“ถ่ายรูปให้หน่อย เอามือถือเราถ่ายนะ จะได้แชร์เลย” คำๆ นี้หลายคนคงจะได้ยินกันบ่อยมากๆ เวลาไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ถึงแม้จะมึคนสะพายกกล้องอยู่ตรงนั้น หรือแม้แต่จะมีกล้องของตัวเอง แต่ด้วยกล้องมือถือตอนนี้มันพัฒนามาจนอยู่ในจุดที่สามารถถ่ายภาพสวยๆ ได้ไม่ยาก มีเลนส์มีรูรับแสงที่เอามาถ่ายภาพ Portrait ได้ Dynamic Range ดีๆ หรือมีระบบกล้องคู่สำหรับการถ่ายภาพ Bokeh ละลายหลังได้เนียน
ช่วงนี้เห็นราคา P10, P10 Plus ลดกันกระจุยกระจาย ส่วนปัญหา UFS เรื่องนี้ในบ้านเราไม่มีปัญหาเพราะทั้ง 2 รุ่นมาเป็น UFS ทั้งคู่ ซึ่งใครที่รู้สึกเฉยๆ กับเรื่องหน่วยความจำก็น่าจะยิ้มกันใหญ่เพราะได้กล้องคู่ที่พัฒนาร่วมกับ LEICA มาในราคาคุ้มๆ ซึ่งเรื่องของความคมชัดและ dynamic range ก็ถือว่าสอบผ่านเข้ากับคอนเซปของเราพอดี ว่าแล้วก็จัดไปลุยเลยละกัน
การถ่ายภาพ Portrait และโหมด Portriat Style ของ P10 / P10 Plus
เริ่มจากภาพ Portrait ก่อน การถ่ายภาพในสไตล์นี้คือการเน้นให้คนเป็นจุดเด่นของภาพ บางคนอาจจะบอกว่าต้องเป็นภาพโคลสอัพใบหน้า แต่จริงๆ แล้วไม่จำเป็นเสมอไปครับ ภาพ Portrait อาจจะเป็นภาพครึ่งตัวหรือเต็มตัวก็ได้ แต่ต้องดึงเอาคนในภาพไม่ว่าจะเป็นนายแบบหรือนางแบบให้เด่นขึ้นมาเป็นจุดสนใจของภาพได้นั่นเอง
ซึ่งในการใช้ Huawei P10 หรือ P10 Plus มาเล็งนั้นในหลายๆ ช็อตพอจัดองประกอบภาพดีๆ แล้วก็สามารถกดชัตเตอร์ไปได้เลย แต่ในบางช็อตที่เราต้องการจะดึงแสงหรือเพิ่มความเด่นให้แบบนั้นก็อาจจะต้องปรับ Exposure ขึ้นมา รวมถึงสามารถใช้เพื่อปรับโทนหรืออารมณ์ของภาพได้ด้วย
ด้านบนนั้นเราหมายถึงการถ่ายภาพ Portrait ทั่วๆ ไป แต่ถ้าในมือเรามี Huawei P10 / P10 Plus มันจะมีอีกโหมดนึงที่ช่วยดึงให้แบบเด่นขึ้นมาอีก นั่นก็คือ Portrait Style ซึ่งเป็นการผสมผสานของการเบลอหลังและบิวตี้
อย่างภาพซ้ายนั่นคือเวลาเราใช้มือถือทั่วๆ ไปถ่าย ซึ่งอย่างมากเราก็เปิดบิวตี้โหมดปรับหน้าปรับผิวได้ แต่ภาพขวาคือเมื่อเราเปิดโหมด Portrait Style (ด้วยการแตะไปที่สัญญลักษณ์รูปคน) นอกจากกล้องคู่จะทำการเบลอหลังให้นางแบบเด่นออกมาแล้ว ยังเกลี่ยหน้าด้วยโหมดบิวตี้ไปในคราวเดียว ซึ่งเราสามารถจะลากปรับระดับของบิวตี้ได้ตั้งแต่ 1-10
การถ่ายภาพ Bokeh ด้วยการเปิดโหมด Wide Aperture
