Hyundai ประเทศไทยเปิดตัวรถไฟฟ้าสมรรถนะสูงภายใต้รหัส “N” กับรุ่น IONIQ 5 N รถไฟฟ้าคันนี้พัฒนาโดยผู้ที่คลั่งรถสันดาป และต้องการให้การขับขี่รถไฟฟ้ายังคงความสนุกเร้าใจในเหมือนรถยนต์น้ำมัน สเปคเบื้องต้น IONIQ 5 N มากับมอเตอร์คู่ให้กำลัง 601 แรงม้า แรงบิด 740 Nm. ให้อัตราเร่ง 0-100 กม/ชม.ที่ 3.5 วินาที หรือเพิ่มได้เป็น 641 แรงม้า แรงบิด 770 Nm อัตราเร่ง 0-100 กม/ชม. เหลือ 3.4 วินาที (เมื่อเปิดใช้โหมด N Grin Boost)

ทำไมรถรุ่นนี้ถึงพิเศษ?

หลายคนอาจจะเคยเห็นคลิป IONIQ 5 N วิ่งในสนามสุดโหดอย่าง Nürburgring ตาม Porsche Cayman GT4 (ราคา 15 ลบ+) หรือ BMW M3 (ราคา 10 ลบ.+) ได้อย่างสูสี พร้อมทั้งแสดงให้เห็นสมรรถนะในการเข้าโค้ง อัตราเร่งที่ดีเยี่ยมในสนามสุดโหดแห่งนี้ จนทำให้ IONIQ 5 N ทำเวลาได้ดีสุดในสนาม Nürburgring ที่ 7.45.59 นาที ความเร็วสูงสุด 261 กม/ชม.

ทำไม IONIQ 5 N ถึงทำได้ดีขนาดนั้น?

ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า IONIQ 5 N ถูกออกแบบ และพัฒนาโดยผู้ที่คลั่งไคล้ความเร็ว และสนามแข่ง Mr.JooN Park คุณ Park ได้มีโอกาสพัฒนารถตระกูล “N” ที่จะเป็นรถสมรรถนะสูง เขาจึงใช้ประสบการณ์ ความรู้ และทักษะที่มีจากสนามแข่ง และรถ High Performance หลาย ๆ รุ่น มาถ่ายทอดให้กับรถ “N” ที่เขาร่วมพัฒนาทุกรุ่น และล่าสุดคือ IONIQ 5 N นั่นเอง ดังนั้นถึง IONIQ 5 N จะเป็นรถไฟฟ้า แต่คุณ Park ก็ได้ใส่อรรถรสที่ให้ความสนุกแบบรถสันดาป ทำให้การขับร IONIQ 5 N ยังคงให้ความสนุก เร้าใจ ไม่แพ้รถสันดาปแน่นอน และทั้งหมดนี้ IONIQ 5 N เปิดราคาขายที่ 3,790,000 บาท เท่านั้น

เรามาดูกันว่ารถที่จะถือตรา “N” ได้จะต้องมีอะไรบ้าง

“N” 3 Key Pillars

1. Corner Rascal – ให้ความสนุกในโค้ง

ทางโค้งจะเป็นสิ่งที่เจ้าของรถตระกูล “N” จะพุ่งเข้าใส่ ทุกองค์ประกอบในรถทั้งช่วงล่าง และ Software รองรับให้สนุกได้ในโค้งทุกรูปแบบ เช่น

  • e-LSD electronic-Limited Slip Differential
  • N Torque Distribution
  • N Drift Optimizer
  • N Pedal

2. Racetrack Capability – ความสามารถในการลงสนามแข่ง

รถ N จะต้องลงสนามแข่งได้ การบริหารความร้อนทั้งมอเตอร์ และแบตเตอรี่ถูกจัดการอย่างดีเพื่อให้รีดกำลังในสนามแข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนานที่สุด ในหัวข้อนี้มี Hardware / Software ที่สำคัญดังนี้

  • N Race – การบริหารพลังงานเพื่อให้เหมาะกับการแข่งในแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Sprint มุ่งเน้นการปล่อยพลังได้เต็มที่เพื่อเวลาที่ดีที่สุด หรือ endurance เน้นการจำกัดพลังงานเพื่อให้วิ่งได้นาน และไกลที่สุด
  • N Launch Control & N Grin Boost – โหมดการออกตัวที่เร็วที่สุด และการ Boost กำลังทั้งแรงม้า และแรงบิดเพิ่มชั่วคราวได้คราวละ 10 วินาที สำหรับการเร่งแซง หรือช่วงที่ต้องการกำลังสูงกว่าปกติ
  • Track SOC – คำนวน และเก็บสถิติการใช้พลังงานต่อรอบในสนามต่าง ๆ
  • Large Brake & Monoblock Caliper – ระบบเบรคขนาดใหญ่ที่สามารถหยุดกำลังมหาศาลได้ในทุกช่วงความเร็ว

