เปิดตัวกันไปเรียบร้อยสำหรับ Huawei P30 Series ที่ครั้งนี้มาทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน ชูจุดเด่นเรื่องกล้องอีกเช่นเคย ซูมออพติคัลได้ไกลสุดถึง 10 เท่า และสามารถซูมดิจิทัลแบบไม่เสียความคมชัดจะสามารถซัดไปได้ไกลถึง 25 เท่า กันไปเลย แต่ความพิเศษของ Huawei P30 Series นี้ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เราเลยเอามาสรุปเล่าให้อ่านอันทั้งหมดในนี้เลย

ก่อนอื่นเรามาดูสเปคของทั้ง 2 รุ่น ก่อนนะครับว่าแต่ละรุ่นมีอะไรกันบ้าง

สเปค Huawei P30

  • หน้าจอ OLED ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ (2340 x 1080 pixels) อัตราส่วน 19.5:9
  • CPU : Kirin 980
  • GPU : Mali G76
  • RAM : 6GB
  • ความจุ : 128GB
  • กล้องหลัง : 40 MP (f/1.8) + 16 MP (Ultra-wide angle, f/2.2) + 8 MP (3x telephoto, f/2.4)
  • กล้องหน้า : 32MP (f/2.0)
  • เซ็นเซอร์ : Gravity Sensor, Ambient Light Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope,Compass, Fingerprint Sensor (บนหน้าจอ), Hall sensor, laser sensor, Barometer, Infrared sensor, colour temprature sensor
  • การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, BT 5.0
  • มาตรฐานกันน้ำ IP53
  • แบตเตอรี่ : 3,650 mAh รองรับ Super Charge (22.5W)

สเปค Huawei P30 Pro

  • หน้าจอ OLED ขนาด 6.47 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ (2340 x 1080 pixels) อัตราส่วน 19.5:9
  • CPU : Kirin 980
  • GPU : Mali G76
  • RAM : 8GB
  • ความจุ : 128/256/512GB
  • กล้องหลัง : 40MP (f/1.6) + 20MP (Ultra-wide angle, f/2.2) + 8MP (f/3.4) + เซ็นเซอร์ ToF
  • กล้องหน้า : 32MP (f/2.0)
  • เซ็นเซอร์ : Gravity Sensor, Ambient Light Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope,Compass, Fingerprint Sensor (บนหน้าจอ), Hall sensor, laser sensor, Barometer, Infrared sensor, colour temprature sensor
  • การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, BT 5.0
  • มาตรฐานกันน้ำ IP68
  • แบตเตอรี่ : 4,200 mAh รองรับ Super Charge (40W), Wireless Quick Charge (15W)

ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอ

มาเริ่มกันที่หน้าจอกันก่อนเลย Huawei P30 Series มาพร้อมหน้าจอติ่งหยดน้ำขอบบางเฉียบ โดยขอบจอด้านบนหนาเพียง 3.36 มม. ส่วนขอบจอด้านข้างอยู่ที่ 2.20 มม. ทำให้หน้าจอดูกว้างสบายตาสุดๆ

และถึงแม้ว่า P30 และ P30 Pro จะมีหน้าจอใหญ่ถึง 6 นิ้วกว่าทั้ง 2 รุ่น แต่ขนาดของมันถือว่าเล็กและจับถนัดมือกว่ามือถือรุ่นอื่นๆ ที่มีหน้าจอขนาดใกล้เคียงกัน

สำหรับ Huawei P30 จะใช้หน้าจอแบบ OLED ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับการแสดงผลแบบ HDR

ส่วน Huawei P30 Pro จะใช้หน้าจอ OLED ขนาด 6.47 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับการแสดงผลแบบ HDR และเป็นหน้าจอ Curved OLED แบบโค้งทั้ง 2 ข้าง

นอกจากนี้ยังมีระบบเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือบนหน้าจอที่มีความเร็วในการปลดล็อคมากกว่าปกติถึง 30%