มาถึงภาพแบบ Bokeh บ้าง คำนี้ไม่ได้หมายถึงภาพหน้าชัดหลังเบลอ แต่หมายถึงเอฟเฟคของเลนส์ที่ทำให้ภาพนอกจุดโฟกัสมีความเบลอ เอาง่ายๆ คือจะเห็นไฟเป็นวงๆ เหลี่ยมๆ ดวงๆ ซึ่งข้อจำกัดของเลนส์มือถือที่มีความยาวไม่เยอะ ก็จะไม่สามารถถ่ายภาพ Bokeh โหดๆ ได้ ก็ต้องมาใช้เทคนิคของเลนส์คู่ในการเก็บความลึก พร้อมกับใช้ software ช่วยในการถ่าย Bokeh นั่้นเอง ซึ่งการถ่ายนั้นจะมีแบบเป็นคนหรือเป็นอะไรก็ได้
ซึ่งการถ่ายภาพด้วย Huawei P10 / P10 Plus นั้นเราสามารถปรับในส่วนของรูรับแสงที่เรียกว่า Wide Aperture เพื่อให้เกิดเอฟเฟค Bokeh ในแบบที่เราชอบได้ (สัญญลักษณ์รูรับแสง) บางภาพอยากจะแค่บางๆ เอาเบลอเบาๆ ก็เลือกขนาดของค่า Aperture ได้ตามต้องการ อย่างในภาพนี้มีค่า Aperture มาตรฐานที่ 4 ก็จะได้ Bokeh มาประมาณนึง
ข้อดีของการถ่ายภาพในโหมด Aperture คือเรายังสามารถมาปรับแต่งต่อได้ในภายหลัง โดยใน Gallery จะมีสัญลักษณ์รูปรูรับแสงแบบเดียวกับตอนเปิดโหมดนั่นเอง เช่นการเลือกจุดโฟกัส เราสามารเปลี่ยนจุดโฟกัสของภาพใหม่ได้
เช่นหากในภาพเรามีวัตถุในหลายๆ ระนาบ ก็สามารถเปลี่ยนจุดโฟกัสได้เรื่อยๆ แต่ในภาพตัวอย่างเรามีแค่ 2 ระนาบคือตัวแบบกับพื้นหลังหรือ background เท่านั้น พอลองแตะไปที่พื้นหลัง แบบเราก็จะเบลออย่างที่เห็นในภาพ
นอกจากเลือกจุดโฟกัสได้แล้ว ยังปรับค่า Aperture เพื่อเลือกระดับความเบลอได้ด้วย ยิ่งค่า Aperture น้อยก็จะยิ่งเบลอมากขึ้นเรื่อยๆ
เช่นลองปรับลงมาที่ 0.95 พื้นหลังก็จะเบลอเนียนไปเลย เมื่อลองเทียบกับภาพก่อนหน้าที่ตั้งไว้ 5.6
นอกจากนั้นยังมีลูกเล่นใส่ Filter เพิ่มเติมให้กับภาพได้อีก เช่นเลือกแต่งพื้นหลังให้กลายเป็นลายเส้นดินสอ
หรือจะปรับพื้นหลังให้กลายเป็นสีขาวดำ Monochrome ไปเลยก็ได้ แบบก็จะยิ่งเด่นขึ้นมาอีก
อย่างนึงที่ผมชอบในการถ่าย Bokeh ของ Huawei คือเวลาเราปรับ Apature ไปกว้างๆ แล้วพวกแสงไฟดวงๆ นั้นเกลี่ยออกมาเป็นวงได้สวยงาม ได้อารมณ์เลนส์กล้อง
เช่นในภาพนี้ผมปรับ Aperture จากต้นฉบับมาสุดที่ 0.95 ไฟนี่เป็นดวงกลมๆ สวยงามดีครับ
ผ่านมาแล้วกับการถ่ายภาพ 2 แบบ ซึ่งข้อแตกต่างของโหมด Portrait และ โหมด Wide Aperture ที่เห็นได้ชัดก็คือ
Portriat Style : เปิด/ปิดการเบลอพื้นหลังได้ระดับเดียว แต่เลือกปรับระดับโหมดบิวตี้ได้ ภาพที่ถ่ายไปแล้วไม่สามารถปรับแก้ได้
Wide Aperture : เลือกจุดโฟกัสปรับระดับความเบลอได้ สามารถปรับเปลี่ยนค่าได้หลังจากถ่ายเสร็จแล้ว มีฟิลเตอร์ต่างๆ เป็นลูกเล่นเพิ่มเข้ามา แต่ไม่มีโหมดบิวตี้
ถึงตรงนี้แล้วเขียนกำลังเพลิน เลยขอแถมอีกหน่อยกับการถ่ายภาพแบบเซลฟี่ และโหมดขาวดำหรือ monochrome ครับ
Selfie Portrait Style
