ช่วงหลัง ๆ มานี้เรียกว่า Infinix เป็นค่ายมือถือที่มาแรงเลยทีเดียว เพราะมือถือแต่ละรุ่นที่เปิดตัวมาเนี่ย บอกเลยว่ามีราคา + สเปคที่คุ้มค่าสุด ๆ (ไม่ใช่ว่าตั้งราคามาแบบเป็นมิตร แต่ใส่สเปคมาหยุมหยิมไม่ค่อยน่าใช้) โดยล่าสุดได้เปิดตัว Infinix NOTE 12 Pro (4G) ออกมา ซึ่งมากับจุดเด่นทั้งหน้าจอ AMOLED สีสันสดสวย, สเปคลื่นด้วยชิป Helio G99, กล้องหลัง 108MP และอื่น ๆ อีกเพียบ แต่มีค่าตัวเพียง 7,999 บาทเท่านั้นเอง ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นยังไงบ้าง น่าใช้แค่ไหน คุ้มค่าจริงรึเปล่า เราทดสอบมาให้ดูกันแล้วจ้า

ดีไซน์

Infinix NOTE 12 Pro ใช้ดีไซน์ตัวเครื่องที่เป็นแบบขอบเหลี่ยม มีพื้นผิวแบบด้านทำให้ไม่มีรอยนิ้วมือติดเวลาใช้งาน ยกเว้นบริเวณด้านบนซึ่งเป็นที่วางกล้องจะเป็นพื้นผิวแบบมันวาว…และแน่นอนว่าถ้ามือไปโดนก็จะเป็นรอยติดเลย

กล้องหลัง 3 ตัว วางอยู่บนโมดูลแบบวงกลมที่ยื่นออกมาจากฝาหลังพอสมควรเลย ถ้าใช้แบบเพียว ๆ ไม่ใส่ก็เคสก็จะดูหวาดเสียวนิดหน่อยว่าเวลาวางบนโต๊ะแล้วจะไปขูดพื้นจนขอบโมดูลเป็นรอยเข้า…ยังที่ในกล่องให้เคสซิลิโคนใสที่มีความหนาขึ้นมาอยู่ในระนาบเดียวกันได้

หน้าจอ AMOLED

สำหรับคนที่ชอบมือถือหน้าจอสวย ๆ สีสด ๆ สว่างสู้แดด ต้องถูกใจกับ Infinix NOTE 12 Pro กันแล้วล่ะ เพราะมันมากับหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (รีเฟรชเรท 60Hz) ที่ให้ภาพคมชัดสดใสตามสไตล์ AMOLED เลย

และด้วยความที่มันเป็นจอแบบ AMOLED ก็เลยมากับฟีเจอร์อย่าง Always on display ที่สามารถโชว์ข้อมูลประเภท นาฬิกา, Notification, ภาพ ฯลฯ บนหน้าจอเวลาปิดอยู่ได้ด้วย

Always on display

ใช้งานกลางแดดก็ยังมองเห็นชัดเจน

แต่น่าเสียดายที่ Infinix NOTE 12 Pro ไม่รองรับ Widevine L1 ทำให้ไม่สามารถดูคอนเทนต์ระดับ HD จาก Netflix ได้ครับ

ดู Netflix แบบ HD ไม่ได้จ้า

ลำโพงคู่ + ระบบเสียง DTS Sound

นอกจาก Infinix NOTE 12 Pro จะมีหน้าจอสวยสดใสแล้ว มันยังมากับลำโพงคู่ช่วยเพิ่มมิติให้กับการฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกมอีกด้วย แถมเวลาใช้หูฟังก็ยังมีโหมด DTS Sound ให้เลือกใช้ได้อีก โดยโหมด DTS Sound พวกนี้จะสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมทั้ง Music, Video, Game และแบบ Smart คือเลือกระบบเสียงที่เหมาะสมให้อัตโนมัติ

DTS Sound ต้องใช้เฉพาะกับหูฟังเท่านั้นนะครับ

สเปคแรงเล่นเกมสบาย

สเปค INFINIX NOTE 12 PRO

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080)
  • CPU : Helio G99
  • RAM : 8GB รองรับ Extended RAM สูงสุด 5GB
  • ความจุ : 256GB รองรับ microSD Card (ช่องแยก)
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก 108MP (f/1.8)
    – กล้อง Macro 2MP (f/2.4)
    – กล้องจับความลึก 2MP (f/2.4)
  • กล้องหน้า : 16MP (f/2.0)
  • เซนเซอร์ : สแกนนิ้วมือด้านข้าง, NFC 3.0
  • การเชื่อมต่อ : 4G, USB-C
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอ, DTS, รูหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่ : 5000 mAh รองรับชาร์จไว 33W

สายเกมนี่หายห่วงเลย เพราะสเปคของ Infinix NOTE 12 Pro ให้มาสำหรับใช้งานทั่วไปได้แบบลื่น ๆ และแน่นอนว่าเล่นเกมก็ได้สบาย ๆ หากตั้งค่าให้เหมาะ โดยทดสอบเล่น Genshin Impact ปรับกราฟิกระดับ Low เฟรมเรท 30 ก็สามารถเล่นได้ไม่มีปัญหา (เจอกระตุกบ้าง แต่นาน ๆ ที)

