เมื่อคืนนี้หลายๆคนน่าจะอดตาหลับขับตานอนเพื่อรอดู Keynote งาน WWDC ที่ทาง Apple เปิดตัว iOS 9 Developer Preview ให้เหล่านักพัฒนาได้รับทราบถึงฟีเจอร์ใหม่ๆ เตรียมตัวสร้างสรรค์แอปมาให้พวกเราได้ใช้กัน ซึ่งเหล่าสาวกแอนดรอยด์ก็รอซ้ำ…เอ้ย รอชมว่าจะมีนวัตกรรมอะไรใหม่ๆออกมาให้วงการขับเคลื่อนไปบ้าง หลังจากผิดหวังจากงาน Google I/O ที่ผ่านมา และด้วยฟีเจอร์อันสุดวิเศษที่เหล่าสาวกฮือฮากันเมื่อคืน ผมจึงขอสรุปจุดเด่นต่างๆที่ iOS 9 เค้ามี แต่ว่า Android 5.0 Lollipop และ Android M ยังไม่มีมาให้ได้ทราบกันครับ

[มีอัพเดท 10 Jun 2015]

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

…เอ่อ… หาไม่มีอ่ะ ทุกฟีเจอร์ Android เรามีหมดแล้วอ่ะ ไม่รู้จะเขียนอะไร…จบง่ายๆตรงนี้เลยละกัน

 

 

 

 

 

 

 

 

อ่ะๆๆ เขียนสักหน่อยละกัน แซวเล่นกันไปพอหอมปากหอมคอละ 😛

คือ ไม่ได้อยากจะแดกดันหรือแซวเหล่าสาวกอะไรนะครับ เอาว่าความจริงก็คือความจริง มันไม่มีอะไรใหม่จริงๆนะ ทุกฟีเจอร์ที่กล่าวมาเป็นเรื่องเดิมๆทั้งสิ้น เรียกว่าขนาดเหล่าสาวกที่เข้าไปฟังในงานเอง เสียงฮือฮายังเบาลงไปมากอยู่ ยังไงเพื่อความเข้าใจง่ายๆ ผมขอไล่ไปที่ละประเด็นจากฟีเจอร์ที่ทาง Apple เค้าเขียนเอาไว้ใน iOS 9 Developer Preview บนเว็บละกัน…เริ่มจาก

News อ่านข่าวแบบชิคๆสวยๆ

อันนี้ไม่น่าจะต้องพูดอะไรมากมาย แอบอึ้งไปเล็กน้อยที่ทาง Apple เอาแอปนี้มาโปรโมทยิ่งใหญ่ เป็นหนึ่งในสุดยอดฟีเจอร์ของ iOS 9 คือ ถามว่ามันดูดีมั้ย…ก็โอเค UI/UX สวยงามดูน่าสนใจน่าใช้ดี แต่ในเรื่องความว้าวคงต้องบอกว่าไม่เลย เราได้เห็นแอปอ่านข่าวสวยๆกันมาเยอะมากมายแล้ว จะมีจุดน่าสนใจของ News คือการทำ Tools เรียกเหล่า Publisher ไปทำตลาดด้วยมากกว่า คงต้องรอดูว่าจะประสบความสำเร็จขนาดไหน เพราะก่อนหน้านี้ Google เคยพยายามทำไปหลายแอปแล้ว แต่ก็พัง…เจ๊งไปหลายตัว ซึ่งถ้าทาง Apple ประสบความสำเร็จ มีข่าวมากมายให้อ่าน คนใช้มากมาย ก็สุดยอดไปเลยครับ

Notes แอปจดโน๊ตเพิ่มฟีเจอร์

ก็อึ้งไปอีกเหมือนกันว่าเอาจริงเหรอ นี่คือฟีเจอร์ใหม่ที่ Apple Proudly Present กันจริงๆดิ? ฟีเจอร์ทุกอย่างนั่นมัน คนใช้ Evernote และ OneNote ถึงกับอึ้งในความมหัศจรรย์ว่านี่เราใช้ของที่อยู่ในอนาคตได้สินะ มันถึงเพิ่งมาโผล่บน iOS9 ส่วนถ้าใครใช้ Google Keep อยู่แล้วก็อาจจะสนใจนิดนึงนะ

Play video

ปัญหาหลักๆของแอป Notes บน iOS9 คือการที่มันจำกัดให้ใช้ได้เพียงบนอุปกรณ์ของ Apple เท่านั้น จุดแข็งของแอปจดโน๊ตตัวอื่นคือสามารถใช้งานได้ทั้งบน iOS, Android, PC, Mac ยังไม่แน่ใจว่าจะมีแผนปล่อยให้แพลตฟอร์มอื่นใช้หรือไม่ 

