จากที่เราได้เอามาบอกเพื่อนๆไปแล้วว่านาย Hugo Barra อดีตผู้บริหารระดับสูงของ Google ที่เราเห็นกันประจำในงานเปิดตัวของ Android และ Nexus ได้ลาออกไปร่วมงานกับ Xiaomi ผู้ผลิตมือถือจากประเทศจีนเรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าหลายๆคนยังอาจสงสัยว่าอะไรเป็นแรงจูงใจที่ทำให้ Hugo เลือกทางนี้ ซึ่ง AllThingsD ได้ไปทำการสัมภาษณ์ มาให้พวกเราทราบกันเรียบร้อยแล้วครับ จึงอยากเอามาเขียนให้ได้อ่านกันอีกต่อนึงครับ

ข้างล่างนี้เป็นเนื้อหาที่ค่อนข้างยาว เล่าเรื่องราวความเป็นมาของการย้ายงาน รวมถึงความน่าสนใจของ Xiaomi ถ้าเกิดว่าไม่มีเวลาอ่าน ผมได้สรุปสั้นๆที่ย่อหน้าสุดท้ายเอาไว้ให้นะ อย่างน้อยจะได้รู้ว่ามันจะมีผลกระทบอะไรกับตัวเราบ้าง ^^ก่อนอื่นผมอยากให้คนที่ยังไม่ได้รู้จัก Xiaomi ให้ไปอ่านเรื่องเก่าที่ผมเคยเขียนถึง มันจะช่วยให้คุณเข้าใจว่า Xiaomi นี่ไม่ใช่ไก่กา แต่เป็นแบรนด์ที่ขายดีกว่า Apple ในจีน ด้วยกลยุทธ์การจำหน่ายมือถือสเปคสูง(มาก) ในราคาถูก(จริงๆ) และยังมีสาวกติดตามอยู่มากมายทั่วโลก เพราะยอมรับใน MIUI หรือ Custom Rom ที่ทำมาดีอันดับต้นๆของวงการ Android รวมถึงการถูกขนานนามว่าเป็น Apple แห่งเมืองจีนอีกด้วย ซึ่งคาดกันว่าต่อไปจะพัฒนาเป็น Google หรือ Amazon ในอนาคต และนั่นคือหน้าที่ของ Hugo Barra ที่จะต้องพา Xiaomi ไปให้ถึงให้ได้

Hugo Barra เป็นชาวต่างชาติที่ทำงานระดับสูงคนแรกของทาง Xiaomi ซึ่งถูกจ้างมาเพื่อนำพา Xiaomi ไปสู่โลกกว้างนอกกำแพงเมืองจีน ซึ่งการมาของ Barra นั้นจริงๆไม่ใช่แค่ได้คนที่มีความสามารถมา แต่กลับได้เรื่องของข่าว PR ที่สาวก Google ทั่วโลกต้องจับตามองแบรนด์มือถือจากจีนนี้ทันที เพราะ Barra นั้นถ้าเทียบตำแหน่งในการทำสงครามแล้ว เปรียบเหมือนแม่ทัพใหญ่ของ Andy Rubin และ Sundar Pichai เลยทีเดียว

ข่าวการย้ายบริษัทของ Barra อาจจะมาในช่วงเวลาที่ไม่ค่อยดีนัก เพราะถูกจับไปโยงกับประเด็นที่ SergeyBrin หย่ากับภรรยาของเค้าไปกุ๊กกิ๊กกับพนักงานในที Google Glass คนหนึ่งที่ดันเป็นแฟนเก่าของนาย Barra นั่นเอง ซึ่งเค้าได้ปฏิเสธที่จะพูดถึงประเด็นนี้ และบอกว่าการตัดสินใจของเค้าได้มีมานานเป็นปีแล้ว (ผมไม่ได้เอาข่าวนี้มาเขียนเล่าให้ฟังกันเพราะเห็นว่าไม่ค่อยเกี่ยวกับ Android เท่าไหร่นัก แต่ถ้าใครอยากเผือก มาลงชื่อเอาไว้ได้ ถ้าถึง 10 คน เดี๋ยวมาเขียนให้อ่าน :P)

