มากันตามนัดกับระบบปฏิบัติการณ์ iOS 12 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ที่อัพเดทกันทุกปีในงานชุมนุมนักพัฒนาของ Apple หรือ WWDC (World Wide Developer Conference) ซึ่งอัพเดทนี้ก็น่าจะทำให้หลายๆคนไม่ผิดหวัง ที่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบให้ใช้งานได้รวดเร็วลื่นไหลดังเดิม แถมได้รับแบบย้อนหลังลงไปยัน iPhone 5s เลยทีเดียว แต่นี้ยังเป็นเพียงน้ำจิ้มเท่านั้น รายละเอียดอื่นๆ มีอะไรอีกบ้าง เราจะมาสรุปให้ได้ทราบกันครับ

คืนประสิทธิภาพ ความลื่นไหล ให้กับ iPhone ตั้งแต่ 5s ขึ้นมา

ช่วงที่ผ่านมา Apple ได้ผ่านมรสุมปัญหาของ iOS จนถูกตั้งคำถามถึงความโปร่งใสของการอัพเดทที่พยายามทำให้ iPhone ช้าลงอย่างมีนัยยะ เพื่อบีบบังคับให้คนเปลี่ยนเครื่อง มาอัพเดทนี้ทางทีมพัฒนาจึงจับปลดล็อคทุกสิ่งอย่าง ปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบให้ดีแบบที่หลายๆคนเคยใช้กัน โดยระบุว่าแอปจะเปิดได้เร็วขึ้น 2 เท่าในขณะที่มีการทำงานหนักๆ คีย์บอร์ดเรียกใช้ได้เร็วขึ้น 50% และปัดเรียกกล้องได้เร็วขึ้นถึง 70% เลยทีเดียว และที่เรียกคะแนนเสียงกลับมาได้มากก็คงไม่พ้นเรื่องการอัพเดทนี้จะได้ลงไปยัน iPhone 5s หรือย้อนหลังไป 5 ปี รวมถึงอุปกรณ์ iOS อื่นๆอย่าง iPad แบบไม่กลัวคนไม่เปลี่ยนเครื่องกันเลยครับ

>> ชาวแอนดรอยด์ มองตาปริบๆ เจ้าไหนมีอัพเดทมาให้ถึง 2 ปี ก็แทบปิดซอยเลี้ยงแล้ว

Animoji ใหม่ 4 ตัว + Memoji สร้างอิโมจิของตัวเองมาใช้งานได้

Animoji ที่บางคนอาจจะมองว่าไร้สาระ​ แต่ถ้าได้ลองเมื่อไหร่ก็เป็นที่ชมชอบไม่น้อย มาใน iOS 12 นี้เค้าเลยเพิ่มตัวละครเข้ามาให้อีก 4 ตัว คือ ghost, koala, tiger, และ tyrannosaurus rex แค่นั้นไม่พอยังมี Memoji ที่เปิดให้เราสร้างอิโมจิส่วนตัวมาใช้งานกันได้เลย ปรับแต่งรูปหน้า ทรงผม สีผิว ต่างๆได้หมด ดูละม้ายคล้ายกับ ARmoji ของทางฝั่ง Samsung แต่มีความเป็นการ์ตูนมากกว่า สามารถส่งใช้งานได้ผ่าน iMessage รวมถึงใช้แทนหน้าเราเวลา Facetime ได้อีกด้วยนะ

>> หลายแบรนด์ของ Android พยายามทำตาม หรือฉีกฟีเจอร์ออกไปแต่ก็ไม่มีอันไหนทำมาจริงจังและใกล้เคียง iOS ด้วยความที่ไม่มีใครมี Sensor ตรวจจับใบหน้าแบบจริงจังเหมือนบน iPhone X นั่นเอง

