทีเดียว เรียกว่าใช้งานได้ 2 วันสบายๆ ส่วนนึงน่าจะได้อานิสงส์จากหน้าจอแบบ LCD ที่ไม่กินไฟเท่าจอแบบ OLED นั่นเอง นอกจากนี้มันยังมากับที่ชาร์จไวแบบมีสาย 20W ทำให้การชาร์จแบตจนเต็ม 100% ใช้เวลาค่อนข้างเร็วสำหรับแทบเล็ตแบตเตอรี่มหึมาขนาดนี้ นอกจากนี้ MatePad Pro ยังรองรับการชาร์จไร้สาย 15W และยังรองรับ Reverse Charge ที่ระดับ 7.5W ให้กับอุปกรณ์อื่นๆ แบบไร้สายได้อีกด้วยนะ

ใช้งานข้ามมาวันที่ 2 แบตเตอรี่เหลือ 30% แต่ก็ยังใช้ต่อได้อีกยาวๆ

สรุป

ข้อดี

  • หน้าจอใหญ่ความละเอียดสูง
  • ดีไซน์หรูหรา ดูพรีเมี่ยม
  • สเปคแรงหายห่วง
  • ลำโพง 4 ตัว เสียงดังมาก
  • แบตเตอรี่อึด และชาร์จไว
  • ปากกา M-Pencil ใช้งานได้ดีทั้งจด และวาด
  • เคสคีย์บอร์ดใช้งานได้ดี งานประกอบดี
  • ราคาไม่แรง

ข้อติ

  • HMS ยังมีแอปให้ใช้น้อยมาก
  • ลำโพงเสียงดัง แต่เสียงยังแห้งๆ แบนๆ
  • ไม่มีเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือ
  • กล้องหลัง – หน้า คุณภาพเฉยๆ สีเพี้ยนเป็นบางครั้งด้วย

Huawei MatePad Pro นับว่าเป็นแทบเล็ตระดับไฮเอนด์ที่เรียกว่าครบเครื่องทั้งการใช้งาน, ด้านบันเทิง, โซเชียล และอื่นๆ ด้วยราคาที่ไม่แรงเลยถ้าหากเทียบกับสเปค และฟีเจอร์แบบนี้ (ถ้าได้โปรโมชั่นแถมเคสคีย์บอร์ด และปากกา จะคุ้มสุดๆ) แต่จะติดอยู่อย่างเดียวก็คือเรื่องของ HMS ที่ยังมีแอปไม่หลากหลาย ต้องอาศัยการดาวน์โหลดเป็นไฟล์ APK มาติดตั้ง (ซึ่งก็อาจจะต้องระมัดระวังในการโหลดหน่อย) ทำให้ฟีเจอร์ต่างๆ ไม่สามารถใช้งานได้เต็มที่ อย่างเช่นปากกา สไตลัสที่แม้จะรองรับแรงกดได้เยอะ แต่ยังไม่มีแอปวาดภาพดีๆ ใน Huawei AppGallery ให้ใช้เลย หรือจะเป็นหน้าจอที่มีความคมชัดสูงระดับ QHD แต่ก็ไม่สามารถเอามาดู Netflix ที่ความละเอียดสุงๆ ได้

แต่ถ้าใครที่ต้องการแทบเล็ตที่สามารถเอามาใช้ทำงานเล็กๆ น้อยๆ เช่นการพิมพ์เอกสาร ทำตาราง ทำงานผ่านเว็บ ฯลฯ อันนี้ไม่มีปัญหาเพราะว่า MatePad Pro นั้นรองรับการทำงานกับแอปจากฝั่งของ Microsoft ทุกตัว ที่ขาดไปก็คือแอปจาก Google ที่ไม่มีให้ใช้ คงต้องเลี่ยงไปใช้ผ่านเบราวเซอร์แทน อย่างเช่น YouTube, Google Drive, Gmail ฯลฯ ก็บอกได้เลยว่า MatePad Pro เป็นแทบเล็ตที่น่าสนใจรุ่นนึงเลยครับ