ส่วนกล้องหน้าของ Huawei P10 Plus นั้นมาพร้อมกับเลนส์รองรับจาก LEICA สามารถเลือกถ่าย Selfie แนว Portriat ได้ นั่นก็คือเราสามารถเปิด Portrait Style ที่กล้องหน้าได้ด้วยนั่นเอง ซึ่งเอฟเฟคการเบลอนั้นเราสามารถเห็นได้แบบ realtime
อย่างภาพซ้ายนี่ก็เป็นการถ่ายภาพ Portrait ธรรมดา ส่วนภาพขวาคือการเปิดโหมด Portrait Style ไปด้วย ถึงแม้กล้องหน้าจะมีเลนส์เดียว แต่ระบบการจับวัตถุและเลือกพื้นที่ในการทำเอฟเฟคท์เบลอก็ถือว่าดีพอตัว ส่วนความเนียนใสของใบหน้าและผิวนั้นอยากได้ระดับไหนก็เลือกไถเอาตามสะดวกครับ
Monochrome
ส่วนอีกโหมดนึงก็คือการถ่ายภาพขาวดำที่เป็น Signature หรือลายเซ็นต์ของ Huawei เพราะเป็นค่ายเดียวที่ใช้เลนขาวดำความละเอียด 20 ล้านพิกเซล เสน่ของเลนส์ขาวดำแท้ๆ คือความคมของภาพและ dynamic range ที่ให้มิติได้มากกว่าภาพสีเอาไปใส่ฟิลเตอร์หรือทำเป็นภาพขาวดำ
ซึ่งการจะเปิดโหมด monochrome ที่ถูกต้องนั้นคือปัดกล้องไปทางซ้าย แล้วเลือกโหมด Monochrome นะครับ ถึงจะได้รับพลังจากเลนส์ขาวดำแบบเต็มๆ ไม่ใช่ไปเลือก Filter
อันนี้ก็เป็นทริคการถ่ายภาพทั้งแบบ Portrait Style, Wide Aperture ที่หลายๆ คนน่าจะสนุกกับการถ่ายในรูปแบบนี้กัน และ Huawei P10 ก็ให้ภาพที่ออกมาได้คมชัดสีสันสดใส ส่วนในโหมด Wide Aperture นั้นก็สามารถเลือกปรับความเบลอหรือ Bokeh ได้ตามต้องการโดยไม่ต้องกังวลว่าระหว่างที่กดชัตเตอร์ไปนั้นภาพดีพอหรือยัง ส่วนภาพในโหมด Monochrome หรือขาวดำนั้นเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือน และยังให้อารมณ์คลาสสิคได้ดีจริงๆ ครับ
ยี่ห้อนี้ยังไม่เจ๊งอีกหรือ
อันดับสามของโลกนะท่าน
พี่พัต รีวิว HTC U11 ครับ #ลืมแน่ๆๆๆ
Where's my Honor 6 Plus? เป็นกล้องคู่ของเจ้านี้รุ่นแรก แล้วก็หายไปเลย อัพเดทก็ไม่มี
ซอฟท์แวร์ก็ห่วย เครื่องก็ร้อนง่าย ไป Android 7 ได้แต่บอกไม่ผ่านเกณฑ์เพื่ออะไร Huawei(ห่วยเว้ย)เข็ดหลาบ
และไม่มีทางซื้ออีกแน่ ไม่ต้องถามต่อนะว่าไม่ผ่านเพราะอะไร"แพ"ไง
กล้องหลังเทพมากๆ ครับ คนที่ชอบถ่ายรูป มีเทคนิคติดตัว น่าจะชอบกันเยอะ
"ช่วงนี้เห็นราคา P10, P10 Plus ลดกันกระจุยกระจาย ส่วนปัญหา UFS เรื่องนี้ในบ้านเราไม่มีปัญหาเพราะทั้ง 2 รุ่นมาเป็น UFS ทั้งคู่ "
พอดีไม่ค่อยได้ติดตามรายละเอียดเรื่องหน่วยความจำเท่าไหร่ ข้อความข้างต้นเป็นจริงมั้ยครับ
จริงครับ แต่ความเร็วอาจจะต่างกันเพราะ Huawei เลือกใช้จากหลายเจ้า ถ้าโชคดีได้ของ Samsung จะไวกว่าได้ของ Toshiba
ประเด็นไม่อยู่ที่ความต่าง ของ UFS ประเด็นอยู่ที่การรับผิดชอบต่อลูกค้าที่ซื้อไปแล้วไม่ได้ของตามที่โฆษณาไว้แต่แรก