Intel ได้ประกาศเปิดตัวซีพียูเดสก์ท็อปรุ่นใหม่ในตระกูล Core Ultra 200S โค้ดเนม Arrow Lake-S เป็นที่เรียบร้อย โดยนี่เป็นครั้งแรกที่เปลี่ยนมาใช้แบรนด์ Core Ultra บนซีพียูเดสก์ท็อป จากที่ได้มีการเปลี่ยนไปในโน้ตบุ๊กแล้วก่อนหน้านี้ และเป็นการปิดตำนานแบรนด์ Core i ไปพร้อมกัน โดยรอบนี้ Intel ได้บอกว่า Core Ultra 200S จะเป็นซีพียูที่เน้นการประหยัดพลังงาน มากกว่าเน้นเรื่องความแรงที่เพิ่มขึ้น และนอกจากนี้ยังได้ใส่ NPU เข้ามาในซีพียูเดสก์ท็อปเป็นครั้งแรกด้วย

โครงสร้างภายในออกแบบใหม่หมด P-Core ใช้สถาปัตยกรรม Lion Cove แรงขึ้น 9% และ E-Core ใช้สถาปัตยกรรม Skymont แรงขึ้น 32% ใช้กระบวนการผลิตแบบ TSMC N3B ขนาด 3nm โดยในรอบนี้ได้มีการตัด Hyperthreading ออกไปแบบเดียวกับ Core Ultra 200V ซีพียูบนโน้ตบุ๊กแล้ว

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Xe LPG 4 คอร์ แบบเดียวกับที่อยู่ใน Core Ultra 100 ยังไม่ได้รุ่นล่าสุด Xe2 และหน่วยประมวลผล NPU ความแรง 13 TOPS เป็นครั้งแรกของซีพียูเดสก์ท็อปเลยก็ว่าได้ ที่มี NPU ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI โดยเฉพาะ ถ้ารวมกำลังประมวลผลรวมทั้งหมด CPU + GPU + NPU จะทำได้ 36 TOPS

ชิป Core Ultra 200S เป็นชิปเดสก์ท็อปรุ่นแรกที่ Intel เริ่มนำเทคโนโลยีการผลิตแบบ Multi Tile หรือ Chiplets เข้ามาใช้งาน โดยเป็นการนำชิ้นส่วนต่าง ๆ ในชิปที่ถูกผลิตแยกกันมาประกอบรวมกัน แบบเดียวกับชิปในมือถือ จากเดิมที่เป็นแบบ Monolithic หรือชิป 1 ตัวจะถูกผลิตด้วยเวเฟอร์เพียงแผ่นเดียวเท่านั้น ไม่ได้มีการแยกส่วนกันผลิต แล้วเอามารวมร่างวกันภายหลัง

โครงสร้างภายในชิปจัดเรียงแบบ Foveros 3D เรียงเป็นแนวตั้ง ช่วยให้ส่วนต่าง ๆ ของชิปประหยัดพลังงานลง 40% และเมื่อรวมในส่วนของแกนประมวลผลเข้าไปด้วยแล้ว ทั้งหมดจะประหยัดพลังงานกว่า Gen 14 ถึง 58% ส่งผลให้ตอนเล่นเกมกินไฟน้อยลง 165W และในเมื่อกินไฟน้อยลงความร้อนก็น้อยลงตามไปด้วย โดยมีอุณหภูมิเย็นขึ้นเฉลี่ย 14 องศา

Core Ultra 200S ใช้ซ็อกเก็ต LGA 1851 คู่กับบอร์ดชิปเซ็ตตระกูล 800 รองรับแรม DDR5 และ PCIe 5.0 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีรุ่นใหม่ที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการรับส่งข้อมูลสูงขึ้น

สำหรับการจัดจำหน่าย หน่วยประมวลผล Intel Core Ultra จะเริ่มเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าแล้วในตอนนี้ โดยจะทยอยส่งมอบให้หลังวันที่ 24 ต.ค. 2024 เป็นต้นไป โดยรอบแรกเปิดมาทั้งหมด 5 รุ่นดังนี้

  • Core Ultra 9 285K (8P + 16E / 24 Thread) Boost Clock 5.7 GHz ค่า TDP 125W กินไฟสูงสุด 250W ราคา 22,900 บ.
  • Core Ultra 7 265K (8P + 12E / 20 Thread) Boost Clock 5.5 GHz ค่า TDP 125W กินไฟสูงสุด 250W ราคา 15,900 บ.
  • Core Ultra 7 265KF (8P + 12E / 20 Thread) Boost Clock 5.5 GHz ค่า TDP 125W กินไฟสูงสุด 250W ราคา 15,400 บ.
  • Core Ultra 5 245K (6P + 8E / 14 Thread) Boost Clock 5.2 GHz ค่า TDP 125Wกินไฟสูงสุด 159W ราคา 12,200 บ.
  • Core Ultra 5 245KF (6P + 8E / 14 Thread) Boost Clock 5.2 GHz ค่า TDP 125Wกินไฟสูงสุด 159W ราคา 11,600 บ.

เรียกได้ว่าทำราคาออกมาได้ใกล้เคียงกับ Gen 14 เลย ถูกแพงต่างกันไม่มาก สำหรับใครที่จะซื้อซีพียู Core Ultra 200S ในช่วงแรกค่าตัวซีพียูอาจจะไม่กระเทือนมาก แต่ที่แพงจะเป็นเรื่องของเมนบอร์ดมากกว่า

จากที่สำรวจมาก็สูงใช้ได้ เริ่มต้นประมาณ1 หมื่นบาท เพราะในช่วงแรกมีเฉพาะชิปเซ็ต Z890 รุ่นท็อปเท่านั้น และนอกจากต้องเปลี่ยนบอร์ดใหม่แล้ว ใครที่ยังใช้แรม DDR4 อยู่ก็ต้องเปลี่ยนด้วย เพราะรอบนี้ Core Ultra 200S รองรับเฉพาะแรม DDR5 เพียงอย่างเดียว ปิดจบน่าจะอยู่ราว ๆ 2-3 หมื่นบาทเลยทีเดียว

ที่มา : videocardz wccftech intel