Mark Gurman ออกมารายงานอีกครั้งว่า Apple ได้เลื่อนแผนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของแบรนด์อย่าง Apple Car อีกครั้ง จากเดิมที่เคยตั้งเป้าไว้เร็วสุดปี 2026 รอบนี้เลื่อนไปอีก 2 ปี เป็นปี 2028 แถมยังลดเป้าหมายการพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติลง จากเดิมที่จะทำให้ตัวรถขับได้เองแบบ 100% (Level 4) ลดลงมาเหลือแค่ Level 2+ แล้ว

Apple ได้ลงทุนไปมหาศาลกับโปรเจกต์รถยนต์ EV โดยคาดการณ์ว่าได้ทุ่มไปปีละราว ๆ 1 พันล้านเหรียญฯ ต่อปี ซึ่งสิ่งที่ Apple ดูเหมือนจะให้ความสำคัญมากที่สุด คือเรื่องของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous System) ที่หมายมั่นปั้นมือไว้ว่าจะทำให้ได้ในระดับสูงสุดอย่าง Level 5 ไม่ต้องขับเองแบบ 100% แถมยังลือว่าตัวรถจะดีไซน์ในรูปแบบไร้พวงมาลัยเลยด้วย

แต่ภายหลังดูเหมือนว่า Apple จะเจอความยากลำบากในระหว่างการพัฒนา เพราะเคยมีข่าวลดระดับฟีเจอร์ที่ว่านี้ในหลาย ๆ ครั้ง จาก Level 5 เป็น Level 4 (ขับเคลื่อนอัตโนมัติ 100% ในบางสถานการณ์) และล่าสุดนี้ Apple ได้ปรับระดับลงมาเหลือแค่ Level 2+ ที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติเฉพาะในช่วงที่ปรับตัวรถให้ขับอยู่กึ่งกลางเลน และช่วยซัพพอร์ตในระหว่างเร่งความเร็ว และในระหว่างเบรกเท่านั้น

ซึ่งการตัดสินในลดฟีเจอร์ดังกล่าวลง เป็นเพราะ Apple ต้องการลดแรงกดดันจากความคาดหวังลง เพราะถ้า Apple Car เปิดตัวมาไม่ปัง ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงให้โปรเจกต์รถยนต์ทั้งหมดล่มไปเลยก็ได้ และตอนนี้ทางผู้บริหารของ Apple ก็เหมือนจะยังลังเลอยู่ว่า ถ้าไม่เปิดตัวรถยนต์ EV ที่ลดฟีเจอร์บางอย่างลง ก็อาจจะล้มโปรเจกต์เพื่อลดความเจ็บตัวไปเลย

แถมในช่วงหลัง ระบบ Autonomous System ในรถยนต์ ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยสดใสสักเท่าไหร่ เพราะในปี 2023 Cruise แท็กซี่ไร้คนขับของ GM ก็เพิ่งปลดพนักงานเป็นจำนวนกว่า 24% ในเดือนธันวาคม หลังเกิดอุบัติเหตุ Cruise ได้ลากผู้บาดเจ็บที่โดนรถคันอื่นชนแล้วกระเด็นมาขวางเลนอยู่ ไปกับพื้นถนนจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเพิ่ม เพราะพยายามขับเข้าข้างทางเพื่อเลี่ยงการจราจร จึงทำให้ลากผู้บาดเจ็บไปด้วยนั่นเอง ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มจับตา และอาจจะออกมาตรการเกี่ยวกับรถยนต์ไร้คนขับที่เข้มงวดมากขึ้น

และยิ่ง Apple Car เปิดตัวช้าลงเรื่อย ๆ แถมจุดเด่นที่เคยวางแผนไว้หายไป ก็ไม่รู้ว่าจะมีพื้นที่ให้ Apple เกิดในตลาดนี้รึเปล่า เพราะทั้ง Sony รวมถึง Google Alphabet ก็เตรียมจะลงมาเล่นในตลาดนี้ และยังมี Tesla เป็นยักษ์ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า EV อยู่ ต้องมารอดูกันอีกทีว่าการมาของ Apple Car ในปี 2028 จะสมการรอคอยรึเปล่า

ที่มา: Engadget, GizmoChina