3. Everyday Sportcar – ใช้งานประจำวันได้

รถตระกูล “N” นอกจากใช้งานได้เยี่ยมในสนามแข่งแล้ว ยังต้องใช้งานปกติในชีวิตประจำวันได้ และยังคงให้อรรถรสของรถสปอร์ทอย่างครบถ้วน ด้วยฟีเจอร์ต่อไปนี้

  • N Active Sound+ มีเสียงสังเคราะห์เพื่อให้ได้อารมณ์เร้าใจเหมือนเครื่องสันดาป โดยมีเสียงทั้งหมด 3 เสียงคือ Ignition – เสียงเครื่องสันดาป, Evolution – เสียงแห่งอนาคต (คล้ายเสียงจากมอเตอไซด์ในเรื่อง Tron), Supersonic – เสียงคล้ายกับ Sonic boom ในเครื่อง F-16
  • N e-Shift จำลองการเปลี่ยนเกียร์แบบ Dual-clutch 8 speed เหมือนกับรถ N สันดาป ด้วยการควบคุม Torque output ของมอเตอร์ให้จำลองการส่งกำลังในระหว่างเปลี่ยนเกียร์
  • N Road Sense – เมื่อตรวจจับป้ายถนน S curve (Double-curved road sign) ระบบจะ Activate N Mode ให้โดยอัตโนมัติเพื่อรองรับความสนุกในการเข้าโค้ง
  • Electronic controlled suspension ระบบปรับความหน่วงของช่วงล่างให้เหมาะกับการใช้งานในสภาพต่าง ๆ

ในการใช้งานทั่วไป IONIQ 5 N ยังคงให้ระยะวิ่งที่ดีคือ 448 กม.(WLTP) อัตราการใช้พลังงานที่ 21.2 kWh/100 กม. ซึ่งถือว่าปกติสำหรับรถสมรรถนะสูงระดับนี้

ทั้งหมดนี้ก็เป็น Key หลักของรถไฟฟ้าตระกูล “N” ให้ผู้ที่ชื่นชอบการขับรถคาดหวังได้กับความสนุกที่รออยู่

E-GMP Platform

Hyundai IONIQ N ยังคงสร้างอยู่บน Platform สำหรับรถไฟฟ้า E-GMP มีการกระจายน้ำหนักดีเยี่ยม โดยมี Key หลักดังนี้

Battery

  • แบตเตอรี่ขนาด 84 kWh
  • Energy Density 173 Wh/kg
  • Output 535 kW
  • ใช้สถาปัตยกรรมแบตเตอรี่แบบ 800v รองรับการชาร์จสูงสุด 350 kW และสามารถเปลี่ยนได้เป็น Module

Motor ขับเคลื่อน

  • มอเตอร์หน้า 235 แรงม้า แรงบิด 370 Nm
  • มอเตอร์หลัง 378 แรงม้า แรงบิด 406 Nm
  • ให้กำลังรวมทั้งหมด 601 แรงม้า แรงบิด 740 Nm หรือ 641 แรงม้า แรงบิด 770 Nm ใน N Grin Boost

High Performance specialized design

การออกแบบพิเศษเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพ และสมรรถนะที่สูงที่สุด

  • Reduction of Ground Clearance ลดด้านหน้าให้ต่ำลง -18.5 mm ด้านหลัง -24 mm
  • Seating Position Down ลดความสูงของตำแหน่งเบาะนั่งลง
  • Electronically controlled wiper ซ่อนก้านที่ปัดน้ำฝนลงอัตโนมัติ
  • Rear Wiper คอยทำความสะอาดกระจกหลังเมื่อเปื้อนฝุ่นโคลนในขณะใช้ความเร็วสูง

Ride & Handling

ในเรื่องของการขับขี่ และการควบคุม มีฟีเจอร์ต่อไปนี้

  • Integrated drive axel (IDA)
  • Dual axle damping bush type hydro mount
  • Electronic Controlled Suspension (ECS)
  • Electronic limited slip differential (e-LSD)

EV N Exclusive specifications (Fun driving)