นาย Barra ได้เล่าต่อว่าเรื่องมันเกิดตั้งแต่วันแรกๆที่เค้าได้เข้ามาทำงานที่ Google ด้วยซ้ำ (มีนาคม 2008) “เรามีการประชุมกันในหมู่ผู้นำด้านตลาดอุปกรณ์พกพาทุกๆไตรมาส เพื่อมาประเมินถึงโปรเจคที่ได้ทำไปและวางกลยุทธ์ในอนาคต” และในวันที่สองที่เค้าได้ทำงานก็เผอิญเป็นวาระประชุมนี้พอดี ซึ่งทำให้เค้าได้พบกับ Bin Lin ผู้ที่ตอนนั้นเป็นวิศวกรของ Google ที่ประเทศจีน และเริ่มสนิทกันขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่วันนั้น ปัจจุบันนาย Bin Lin ดำรงตำแหน่งเป็นประธานบริษัท Xiaomi 

ภาพที่ถ่ายด้วยกันเมื่อตอนครั้งแรกที่เจอ

และปลายปี 2010 Barra ได้ถูกย้ายไปทำในทีม Android กับ Andy Rubin ที่สำนักงานใหญ่ Google’s Mountain View, แคลิฟอร์เนี่ย และในเวลาเดียวกันนั้น Lin ก็ออกจาก Google ไปตั้งบริษัท Xiaomi ร่วมกับวิศวกรและ Product Mangager ตัวหลักๆที่เคยทำงานร่วมกันมาใน Google นั่นเอง

“เพราะเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมแอนดรอยด์ ผมจึงให้ความสนใจในทีมของ Lin เป็นพิเศษ ซึ่งสิ่งที่พวกเข้าทำมันก็เรียกได้ว่า เป็นปรากฎการณ์

ช่วงแรกๆเราจะได้เห็น MIUI นั้นเป็นแค่ขนมอีกรสชาติของ Android ซึ่งก็เหมือนกับที่แบรนด์อื่นๆทำ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันคือการแตกสายการพัฒนาออกไป (fork) แต่มันก็เป็นการ fork ที่ยังทำงานกับตัวหลักได้อย่างสมบูรณ์

Barra ได้ไปเยี่ยมเยียน Lin อยู่เสมอ และเริ่มเห็นพวกเค้าทำโทรศัพท์ ซึ่งเค้าก็ได้นำเอาโทรศัพท์เหล่านั้นกลับมาให้ทีมที่ Google ได้ดูด้วย และสิ่งที่ทำให้ Hugo Barra สนใจใน Xiaomi ขึ้นไปใหญ่ก็คือ เมื่อ Matias Duarte (ดีไซน์เนอร์ผู้ที่เป็นแกนหลักในการพัฒนาประสบการณ์ใช้งานของ Android ตั้งแต่เวอร์ชั่น 4.0+ ให้ดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด) ได้คอมเม้นท์ถึง Xiaomi ว่า “นี่คือสิ่งที่เจ๋งที่สุดที่ได้มีคนเอา Android Platform ไปต่อยอดมาเลยทีเดียว” และนั่นทำให้ Barra เริ่มมั่นใจในสิ่งที่ทีม Xiaomi ทำอยู่ รวมถึงการลงทุนจาก Robin Chan นักลงทุนที่มีชื่อเสียงของประเทศจีน ที่เข้าร่วมกับ Xiaomi ตั้งแต่ต้นๆ 

Xiaomi Mi2s

Xiaomi Mi2 ออกมาตั้งแต่ต้นปี 2013  

การพูดคุยเรื่องการย้ายงานเริ่มราวๆฤดูร้อนของปี 2012 เมื่อ Xiaomi เริ่มสร้างชื่อจากโทรศัพท์รุ่นที่สองของพวกเขา นั่นคือ MI2s และ Robin Chan ก็เป็นคนเริ่มประเด็นชักชวนให้ Hugo Barra ย้ายไปร่วมงานกับ Xiaomi และสิ่งที่ทำให้ Barra สนใจก็คือ Lin ต้องการคนที่เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ เข้าใจถึงความต้องการของผู้ใช้จริงๆ ไปช่วยเค้าในการขยายตลาดไประดับโลก

“ในตอนแรก มันเป็นการเปิดประเด็นเรื่องการขยายตลาดของ Xiaomi ไปต่างประเทศ และผมก็ถูกโยงไปเกี่ยวด้วยจากคำว่า คุณน่าจะมาช่วยเราทำนะ”

“ตอนนั้นสำหรับผมมันคือโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะได้ทำงานในฝัน ฝันที่จะสร้างบริษัทระดับโลก บริษัทที่จะเทียบเท่ากับ Google และผมจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสร้างจากเริ่มต้นเลยทีเดียว…เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ผมไม่คิดมาก่อน การได้ร่วมงานกับคนที่ผมรู้จัก กับบริษัทที่มี DNA เดียวกัน และยิ่งไปกว่านั้นคือการย้ายมาใช้ชีวิตในเอเชีย”

Hugo Barra ได้ตัดสินใจบอกทีม Google ในเวลาที่เพิ่งเปลี่ยนหัวจาก Andy Rubin เป็น Sundar Pichai โดยเขาต้องการให้เรื่องทั้งหมดเป็นไปอย่างเปิดเผยและโปร่งใสที่สุด ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ผลประโยชน์ทั้งหมด และสำหรับ Xiaomi, Google เป็นพาร์ทเนอร์ที่สำคัญที่สุดที่พวกเค้ามีอยู่ ซึ่งการสูญเสีย Hugo Barra ให้กับ Xiaomi อาจจะทำให้ Google ไม่รู้สึกแย่มากเพราะอย่างน้อยมันคือการสูญเสียคนในทีมให้กับ “เพื่อน”

และจริงๆแล้ว Xiaomi ก็อาจจะเป็นพาร์ทเนอร์ที่สำคัญต่อ Google ด้วยเช่นกัน เพราะพวกเค้าเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้ Android มีตัวตนในตลาดจีน โดยเฉพาะหลังจากที่ HTC ได้ถอนตัวจากตลาด และสงครามแย่งชิงเค้กระบบปฎิบัติการณ์มือถือในจีนที่นับวันจะวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ

Xiaomi เป็นบริษัทที่เริ่มสร้างจากคนเพียงแปดคน ซึ่งคนเหล่านั้นก็ยังทำหน้าที่เป็นตัวหลักของบริษัทอยู่ ในการขับเคลื่อนธุรกิจต่อสู้ในตลาดที่การแข่งขันสูง ซึ่งทั้งแปดคนนี้ก็รวมถึง Bin Lin และ Lei Jun ผู้ซึ่งเป็นเหมือนดาราในวงการนี้ของจีนด้วย การที่ Barra เข้าร่วมทีมนี้มา เค้าต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีกมากรวมถึงการทำธุรกิจแบบจริงๆจังๆ ทำอยู่อย่าง ยืนด้วยขาของตัวเอง

ภาพจากวันงานเปิดตัว Xiaomi Mi3 ที่ Hugo Barra ก็ไปร่วมงานเปิดตัวมา (5 Sep 2013)

Barra บอกว่า Lei Jun โฟกัสเรื่อง Mobile ecosystem อยู่สามสิ่งนั่นคือ hardware software และ services ซึ่งมันเป็นงานที่หนักมาก อารมณ์เหมือนวิ่งไตรกีฬาอะไรอย่างงั้น แต่การที่พวกเค้าทำงานหนักเช่นนี้ มันถึงเป็นส่วนที่ทำให้ Xiaomi ประสบความสำเร็จนั่นเอง

Lei Jun บอกว่า “กังฟู ความเร็วคือทุกสิ่ง ดังนั้นทีม Xiaomi จึงสร้างทุกอย่างที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมา ด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” Barra เล่าให้ฟัง

สิ่งที่ยืนยันความสำเร็จของ Xiaomi ได้ดีที่คือคงจะเป็นการที่พวกเขาได้ขายโทรศัพท์ไปร่วม 7 ล้านเครื่องในปีที่แล้ว และคาดว่าจะขายได้ 20 ล้านเครื่องในปีนี้ คิดเป็นกำไรราวๆ 4 พันล้านเหรียญ (12000 ล้านบาท) และตัวบริษัท Xiaomi เองก็มีมูลค่าสูงถึง 1 หมื่นล้านเหรียญ หรือราวๆ 3 หมื่นล้านบาท 3แสนล้านบาท ไปเรียบร้อย