Group FaceTime วิดีโอคอลคุยกันได้สูงสุด 32 คน

วิดีโอคอลค่อยๆแพร่หลายกันมากขึ้นเรื่อยๆ เดินตามท้องถนนก็เริ่มเห็นคนถือโทรศัพท์โทรหากันแบบเห็นหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ และการคุยทีละคนอาจจะไม่พออีกต่อไป iOS 12 เลยจัดให้เปิดฟีเจอร์ใหม่ Group FaceTime โทรหากันแบบเห็นหน้าได้สูงสุดถึง 32 คน โดยจะรองรับทั้งคนใช้ iPhone, iPad และ Mac ด้วย โดยวิธีการแสดงผลเวลาเข้า Group FaceTime ก็จะเป็นว่าใครที่พูดอยู่กรอบวิดีโอของเค้าก็จะใหญ่ขึ้น และลดขนาดลงเมื่อหยุดไป โดยถ้าใครเบื่อหนังหน้าตัวเองก็สามารถเลือกเอา Animoji หรือ Memoji เข้าไปใช้งานแทนได้ด้วย รวมถึงเติมเอฟเฟกต์ต่างๆระหว่างคุยได้อีกต่างหาก

>> ให้เค้าคุยกันเองผ่าน Facetime ไป แต่ถ้ามีเพื่อนมากหน่อย ไม่ได้ใช้อุปกรณ์ Apple กันหมด ก็ใช้ Line Group Video Call แทนก็ได้ที่รองรับได้สูงสุดถึง 200 และใส่เอฟเฟกต์เลือกเลย์เอาท์การแสดงกันเองได้เลย

Play video

AR ใช้งานร่วมกันหลายคน พร้อมออกแอปวัดขนาดได้แค่เอากล้องส่อง

Apple ประกาศความร่วมมือกับ Pixar ในการสร้าง File Format ใหม่สำหรับแอป AR โดยเฉพาะในชื่อ USDZ โดยบริษัทชั้นนำอย่าง Adobe, Autodesk และ Sketchfab ต่างก็ตอบรับพร้อมทำให้บริการของตนใช้งานร่วมกับ File Format นี้ได้ และยังเปิดความสามารถของ ARKit เพิ่มเติมให้นักพัฒนาสร้างแอปที่ผู้ใช้หลายคนเห็น AR ตรงหน้าพร้อมสร้างสิ่งใหม่พร้อมกันได้ และเรียกเสียงฮือฮากันไม่ได้น้อยกับการเดโมแอปใหม่ Measure ที่สามารถวัดขนาดกระเป๋าด้วยการใช้ AR นั่นเอง

>> แอป Measure ประยุกต์เอา AR มาใช้งานจริงได้เห็นผลดี แต่เรื่องความแม่นยำต้องรอทดสอบจริงอีกที แต่การใช้ AR บนแผ่นงานร่วมกันนี้ ปัจจุบันทาง Google ออกแอปที่ทำงานได้คล้ายๆกันมาให้ลองเล่นแล้วนะ ไปโหลดกันได้

Play video

เล่นให้น้อยแต่พอดี มากไปมีเตือนให้

ทุกวันนี้พวกเราติดมือถือกันไม่น้อย และทาง Apple ก็อยากให้เรารักษาสมดุลใช้งานแต่พอเพียง ออกฟีเจอร์ใหม่อย่าง ScreenTime รายงานการใช้มือถือว่าเราเล่นแต่ละแอปไปมากน้อยแค่ไหน และเตือนให้เรารู้ว่าควรจะพอเมื่อไหร่ โดยรายงานนี้จะแบ่งให้เราทราบได้ด้วยว่าเราใช้งานแอปในหมวดไหนไปมากน้อย แอปไหนแจ้งเตือนถี่ๆ และสรุปการใช้งานในแต่ละสัปดาห์ให้อีกต่างหาก เมื่อใช้งานร่วมกับ Parental Control ก็จะทำให้คุณพ่อคุณแม่สามารถควบคุมการใช้งานของลูกติดมือถือจนเกินไปได้อยู่ครับ

 

>> นัดกันกับ Google ออกฟีเจอร์นี้มารึเปล่า ใน Android ก็เพิ่งประกาศไปและเตรียมออกฟีเจอร์นี้เหมือนกัน

