เมื่อไม่กี่วันก่อนทาง Huawei ได้โพสต์ภาพลงบน Google+ พร้อมข้อความโปรโมทความสามารถของกล้องบน Huawei P9 ที่อ่านแล้วให้ความรู้สึกว่าภาพที่โพสต์มานั้นมาจากกล้องของ Huawei P9 แน่ๆ แต่ปรากฏว่าพอลองเซฟไฟล์ภาพมาเปิดดูก็ดันไปพบว่าภาพที่ทาง Huawei โพสต์ดันมี EXIF ระบุว่าถ่ายมาด้วยกล้อง Canon EOS 5D Mark III ซะอย่างนั้น

อัปเดต ล่าสุด Huawei ออกมาชี้แจงในกรณีภาพอื้อฉาวนี้แล้ว ติดตามได้หลังเบรค


Huawei ออกมายอมรับตามตรง ว่าภาพดังกล่าวไม่ได้เป็นภาพที่ถ่ายมาจากกล้อง Huawei P9 เป็นภาพของช่างกล้องที่ถ่ายภาพไว้ในขณะถ่ายทำโฆษณา Huawei P9 แต่ที่เอามาแชร์เพราะต้องการให้เป็นแรงบรรดาลใจในการถ่ายภาพให้กับคนทั่วไป และได้ออกมาขอโทษที่คำบรรยายใต้ภาพสื่อไปในทางที่ว่า ภาพนี้ถูกถ่ายโดย Huawei P9 พร้อมกับลบรูปกรณีที่มีปัญหาทิ้งไป

[quote=Huawei]It has recently been highlighted that an image posted to our social channels was not shot on the Huawei P9. The photo, which was professionally taken while filming a Huawei P9  advert, was shared to inspire our community. We recognise though that we should have been clearer with the captions for this image. It was never our intention to mislead. We apologise for this and we have removed the image.


ภาพถ่ายที่ทาง Huawei โพสต์นั้นเป็นภาพคนในบรรยากาศยามเย็นที่มีแสงอาทิตย์ส่อง ภาพคมชัด เห็นรายละเอียดครบแม้กระทั่งแสงที่ส่องผ่านเส้นผม จึงเป็นเหตุให้คนเกิดความสงสัยว่าใช่ภาพจากกล้องมือถือแน่หรือเปล่า และก็มีคนโหลดภาพดังกล่าวมาเปิดเจอรายละเอียด EXIF ตามนี้ครับ

  • Camera: Canon EOS 5D Mark III
  • Lens: EF70-200mm f/2.8L IS II USM
  • Focal Length: 135mm
  • Exposure: 1/800
  • F Number: f/4
  • ISO: 500
  • Camera make: Canon
  • Flash: Not used
  • Exposure Bias: -1 EV

แน่นอนว่าขึ้นชื่อตระหง่านปานนี้ก็เห็นชัดแล้วว่าไม่ได้ถ่ายด้วย Huawei P9 แน่ๆ และจนถึงตอนนี้ทาง Huawei ก็ยังไมได้ออกมาชี้แจ้งหรือลบภาพออกไป ภาพยังคงสามารถเข้าไปดูและดาวน์โหลดได้บนโพสต์ที่ Google+ ครับ 

อย่างไรก็ตาม โพสต์ของทาง Huawei ก็ยังมีช่องโหว่เล็กๆ อยู่คือทาง Huawei เองไม่ได้บอกชัดๆ ว่าภาพดังกล่าวถูกถ่ายด้วย Huawei P9 แต่แค่นำภาพมาโพสต์แล้วกล่าวถึงความสามารถของ Huawei P9 ลอยๆ ขึ้นมาแล้วเป็นพวกเราที่จับโยงคิดไปเองว่าภาพถูกถ่ายด้วย P9 … นี่สินะที่เค้าเรียกว่าการตลาด

ที่มา: Android Police, Google+