Infinix Note 30 Series ที่เปิดตัวในไทยนั้นก็มีทั้งรุ่น 5G และ 4G  มาด้วยจุดเด่นกล้องหลัง 3 ตัว 108MP ระบบชาร์จไว All Round Fast Charge  45W ลำโพงคู่ JBL จูนเสียงใส รุ่น 5G ใช้ชิป Dimensity 6080 เล่นเกมได้เร็วแรงขึ้นกว่าเดิม ส่วนรุ่นธรรมดาใช้เป็น Helio G99 เปิดตัวมาในราคาเริ่มต้นเบา ๆ เพียง 5,999 บาทเท่านั้น 

Infinix Note 30 (4G) และ  (5G) ใช้หน้าจอแสดงผล IPS LCD ขนาดใหญ่เต็มตา 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับรีเฟรชเรทที่ 120Hz และรองรับ Touch Sampling Rate ที่ 240Hz สว่างสูงสุด 580 nits ส่วนดีไซน์กล้องหน้าใช้เป็นแบบเจาะรู Punch-Hole

กล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลักจะใช้เซนเซอร์ Omnivision OV64B 64MP + กล้อง Depth 2MP + กล้อง AI Lens ความละเอียด QVGA รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 1440p@30FPS ส่วนกล้องหน้าให้มาที่ 16MP รองรับการถ่ายวิดีโอที่ 1080p@30FPS

ส่วนรุ่น 5G ได้อัปเกรดกล้องมาให้เป็นกล้องหลัก 108MP + กล้อง Depth 2MP และ กล้อง AI QVGA และมีกล้องหน้าความละเอียดอยู่ที่ 16MP เท่ากันค่ะ

ตัวเครื่อง 4G ใช้ชิปประมวลผล Helio G99 ในขณะที่รุ่น 5G จะใช้เป็น Dimensity 6080 ที่ช่วยให้เล่นเกมได้เร็วขึ้น 20% ความถี่ ARM Cortex-A76 สูงสุด 2.4 Hz  ส่วนแบตเตอรี่มาที่ 5,000 mAh เท่ากันเลย อีกทั้งยังรองรับระบบชาร์จไว All Round Fast Charge  45W ระบบชาร์จ Bypass สามารถเล่นเกมได้ยาว ๆ สบาย ๆ เครื่องไม่ร้อนในขณะที่ชาร์จแบตอยู่ โดยได้ผ่านการทดสอบการชาร์จสูงสุดถึง 1,000 รอบ (Cycles) รองรับ PD 3.0 และการชาร์จให้อุปกรณ์อื่นได้ด้วย

ส่วนดีไซน์จะต่างกันนิดหน่อย ตรงที่ตำแหน่งแฟลช LED และรุ่น 5G มีการเอากล้องไปใส่อยู่ในโมดูลเดียวกันเท่านั้น ส่วนสีและดีไซน์อื่น ๆ ที่เหลือยังคงเหมือนเดิมค่ะ อีกทั้งสองรุ่นที่เปิดตัวได้มาพร้อมธีมพิเศษ เอาใจสาย ROV แบบสุด ๆ โดยมาในตัวละคร Bright สกิน Hack Trasher สุดเท่ ซึ่งจะเปิดให้อัปเดตและใช้งาน Wallpapers และ UI กันในช่วงกลางเดือนนี้

ทั้งคู่มาพร้อมกับลำโพงคู่สเตอริโอที่ได้จับมือร่วมกับ JBL เพื่อมาช่วยในการปรับจูนเสียง ด้านล่างของเครื่องมีช่องเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มม. ให้ รองรับการเพิ่มความจุผ่าน microSD Card และมี NFC ติดตั้งมาพร้อมกับ Android 13

สเปค INFINIX NOTE 30

  • หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2460 x 1080)
  • CPU : Helio G99
  • RAM : 8GB
  • ความจุ : 128GB / 256GB รองรับ microSD Card
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก Omnivision OV64B 64MP (f/1.7)
    – กล้อง Depth 2MP (f/2.4)
    – กล้อง AI QVGA
  • กล้องหน้า : 16MP (f/2.0)
  • การเชื่อมต่อ : 4G, WiFi 5, NFC, USB-C 2.0
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ด้านข้าง), accelerometer, gyro, proximity, compass
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอ จูนเสียงโดย JBL, รูหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่ : 5000 mAh รองรับชาร์จไว 45W
  • ขนาด / น้ำหนัก : 168.6 x 76.6 x 8.6 มม. / 219 กรัม

สเปค INFINIX NOTE 30 5G

  • หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2460 x 1080)
  • CPU : Dimensity 6080
  • RAM : 8GB
  • ความจุ : 128GB / 256GB รองรับ microSD Card
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก ISOCELL HM6 108MP (f/1.75)
    – กล้อง Depth 2MP (f/2.4)
    – กล้อง AI QVGA
  • กล้องหน้า : 16MP (f/2.0)
  • การเชื่อมต่อ : 5G, WiFi 5, NFC, USB-C 2.0
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ด้านข้าง), accelerometer, gyro, proximity, compass
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอ จูนเสียงโดย JBL, รูหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่ : 5000 mAh รองรับชาร์จไว 45W
  • ระบบ: Android 13 ครอบทับด้วย XOS 13
  • ขนาด / น้ำหนัก : 168.5 x 76.5 x 8.5 มม. / 205 กรัม

ราคาจำหน่าย

Infinix Note 30 4G/5G สีที่นำมาจำหน่ายในไทยได้แก่ Magic Black และ Interstellar Blue วางจำหน่ายในรุ่นความจุและราคา ดังนี้

NOTE 30 4G

  • 8GB + 128GB ราคา 5,999 บาท 
  • 8GB + 256GB ราคา  6,599 บาท

NOTE 30 5G

  • 8GB + 128GB ราคา  7,499 บาท
  • 8GB + 256GB ราคา 7,999 บาท

โปรโมชั่นพิเศษ เมื่อซื้อ Infinix Note 30 ในช่วงวันที่ 13 – 15 มิถุนายน 2566  รุ่น 4G ความจุ 8GB + 128GB ลดเหลือเพียง 5,499 บาท และรุ่น 5G ความจุ 8GB + 128GB ลดเหลือเพียง 6,999 บาท 

พร้อมรับเลย! Infinix Chest Bag มูลค่า 599 บาท สามารถสั่งซื้อได้ที่ช่องทาง Official ของ Infinix ทั้งช่องทาง Shopee และ Lazada ได้เลยค่ะ ส่วนรุ่น 5G ต้องรอกดใส่ตระกร้ากันเที่ยงคืนนี้  13 มิถุนายน 2566 นะคะ

 

ที่มา : Infinix