ตัวเครื่องด้านหลังของ Huawei P30 เคลือบด้วยสีแบบ Nano Optical Color Finish ถึง 9 ชั้น ทำให้มันทนทานต่อการขีดข่วนได้มากกว่าวัสดุที่เป็นแบบกระจกธรรมดา

Huawei P30 และ P30 Pro มีสีใหม่ๆ ให้เลือกมากถึง 5 สี คือ Black, Pearl White, Aurora, Amber Sunrise และ Breathing Crystal

มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น

Huawei P30 ได้รับมาตรฐานกันน้ำระดับ IP53 ที่สามารถกันน้ำได้ในระดับน้ำสาด ส่วน P30 Pro ได้ในระดับ IP68 ที่สามารถเอาลงน้ำจืดลึก 1.5 เมตร ได้เป็นเวลา 30 นาที

กล้องหลังสุดเทพ 3 ตัว ทวงบัลลังก์อันดับ 1 DxOMark

แน่นอนว่ากล้องหลังของ Huawei P30 Series ยังคงความเทพเอาไว้เหมือนเดิมด้วยกล้องทั้งหมด 3 ตัวใช้เลนส์ที่ร่วมกันพัฒนากับ Leica โดยมีความละเอียดสูงสุดอยู่ที่ 40MP และมาแบบครบๆ ทุกระยะทั้ง Wide Angle, Ultra Wide Angle และ Telephoto (ซูม) โดย P30 มากับกล้องหลักความละเอียด 40MP เลนส์ Wide Angle, กล้องความละเอียด 16MP เลนส์แบบ Ultra Wide Angle และกล้องความละเอียด 8MP เลนส์ซูมออพติคอล 3X พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิสีและความนิ่งของแสง

ส่วน P30 Pro มากับกล้องหลักความละเอียด 40MP เลนส์ Wide Angle, กล้องความละเอียด 20MP เลนส์แบบ Ultra Wide Angle และกล้องความละเอียด 8MP เลนส์ซูมออพติคอลสูงถึง 5X แถมด้วยเซ็นเซอร์ ToF อีก 1 ตัว สำหรับตรวจจับความลึกของฉากหลัง และเซ็นเซอร์ ตรวจจับอุณหภูมิสีและความนิ่งของแสง

โดยเลนส์หลักและเลนส์ซูมของ P30 Pro ยังมีระบบกันสั่นแบบ OIS ใส่มาให้ทั้งคู่ ทำให้การถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยออกมาคมชัดกว่า

ความเทพยังไม่หมดเท่านี้ เพราะ Huawei P30 สามารถเร่งค่า ISO ได้มากกว่าเดิมขึ้นไปถึง 204800 และในรุ่น P30 Pro สามารถเร่งขึ้นไปได้อีกถึง 409600 ซึ่งมากกว่ากล้องระดับโปรอย่าง Canon 5D Mark IV ที่มีค่า ISO สูงสุดอยูที่ 102400 ซะอีก

และด้วยระบบกันสั่นของ P30 Pro บวกกับโหมดการถ่ายภาพแบบ Silky Water ทำให้เราสามารถถ่ายภาพคลื่นหรือน้ำตกแบบนุ่มนวลได้โดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้องเลย แค่ใช้มือเปล่าๆ ถือเครื่องไว้นิ่งๆ ภาพที่ออกมาก็ได้แบบระดับมืออาชีพเลยทีเดียว

ส่วนเลนส์ซูมสุดเทพของทั้ง 2 รุ่น ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน โดย P30 มาพร้อมกับเลนส์ซูมออพติคอล 3X และระบบ Hybrid Zoom ที่ได้ถึง 5X แบบไม่เสียความละเอียด แถมยังสามารถซูมแบบ Digital ได้ไกลถึง 30X เลยทีเดียว และแน่นอนว่า P30 Pro ก็ต้องโหดกว่าด้วยเลนส์ซูมออพติคอล 5X ที่สามารถซูมแบบดิจิตอลได้ไกลลิ่วถึง 50X ทำให้สามารถเก็บภาพวัตถุที่ไกลได้ถึง 20 เมตร รวมถึงยังสามารถเก็บภาพดวงจันทร์ได้แบบชัดเจนแจ่มแจ๋วเก็บรายละเอียดพื้นผิวดวงจันทร์ได้แบบครบๆ ไปเลย