 

Maps วิ่งไล่ตามเหล่าผู้นำกันต่อไป

แม้ว่าจะมีความพยายามพัฒนาอะไรเพิ่มเติมอยู่มากมาย แต่ว่า Maps บน iOS ยังคงต้องทำงานหนักกันต่อไปอีกยาวๆเมื่อทาง Google Maps หรือ HERE Maps เองก็ยังไม่ได้หยุดวิ่งเช่นกัน

Wallet กระเป๋าตังค์และการ์ดออนไลน์

อันนี้ดูดีหน่อย ใช้ iPhone ยื่นไปจ่ายตังค์แทนบัตรเครดิต และสะสมแต้มแทนบัตรสะสมของร้านค้าต่างๆได้ทันที ก่อนหน้านี้เคยเห็นแอปที่พยายามจะทำแบบเดียวกันอยู่ มีให้โหลดใช้ทั้งบน Android และ iOS แต่ก็ไม่สามารถรวมตลาดได้มากมายนัก ซึ่งเหตุผลหลักน่าจะมาจากเรื่องอำนาจการต่อรองที่ไม่เพียงพอ

มีแอปไทยที่ก็พยายามทำอยู่เหมือนกันนะ ไปโหลดลองใช้กันได้
Play video

ส่วนตัวอยากจะเชียร์ให้มีความแพร่หลายเหมือนกัน เพื่อที่ว่าพวกเราจะได้เลิกเก็บบัตรต่างๆของแต่ละร้าน ที่ทำให้กระเป๋าตังค์ต้องหนาเตอะเสียรูปกันสักที แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมาเมืองไทยได้เมื่อไหร่

CarPlay คู่หูบนรถยนต์ ที่ยังไม่เกิด

แม้ว่า Apple จะเปิดตัว CarPlay มาก่อน Android แต่ว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังหารถที่เกิดมาพร้อมกับ CarPlay ไม่ได้ง่าย ถ้าพูดถึงในประเทศไทย ไม่มีรถรุ่นไหนในที่รองรับอยู่ดี จะเห็นมีก็แค่ Pioneer ที่พยายามเอา Head Unit เข้ามาขายอยู่ แต่กว่าจะได้เห็น CarPlay รับความนิยมจนใช้กันทั่วไปคงมีอีกหลายปี แต่ของ Android Auto เราเองนั้น น่าจะยาวยิ่งกว่า 5555

Multitasking แบ่งหน้าจอ ทำงานได้หลายอย่าง

ฟีเจอร์นี้สำหรับบน iPad เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งหน้าจอ (Slide over, Split view) หรือเปิดคลิปวิดีโอขึ้นมาดูระหว่างเล่นแอปอื่นๆ (Picture in Picture) แต่ของทาง Android ทำได้มานานมากแล้ว แต่อาจจะจำกัดรุ่นจำกัดยี่ห้อ พบเห็นได้จากทั้ง Samsung, LG, Sony สำหรับตัว Pure Android เองเห็นโค้ดมาอยู่รำไรๆ แต่ก็ยังไม่ได้ปล่อยออกมาให้ผู้ใช้ได้ทดสอบลองเล่นจริงๆจัง

ฟีเจอร์ Picture in Picture บน iOS 9 มันช่างเหมือน Pop up play ของ Samsung Galaxy S3 (3 ปีที่แล้ว)
Play video

แต่เอาจริงๆฟีเจอร์แบ่งหน้าจอ Slide over, Split view นี้มันไม่ได้เหมือนแอนดรอยด์สักเท่าไหร่ แต่จะไปเหมือนทาง Windows 8 เสียมากกว่า เรียกว่าเห็นแล้วต้องร้องว่ามันใช่ แต่ว่า Picture in Picture นี่ต้องรอดูการจิกกัดของ Samsung และแบรนด์ต่างๆที่มีเหมือนกัน เพราะความสามารถนี้เห็นใช้กันมา 2-3 ปีแล้ว ซึ่งก็ต้องรอดูว่าถึงเวลาใช้งานจริงแล้วลื่นได้ขนาดไหน ประสบการณ์จะออกมาดีกว่าของแอนดรอยด์หรือไม่

