ถือว่าเป็นมือถือซีรีส์ราคาประหยัดแต่อัดสเปคมาให้แบบครบๆ ใช้งานทั่วไปได้สบายๆ เลยทีเดียวสำหรับ Huawei Y Series ปี 2018 เพราะแต่ละรุ่นมีราคาที่เอื้อมถึงได้ง่ายๆ โดยทั้ง 4 รุ่น มีราคาอยู่ที่ประมาณ 3,xxx – 6,xxx บาท เท่านั้นเอง แต่ว่าทุกรุ่นสามารถใช้งานทั่วไปได้อย่างราบลื่น ทั้งเล่นเกม เล่นโซเชียล ดูหนัง ฟังเพลง รับรองว่าไม่ใช่มือถือที่ซื้อมาแล้วเป็นภาระแน่นอน
อย่างที่บอกไปแล้วว่าในปี 2018 นี้ Huawei Y Series เปิดตัวมาด้วยกันถึง 4 รุ่น ก็คือ Huawei Y3, Y5 Prime, Y7 Pro และรุ่นท็อป Y9 ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีราคาและสเปค+ฟีเจอร์ที่แตกต่างกันออกไป เราก็เลยขอจับเอาจุดเด่นของแต่ละรุ่นมารวมให้ดูเพื่อประกอบการตัดสินใจสำหรับคนที่กำลังมองหามือถือเครื่องใหม่มาใช้กัน
Huawei Y3 2018
น้องเล็กสุดของซีรีส์ Y ที่มีราคาเปิดตัวมาแค่ 3,290 บาทเท่านั้น แต่เป็นมือถือที่รองรับการใช้งาน 4G, มีหน้าจอขนาด 5 นิ้ว, กล้องหลัง 8MP (มี Auto Focus มาให้ด้วยนะ), กล้องหน้า 2MP แถมยังเป็นมือถือ Android Go ที่สามารถใช้งานแอปทั่วไปได้ลื่นๆ เลยล่ะ
Huawei Y5 Prime 2018
สำหรับรุ่น Y5 Prime ก็จะอัพเกรดและอัพราคาขึ้นมาอีกหน่อยจากรุ่น Y3 โดยมีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 3,990 บาท มีจุดเด่นที่หน้าจอแบบ FullView ขนาด 5.4 นิ้ว อัตราส่วน 18:9 ความละเอียด HD, กล้องหลัง 13MP, กล้องหน้า 5MP, ฟีเจอร์ปลดล็อคด้วยใบหน้า, แบ่งจอใช้งาน 2 แอปพร้อมกัน ส่วนการใช้งานทั่วไปถือว่าไม่มีปัญหาอะไรให้หงุดหงิดเลย สามารถเอามาเล่นเกมแนวแคชวลได้สบายๆ ทุกเกม
Huawei Y7 Pro 2018
รุ่นรองท็อปของซีรีส์ Y ที่เปิดตัวมาในราคา 4,990 บาท โดยมาพร้อมกับหน้าจอ FullView อัตราส่วน 18:9 ขนาดใหญ่เต็มตา 5.99 นิ้ว แถมยังมาพร้อมกับกล้องหลังคู่ 13MP + 2MP ให้ได้ถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอกันได้อีก
Huawei Y9 2018
รุ่นท็อปอย่าง Huawei Y9 ที่เปิดตัวมาด้วยราคา 6,990 บาท และให้สเปคมาครบสุดๆ สำหรับการใช้งานทั่วไป หรือจะใช้เล่นเกมกราฟฟิค 3D ก็ได้ลื่นๆ ทั้งนั้น (แต่บางเกมต้องปรับเป็นระดับต่ำสุดนะ) เท่านั้นยังไม่พอ Huawei Y9 ยังมาพร้อมกล้องถึง 4 ตัว หน้า 2 หลัง 2 ทำให้สามารถถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ทั้งกล้องหน้ากล้องหลังเลยล่ะ แถมยังมีเอฟเฟ็คท์ถ่ายรูปสนุกๆ ที่รับรองว่าถูกใจสาวๆ แน่นอน ส่วนแบตเตอรี่ก็ให้มาจุใจที่ 4,000 mAh ใช้งานกันเพลินๆ ได้ 2 วันเลยทีเดียว
แน่นอนว่าแต่ละคนที่ซื้อมือถือมาใช้ก็ต้องอยากรู้ด้วยว่า…ถ้าเครื่องเกิดมีปัญหาขึ้นมาจะมีศูนย์บริการใกล้ๆ บ้านเรารึเปล่า? สำหรับเรื่องนี้ก็หมดห่วงไปได้เลย เพราะ Huawei มีศูนย์บริการหลังการขายกระจายอยู่ทั่วประเทศ ทั้งกรุงเทพฯ, ขอนแก่น, ชลบุรี, นครราชสีมา, นครศรีธรรมราช, พิษณุโลก, สงขลา, สุราษฎร์ธานี, อุบลราชธานี, เชียงใหม่ และอาจจะมีเพิ่มเติมอีกในอนาคต
สำหรับใครที่กำลังมองหามือถือราคาดีๆ คุ้มๆ ซักเครื่องก็ไปลองเล่นลองจับ Huawei Y Series ทั้ง 4 รุ่น ตามศูนย์หรือตัวแทนจำหน่าย Huawei ในประเทศไทยได้เลย
สนใจ Y9 เหมือนกันแฮะ