เซ็นเซอร์ ToF ใน P30 Pro ที่จะเข้ามาช่วยในการตรวจจับความลึกของพื้นหลัง ทำให้การถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอออกมาเป็นธรรมชาติมากกว่าการใช้เซ็นเซอร์กล้องธรรมดาในการจับความลึก เปรียบเทียบดูได้จากการตัดขอบของวัตถุที่เนียนสุดๆ

คราวนี้ Huawei ไม่ต้องรอผลคะแนนจากเว็บไซท์ DxOMark นานเหมือนรุ่น Mate 20 อีกต่อไปแล้ว เพราะเอามาโชว์ในงานเปิดตัวให้เห็นกันจะๆ ไปเลยว่าขอกลับมาทวงบัลลังก์อันดับ 1 ด้วยคะแนนรวมถึง 112 คะแนน ซึ่งมากกว่ารุ่น P20 Pro, Mate 20 Pro และ Galaxy S10 ที่ได้ไป 109 คะแนน

การถ่ายวิดีโอ

การถ่ายวิดีโอใน Huawei P30 ถูกปรับปรุงขึ้นมากกว่ารุ่นที่ผ่านๆ มา ทำให้สามารถเก็บภาพและรายละเอียดในสภาวะแสงน้อยได้ด้วยเซ็นเซอร์ SuperSensing

นิ่งสุดๆ ด้วยระบบ Dual OIS และ AIS ในเลนส์ Wide และเลนส์ Tele ทำให้สามารถถ่ายวิดีโอได้แบบลื่นปรื้ดๆ โดยไม่ต้องมีตัวช่วย

โหมด Dual View Video ทำให้สามารถถ่ายวิดีโอพร้อมกันได้จาก 2 เลนส์ ทำให้ได้มุมมองแปลกๆ ทั้งแบบ Wide และ Close up ไปพร้อมๆ กัน

แบตเตอรี่ที่อึดกว่า และระบบชาร์จที่ไวกว่า

Huawei P30 ที่มากับแบตเตอรี่ขนาด 3650 mAh สามารถใช้งานต่อเนื่องอย่างหนักหน่วงได้ถึง 10 ชม. ส่วนรุ่นท็อป P30 Pro ใช้ได้ถึง 11 ชม. ติดต่อกัน

ส่วนระบบชาร์จไว SuperCharge ที่ระดับ 40W ก็รวดเร็วทันใจจนสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% ไปถึง 70% ได้ในเวลาแค่ 30 นาที เท่านั้น

ราคาและวันวางจำหน่าย

สำหรับราคาเปิดตัวของ Huawei P30 Series ก็มีตามนี้

  • Huawei P30 รุ่น 6GB/128GB : ราคา 799 ยูโร (หรือประมาณ 28,500 บาท)
  • Huawei P30 Pro รุ่น 8GB/128GB : ราคา 999 ยูโร (หรือประมาณ 35,700 บาท)
  • Huawei P30 Pro รุ่น 8GB/256GB : ราคา 1099 ยูโร (หรือประมาณ 39,000 บาท)
  • Huawei P30 Pro รุ่น 8GB/512GB : ราคา 1249 ยูโร (หรือประมาณ 44,600 บาท)

Huawei P30 ทุกรุ่นจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันนี้ (26 มีนาคม 2019) เป็นต้นไป

ส่วนเรื่องของข้อมูลไม่ว่าจะเป็นรุ่น ราคา วันวางจำหน่าย รวมถึงพวกโปรโมชั่นต่างๆ ในบ้านเรา ในตอนนี้ยังไม่มีออกมานะครับ แต่รับรองได้เลยว่าไม่นานนี้ได้รู้กันแน่นอน แล้วเราจะมาอัพเดทให้ทันทีครับ

 

ตอนนี้มีพรีวิวของทั้ง 2 รุ่นออกมาให้ชมกันแล้วนะครับ

>> พรีวิว Huawei P30

>> พรีวิว Huawei P30 Pro