หมวดนี้เป็นการเพิ่มความสนุกในการขับขี่

1. N e-Shift

จำลองการเปลี่ยนเกียร์แบบ Dual-clutch 8 speed เหมือนกับรถ N สันดาป และจำลองการทำงานของ Engine brake ด้วยการควบคุม Torque output ของมอเตอร์ให้จำลองการส่งกำลังในระหว่างเปลี่ยนเกียร์

2. N Active Sound + (NAS+)

มีเสียงสังเคราะห์เพื่อให้ได้อารมณ์เร้าใจเหมือนเครื่องสันดาป โดยมีเสียงทั้งหมด 3 เสียงคือ

  • Ignition – เสียงเครื่องสันดาป
  • Evolution – เสียงแห่งอนาคต (คล้ายเสียงจากมอเตอไซด์ในเรื่อง Tron)
  • Supersonic – เสียงคล้ายกับ Sonic boom ในเครื่อง F-16

3. N Drift Optimizer

การปรับแต่ง ควบคุมการส่งกำลังมอเตอร์ให้เหมาะสมกับการ Drift มากที่สุด

4. N Launch Control

ระบบควบคุมการออกตัวให้เร็วที่สุด ให้อัตราเร่ง 0-100 กม/ชม. ใน 3.5 วินาที (หรือ 3.4 วินาที เมื่อใช้ N Grin Boost)

5. N road sense (NRS)

ตรวจจับป้ายถนน S curve (Double-curved road sign) ระบบจะ Activate N Mode ให้โดยอัตโนมัติเพื่อรองรับความสนุกในการเข้าโค้ง

6. N torque distribution (NTD)

การกระจายแรงบิดให้เหมาะสมในแต่ละล้อ เพื่อให้เข้าโค้งได้อย่างมีเสถียรภาพที่สุด

7. N grin boost (NGB)

เพิ่มกำลัง และแรงบิดชั่วคราวเป็นเวลา 10 วินาที เมื่อต้องแซง หรือช่วงที่ต้องการกำลังมากเป็นพิเศษ

8. N race

การบริหารพลังงานเพื่อให้เหมาะกับการแข่งในแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Sprint มุ่งเน้นการปล่อยพลังได้เต็มที่เพื่อเวลาที่ดีที่สุด หรือ endurance เน้นการจำกัดพลังงานเพื่อให้วิ่งได้นาน และไกลที่สุด

9. N battery preconditioning (NBP)

การปรับอุณหภูมิแบตเตอรี่ให้เหมาะสมที่สุดในการใช้งานลักษณะต่าง ๆ

10. Track SOC

คำนวน และเก็บสถิติการใช้พลังงานต่อรอบในสนามต่าง ๆ

11. Left foot braking (LFB)

การ Blend แบบไร้รอยต่อระหว่าง N Brake Regen กับปั้ม Hydraulic ของเบรค ให้สามารถใช้ทั้งเบรค และคันเร่งได้พร้อม ๆ กันในสนามแข่ง

Exclusive Parts

รถไฟฟ้า IONIQ 5 N มีการตกแต่งพิเศษต่างจากรุ่นอื่นดังนี้

Exterior

  • N exclusive luminous color strip
  • N exclusive black outside mirror
  • N exclusive rear spoiler
  • N exclusive air outlet
  • N exclusive 21″ forged Wheel
  • N exclusive rear bumper
  • N exclusive auxillary stop lamp
  • N exclusive reflector
  • N exclusive air output
  • N exclusive rear diffuser

Interior

  • N exclusive steering wheel
  • N exclusive metal pedal & footrest
  • N light sports bucket seat
  • N exclusive center console

Color

IONIQ 5 N มีสีให้เลือกดังนี้

สีปกติ

  • Performance Blue (SFB)
  • Abyss Black Pearl (A2B)
  • Cyber Grey Metallic (C5G)
  • Atlas White (SAW)
  • Ecotronic Grey Pearl (PE2)
  • Soultronic Orange Pearl (SOP)

สีพิเศษ เพิ่มเงิน 20,000 บาท

  • Performance Blue Matte (XGE) +20000 THB
  • Gravity Gold Matte (W3T) +20000 THB
  • Ecotronic Grey Matte (NET) +20000 THB
  • Atlas White Matte (WAM) +20000 THB

สีภายในมีแค่สีเดียวคือ Black tone interior & Performance blue accent

ทั้งหมดนี้คือรายละเอียดที่สำคัญของ IONIQ 5 N รถไฟฟ้าสมรรถนะสูงที่ไม่ธรรมดาของ Hyundai ครับ