ปกติแล้วเวลาจะไปเที่ยวต่างประเทศทีก็ต้องแลกเงินที ซึ่งต้องพกเงินสดไปเป็นปึกๆ ทำให้เสี่ยงก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทำหาย โดนขโมย หรือแม้แต่ตอนแลกเงินกลับคืนก็เสียส่วนต่างที่ค่อนข้างเยอะ ครั้นจะใช้บัตรเครดิตทั่วไปก็เสียค่าชาร์จ 2.5% แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเมื่อคุณใช้บัตรเดบิตตัวใหม่ PLANET SCB ที่สามารถแลกเงินต่างประเทศไว้ในบัตรในเรทสุดคุ้ม แถมรูดไม่เสียค่าชาร์จ 2.5% ด้วย

จ่ายบัตรเครดิต เสียค่าชาร์จ 2.5% เมื่อใช้ในต่างประเทศ

ก่อนอื่นขออธิบายค่าชาร์จในที่นี้ก่อน ความหมายคือ เมื่อเราชำระค่าสินค้าหรือบริการที่เป็นยอดเงินต่างประเทศผ่านบัตรเครดิตหรือเดบิตทั่วไป โดยปกติแล้วจะมีการคิดค่าความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นจากที่จ่ายไป 2–2.5% เช่น ซื้อของ 500 USD ในอัตราแลกเปลี่ยน 1 USD = 30.75 THB ตามปกติตีเป็นเงินไทยคือ 500 x 30.75 = 15,375 บาท แต่หากเรารูดบัตรเครดิตไปจะต้องจ่ายเพิ่มอีก 2.5% ในเรทแลกเงินตอนนั้นด้วย คือ 500 x (30.75 x 2.5%) = 15,759.37 บาท (ส่วนต่างประมาณ 385 บาท)

แลกเงินเก็บไว้ก่อน รูดจ่ายต่างประเทศก็ไม่ต้องเสียเพิ่ม

จากค่าชาร์จข้างต้น ทำให้หลายคนไม่ค่อยอยากจะรูดบัตรเครดิตในต่างประเทศเพื่อเลี่ยงการจ่ายเพิ่มโดยไม่จำเป็น แต่ก็ยังไม่อยากจะพกเงินสดจำนวนมากเดินทางไปไหนมาไหนเวลาเที่ยวเท่าไหร่นัก ทำให้เกิดบริการใหม่แลกเงินสดเป็นสกุลเงินต่างๆเก็บเอาไว้ในบัตรเดบิตซะเลย จะใช้จ่ายต่างประเทศทีนึงก็ตัดเงินสกุลประเทศนั้นๆไปเลย โดยไม่ต้องเสียค่าชาร์จ 2.5% อีกต่อไป ซึ่งธนาคารแรกที่เริ่มให้บริการนี้ก็คือ Krungthai Travel Card ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง เพราะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี แต่ก็มีรายงานถึงปัญหาการใช้งานอยู่เป็นพักๆ จากระบบหลังบ้านของธนาคารที่ยังไม่นิ่งเท่าไหร่นัก วันนี้ SCB ก็ได้ปล่อยบริการแบบเดียวกันออกมาในชื่อบัตร PLANET SCB เป็นทางเลือกอีกใบให้คนได้พกกัน

แน่นอนว่าเปิดตัวใหม่แบบนี้ก็ต้องมีโปรโมชั่นพิเศษมาเรียกลูกค้ากันสักนิดนึง จะมีรายละเอียดอะไรบ้างนั้น มาดูกันคร้ับ

การใช้งานของบัตรเดบิต PLANET SCB

  • สมัครฟรีผ่านแอพ SCB EASY App
  • ต้องแลกเงินไทยเป็นเงินต่างประเทศเก็บไว้ในบัตรก่อน ขั้นต่ำ 100 บาท สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท/วัน (รวมทุกสกุลเงินในบัตรขณะเติมเงิน)
  • แลกเงินได้ 14 สกุล ได้แก่ THB, USD, EUR, JPY, SGD, CNY, HKD, GBP, KRW, AUD, TWD, NZD, CHF และ CAD
  • สามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินในบัตรได้สูงสุดไม่เกิน 5 ครั้ง/วัน
  • บัตรสามารถใช้ชำระที่เครื่องรูดบัตร (EDC), VISA payWave หรือที่มีสัญลักษณ์ VISA ได้ทั้งสกุลไทยบาท (THB) หรือสกุลต่างประเทศได้
  • สามารถถอนเงินจากตู้ ATM ที่มีสัญลักษณ์ VISA ได้ทั่วโลก

**อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ >ที่นี่<

ค่าธรรมเนียม

  • ค่าธรรมเนียมบัตรรายปี : ไม่มี
  • ค่าธรรมเนียมแรกเข้า/การออกบัตรใหม่ : 200 บาท (ยกเว้นให้ตั้งแต่วันนี้ถึง – 31 ธันวาคม 2019 )
  • ค่าธรรมเนียมถอนเงินที่ตู้ ATM ที่ต่างประเทศ 100 บาท/ครั้ง (และอาจมีค่าธรรมเนียมที่ธนาคารปลายทางเรียกเก็บขึ้นอยู่กับธนาคารปลายทาง)
  • กรณีเกิดอัตราแลกเปลี่ยนนอกเหนือจากสกุลเงินในบัตร จะถูกเรียกเก็บเป็นสกุลเงินบาท โดยอ้างอิงจากอัตราแลกเปลี่ยนกลางของ VISA โดยไม่มีชาร์จ 2.5%

นอกจากนี้บัตรเดบิต PLANET SCB ยังได้รับสิทธิพิเศษ จองโรงแรมผ่าน agoda.com ได้ส่วนลดสูงสุด 8% แถมมีประกันการเดินทางจาก Cigna สูงสุด 10 วัน ดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสูงถึง 1,000,000 บาท ตลอด 24 ช.ม. ด้วยบริการช่วยเหลือฉุกเฉินยามเดินทางทั่วโลกอีกด้วย

วิธีการสมัคร

Play video

สรุปบัตรเดบิต PLANET SCB เหมาะกับใคร

  • เหมาะกับคนที่เดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ และไม่อยากพกเงินสดติดตัวเยอะ
  • ไม่อยากเสียค่าธรรมเนียมวุ่นวายในการแลกเงินสลับไปมา
  • ไม่ได้ต้องการพอยต์บัตรเครดิตสะสมแต้ม
  • ต้องการจำกัดวงเงินการใช้แต่ละครั้ง เพราะต้องมีเงินอยู่ในบัตรก่อนถึงจะใช้ได้

ไม่ต้องชอบเที่ยว ชอบเดินทางต่างประเทศ สมัครบัตรแบบนี้ไว้ก็ไม่เสียหาย

ถ้าใครคิดว่าไม่รู้จะสมัครบัตรแลกเงินต่างประเทศไปทำไม ก็อยากจะบอกว่าสมัครไว้ก่อนไม่เสียหายอะไร รวมถึงปัจจุบันนี้การช้อปปิ้งออนไลน์ทั้งสินค้าและบริการจากร้านค้าในต่างประเทศก็มีหลายอย่างที่น่าสนใจ การจ่ายผ่านบัตรเดบิตแบบนี้ก็คุ้มค่ากว่าการรูดบัตรเครดิตที่เสียค่าชาร์จมากมายนัก และถ้าสมัครฟรีไม่มีค่าธรรมเนียมรายปีแบบนี้ จะรออะไรอยู่ วันดีคืนดีคุณอาจจะได้ไปต่างประเทศแบบไม่รู้ตัวก็ได้

อย่างไรก็ดีอย่างที่บอกไปข้างต้นว่า นอกเหนือจากบัตรเดบิต PLANET SCB แล้วก็ยังมีของธนาคารเจ้าอื่นอีก คือธนาคารกรุงไทยที่เป็นบัตร Krungthai Travel Card และธนาคารทหารไทย TMB ALL FREE ซึ่งแต่ละธนาคารก็มีจุดเด่นจุดด้อยที่แตกต่างกันไป โดยทีมงานกำลังทำบทความเปรียบเทียบของแต่ละบัตรอยู่ รอติดตามกันได้เร็วๆ นี้แน่นอนครับ