Siri + Proactive เพิ่มความสามารถให้ผู้ช่วยส่วนตัว

ไม่ขออธิบายอะไรมากมาย ถ้าเป็นแฟนๆ iOS ไม่มีเครื่องแอนดรอยด์ใช้ ก็ลองเข้าไปอ่านดูในเว็บ Apple เองได้ แต่ถ้าเป็นผู้ใช้ Android แล้วล่ะก็ กด Google Now ขึ้นมานะ คือมันเป๊ะ…

คลิปนี้ตั้งแต่ 2012 ซึ่งตอนนั้นความสามารถยังไม่เยอะมาก แต่ก็มีเทียบเท่าหรือมากกว่า iOS 9 ด้วยซ้ำ
Play video

แต่ตอนนี้คุณเธอไปไกลกว่าเดิมมาก เข้าไปยุ่งและจัดการข้อมูลของเราซะจนเกือบเกินพอดี โดยเฉพาะใน Android M
หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google Now และความสามารถของมันได้ที่ https://droidsans.com/google-now

ส่วนที่คนให้ความสนใจกันพอสมควรคือเรื่องที่ Siri ลงมาลุยตลาด Search อย่างจริงจังมากขึ้น มีการทำ API for Search ให้ Siri สามารถเข้าไปค้นหาข้อมูลใน Apps เพื่อดึงข้อมูลมาแสดงได้ แต่ก็นะ…Google ปล่อย App indexing มาให้ตั้งแต่ Lollipop อ่ะจ่ะ

แต่ส่วนนึงที่ทาง Apple พยายามย้ำเพื่อบอกว่าชั้นแตกต่างกับ Google คือ Apple จะไม่มีการยุ่งกับข้อมูลส่วนตัวของเรา หรือนำเอาไปหากินจากการขายโฆษณา สอดคล้องกับที่ Tim Cook พยายามดราม่าเมื่อวันก่อนนั่นเอง

ปรับแต่งให้ใช้งานได้ดีขึ้น รองรับอัพเดทได้ยาวๆยัน iPhone 4s

อันนี้เป็นเรื่องน่าชื่นชมของฝั่ง Apple iOS ที่ผู้ใช้ตั้งแต่ 3 ปีที่แล้วก็ยังสามารถอัพเดทขึ้นมาเล่น Firmware ใหม่ล่าสุดนี้ได้ แต่ว่าจะทำงานได้เนียนสมูทขนาดไหนนี่ ต้องรอพิสูจน์กันต่อไป

สรุป…งาน WWDC ปีนี้ iOS ไม่ได้มีเรื่องอะไรน่าหวือหวาที่ทำให้ตลาดสมาร์ทโฟนต้องสั่นสะเทือน มีแต่ฟีเจอร์ที่เคยเห็นเคยใช้มาก่อนหน้าแล้วทาง Apple นำไปต่อยอดเสียมากกว่า ซึ่งก็น่าจะทำออกมาได้ดีกว่าต้นฉบับเสียด้วยซ้ำไปตามสไตล์ที่เคยเห็นกันมานาน และเป็นจุดแข็งของค่ายนี้เลยก็ว่าได้ (ไม่ต้องออกก่อนใคร แต่ออกแล้วมีแต่คนต้องจดจำ) มองอีกด้านถือเรื่องน่าเสียดายที่ไม่ได้เห็น Apple ปล่อยของใหม่ เพราะนั่นหมายถึงว่าการแข่งขันมันเริ่มลดน้อยลง หรือมองได้กลายๆว่าเทคโนโลยีและนวัตกรรมของอุปกรณ์พกพามันเริ่มมาถึงทางตันแล้วหรือไม่ 

แต่ถ้าถามว่า Apple เริ่มหมดมุขหรือใกล้ถึงจุดจบหรือเปล่าก็ต้องบอกเลยว่าพวกเขาจะยังอยู่ค้างฟ้าต่อไปนั่นแหละ ยังไม่ตายหายไปไหน ยอดขายพวกเขาก็ยังดีอยู่ มีแฟนๆที่ยังเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของเขามากมาย และในทางกลับกันก็น่าจะมีคนใช้ Android เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยคุณภาพเครื่องที่สูงขึ้น ฟีเจอร์และความสามารถที่แทบไม่ได้ต่างจาก iOS ในราคาที่ถูกลงไปทุกๆวัน

 

ปีนี้กอดคอกันไปทั้งแฟน Android และ iOS ถือเป็นจุดพักให้ไม่ต้องรีบเปลี่ยนแปลงมือถือมากมาย รอลุ้นปีหน้าว่าจะมีอะไรใหม่มาให้พวกเราได้ว้าวกันต่อดีกว่าครับ 🙂