การเติบโตแบบก้าวกระโดดของ Xiaomi นี้ ไม่ใช่เพียงแค่บริษัทต้องวิ่งเข้าหา Supplier เพื่อติดต่อขอซื้อชิ้นส่วนมาขายให้ได้ทันเท่านั้น แต่ยังต้องคอยค้นหาสิ่งใหม่ๆ อะไรที่แตกต่างให้แก่ผู้บริโภคด้วย โดยตอนนี้ Xiaomi เปิดให้ผู้ใช้ปรับแต่งธีมได้ตามต้องการ ส่งทีมดีไซน์เนอร์ และวิศวกรไปที่ต่างๆของประเทศเพื่อค้นหาความต้องการของผู้ใช้ และตอบสนองความต้องการเหล่านั้นให้ได้

เป้าหมายของ Xiaomi คือการสร้างอะไรที่มัน “ว้าว” ให้กับผู้บริโภค แต่เสนอขายในราคาที่ต่ำ และทำให้พวกเค้าใช้ Xiaomi เป็นเหมือนส่วนนึงของชีวิตด้านดิจิตอลให้ได้ กำไรที่ Xiaomi ได้จากขายมือถือนั้นอาจจะไม่มากนัก แต่ว่านั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนที่ได้วางไว้ เพราะบริษัทคาดหวังว่าจะไปสร้างกำไรจากบริการเสริมที่จะทำให้การใช้งานโทรศัพท์ดีขึ้นมากกว่า

Barra วางแผนที่จะบุกตลาดที่กำลังมีอัตราการเติบโตสูง เช่น อินโดนีเซีย รัสเซีย อินเดีย ลาตินอเมริกา รวมถึง“ไทย” โดยเค้าได้ให้เหตุผลว่าตลาดเหล่านี้เป็นตลาดที่มีการให้น้ำหนักของคุณภาพต่อราคาค่อนข้างมาก ทำให้สามารถใช้แผนธุรกิจเดียวกับที่ทำอยู่ในจีนได้ แต่ว่าประเทศที่เป็นผู้นำตลาดอย่าง อเมริกาและยุโรปก็ยังคงเป็นโจทย์ที่ Barra ต้องตีให้แตกให้ได้ว่าจะเข้าถึงได้อย่างไร เพื่อให้ไปถึงจุดมุ่งหมายที่ Xiaomi ตั้งเอาไว้ว่า พวกเขาจะถูกพูดถึงในระดับเดียวกับ Google และ Apple ในวันนี้

Barra กำลังจะเริ่มงานกับ Xiaomi ในเดือนตุลาคมนี้ โดยล่าสุดได้ไปขึ้นเวทีร่วมกับ Lei Jun ในงานเปิดตัว Xiaomi Mi3 เมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา และเรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควร นอกจากนี้เค้ายังต้องเรียนภาษาจีนเพิ่มเติม และปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมเอเชียอีกด้วย

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องราวให้เราได้รอติดตามต่อว่าการเข้าร่วมงานของ Hugo Barra ในทีม Xiaomi จะสามารถเขย่าโลกได้ตามที่ต้องการหรือเปล่า และพวกเราคนไทยก็น่าจะได้เห็นมือถือ Xiaomi บุกตลาดมาบ้านเราเร็วกว่าที่คิด โดยเหล่า House Brand หรือมือถือจีนราคาถูกทั่วไปอาจจะมีหนาวๆร้อนๆได้ เพราะกลยุทธ์เรื่องของดีราคาถูกที่ Xiaomi มีนั้น มันเป็นของที่เรียกว่าดีกว่ามาตรฐานมือถือในตลาดเรานัก และราคาก็ถูกจริงๆอีกด้วย ดูจากโทรศัพท์รุ่นที่ขายดีเทน้ำเทท่า Xiaomi Hongmi : หน้าจอ 4.7” HD, CPU quad-core 1.5GHz(MT6589T), กล้อง 8ล้านพิกเซล ขายที่ราคาเพียง 3 พันกว่าบาทเท่านั้น!!

เป็นยังไงบ้างครับกับเรื่องราวของ Xiaomi และ Hugo Barra คิดว่าพวกเค้าจะสร้างแรงกระทบอะไรกับตลาด Android และสมาร์ทโฟน ที่ทุกวันนี้มันแสนจะอีรุงตุงนังได้หรือเปล่าครับ 🙂

ขออัญเชิญทุกท่านที่อ่านจบมาเม้นท์ด้านล่างหน่อยนะ อย่างน้อยจะได้รู้ว่าบทความยาวๆอย่างงี้ Droidsans ก็อ่านกันนะ 555

source: AllThingsD