ROV ก็เล่นได้ไม่มีปัญหาใด ๆ ปรับ 60fps เฟรมเรทแทบไม่ร่วงเลย ส่วน PUBG Newstate ใช้ค่า Default แล้วปรับเพิ่มเฟรมเรทให้เป็น High ก็เล่นได้ลื่น ๆ เช่นกันครับ

ความจุ 256GB

Infinix NOTE 12 Pro นับว่าใจป้ำสุด ๆ ที่ยัดเอาความจุให้มาถึง 256GB ซึ่งส่วนมากแล้วมือถือราคาระดับนี้มักจะให้มาแค่ 128GB เท่านั้น และถ้าหากว่ายังไม่จุใจก็สามารถเพิ่ม microSD ได้อีกด้วยนะ

กล้องหลัง 108MP

กล้องหลังของ Infinix NOTE 12 Pro มีให้ทั้งหมด 3 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 108MP + กล้อง Macro 2MP + กล้องจับความลึก 2MP ซึ่งการถ่ายภาพนิ่งด้วยกล้องหลักจะไม่ได้ตั้งค่า Default ให้ถ่ายออกมาเต็มความละเอียด 108MP นะครับ แต่มันจะใช้เทคโนโลยี Pixel Binning ในการรวมเอาเม็ดพิกเซล 9 เม็ดให้กลายเป็นเม็ดใหญ่เม็ดเดียวเพื่อให้เก็บแสงและรายละเอียดได้ดีขึ้น หรือหากต้องการถ่ายแบบ 108MP ก็มีให้เลือกได้เหมือนกัน

 

กล้องเซลฟี่ความละเอียด 16MP มีโหมดให้เลือกปรับเยอะทั้งหน้าชัดหลังเบลอ และโหมดบิวตี้ที่ปรับได้ทั้งรูปทรงหน้า ตา สีผิว ความเนียน

 

วิดีโอสามารถถ่ายได้สูงสุดที่ความละเอียด 2K 30fps > 1080p 60fps > 1080p 30fps > 720p 30fps (แต่ไม่มีระบบกันสั่นให้นะครับ) โดยตัวอย่างการถ่ายวิดีโอก็เข้าไปดูกันในคลิปได้เลย

Play video

นอกจากนี้ยังมีโหมด Film ให้เราได้เลือกถ่ายวิดีโอตามสไตล์ต่าง ๆ อย่างเช่น ถ่ายวิดีโอแนวเต้น, แนวกีฬา, แนวสตรีท ฯลฯ ก็จะมี Effect และฟิลเตอร์เก๋ ๆ ใส่มาให้เลย ไม่ต้องไปตัดต่อเอง

แบตเตอรี่ 5000 mAh ชาร์จไว 33W

แบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh ของ Infinix Note 12 Pro สามารถใช้งานแบบปกติได้แบบยาว ๆ ข้ามวัน ทดสอบใช้จริงใช้ 4G บ้างเวลาออกนอกบ้าน ต่อ WiFi ดูคลิป YouTube ไปราว ๆ ชม. ครึ่ง เล่นเกม Genshin Impact ไปประมาณ ชม. นึง แล้วถ่ายรูป + ถ่ายวิดีโอบ่อยอยู่เหมือนกัน พบว่าแบตเตอรี่ยังเหลือแบบ…เหลือเฟือ 70% เลยทีเดียว ส่วนระบบชาร์จไว 33W สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0 – 100% ในเวลาไม่ถึง 1 ชม.

สรุป

ข้อดี

  • หน้าจอ AMOLED สีสวยสดสู้แดดได้ดี
  • สเปคแรงพอสำหรับเล่นเกมในปัจจุบันได้ทั้งหมด (ขึ้นกับการตั้งค่า)
  • ความจุสะใจ 256GB แถมใส่ microSD เติมได้อีก
  • ถ่ายวิดีโอ 2K ได้
  • กล้องหลังคุณภาพใช้ได้สำหรับมือถือราคาระดับนี้
  • ลำโพงคู่เสียงดังดี
  • แบตเตอรี่อึด
  • มีระบบชาร์จไว 33W
  • มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • ราคาเป็นมิตร

ข้อสังเกต

  • ฝาหลังบริเวณกล้องเป็นรอยง่ายมากกก (ถึงจะใส่เคสแต่ก็ยังมีช่องให้นิ้วไปโดนได้อยู่ดี)
  • สแกนนิ้วมือด้านข้าง
  • หน้าจอดีไซน์แบบ Notch อาจไม่ถูกใจบางคน
  • โมดูลกล้องนูนออกมาจากตัวเครื่องพอสมควร
  • ถ่ายภาพ Portrait ยังไม่ดี พื้นหลังเบลอมั่งไม่เบลอมั่ง
  • หน้าจอรีเฟรชเรท 60Hz
  • ดู Netflix แบบ HD ไม่ได้
  • ดู YouTube ความชัด 1440p 60fps แล้วกระตุกเป็นช่วง ๆ

สำหรับมือถือราคา 7,999 บาท บอกเลยว่า Infinix NOTE 12 Pro เป็นมือถือที่มีความคุ้มค่าและครบเครื่องสุด ๆ ไม่ว่าจะหน้าจอ AMOLED, กล้องหลัง 108MP, สเปคแรงเล่นเกมสบาย, แบตเตอรี่อึด ๆ แถมยังได้ชาร์จไว 33W ที่ไม่ได้ขี้เหร่เลย…ใครชอบของคุ้ม ๆ แบบนี้ แนะนำไว้ให้เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ เลยครับ