รวบการแจ้งเตือนให้ดูได้ง่ายขึ้น

ความปวดหัวของการดูแจ้งเตือนบน iOS ก็คือฟีดแจ้งเตือนจะยาวเฟี้อยและไม่มีระเบียบ เรียงตามเวลาการส่งเป็นหลัก  และในที่สุด iOS 12 ก็แก้ปัญหานี้ให้แล้ว จับรวมกลุ่มมาให้ดูง่ายๆได้

>> ในที่สุดก็มีให้ใช้เหมือนบนแอนดรอยด์แล้ววว

Photos เพิ่มความสามารถ AI จดจำใบหน้า แชร์มาแชร์กลับไม่ทวง

ค้นหาภาพอะไรก็ง่าย พิมพ์แค่คีย์เวิร์ดลงไปแอปก็จะพยายามหาข้อมูลและภาพที่ตรงกับคีย์เวิร์ดนั้นๆใน Photos ได้อย่างสะดวก และถ้าเกิดว่าเราไปเที่ยวมีรูปถ่ายร่วมกันกับเพื่อนมา แอปจะจดจำหน้าเพื่อนได้พร้อมเลือกรูปของเพื่อนทั้งหมดนั้นมาให้เราพร้อมกดแชร์ไปได้อย่างสะดวก และที่เจ๋งกว่าคือเมื่อเพื่อนได้รับภาพไปแล้ว Photos ของเพื่อนก็จะรู้ว่าเราส่งมาให้ และเลือกภาพที่มีหน้าเราอยู่มาให้เราพร้อมส่งกลับได้ด้วย

>> เอาซะเหมือนกับ Google Photos เลย แต่เจ๋งขึ้นไปอีกที่สามารถเลือกภาพของคนส่งกลับมาให้ได้ด้วยเนี่ยแหละ

เปิดช่องทาง Siri ทำงานร่วมกับคนอื่นได้มากขึ้น

เราจะได้เห็น Siri ทำงานร่วมกับอุปกรณ์หรือแอปอื่นๆได้หลากหลายขึ้นกว่าเดิม เช่น ถ้าเรามีอุปกรณ์ติดตามสิ่งของ เราสามารถสั่ง “Hey Siri, I lost my keys” เพื่อให้ Siri สั่งให้อุปกรณ์นั้นๆร้องส่งเสียง แถม Siri ยังเรียนรู้รูปแบบการใช้ชีวิตของเราบอก Siri เมื่อใกล้เวลากลับบ้าน ก็อาจจะแนะนำให้ช่วยเรียกแท็กซี่ผ่าน Grab พร้อมปักหมุดจุดหมายให้เลยได้ง่ายๆก็เป็นได้

>> นัดกันมากับทาง Google Assistant รึเปล่านั่น คล้ายๆกับที่เพิ่งเปิดตัวใน Google I/O เลยล่ะ

ปรับการทำงานแอปพื้นฐานหลายตัวให้ดีขึ้นกว่าเดิม

Apple News ทำใหม่ ใช้งานร่วมกับแอปหุ้น (Stock) ดึงข่าวที่เกี่ยวข้องมาได้

ตั้งเวลา Do not disturb ได้ ฟีเจอร์นี้ที่รอคอย กดใช้ทีไรต้องลืมปิดทุกทีไป คนโทรเข้ามาก็ไม่รู้ตัว (Android ทำได้นานละ)

 iBooks เปลี่ยนชื่อเป็น Apple Books

 Apple CarPlay ยอมให้ใช้แผนที่อื่น อย่าง Google Maps ได้แล้ว

 Voice Memo จะมีให้ใช้บน iPad พร้อม sync ขึ้น iCloud ได้

 Safari สร้างพาสเวิร์ดที่ปลอดภัยให้ ไม่ต้องกลัวยากหรือยาก เพราะจดจำให้เลย

 Message ตรวจจับข้อความที่เป็น OTP และแนะนำให้เรากด Copy เพื่อรอเอาไปใช้ได้เลย

 Battery บอกรายละเอียดการใช้งานได้ละเอียดขึ้นกว่าเดิม ย้อนหลัง 24 ชม. หรือ 10 วัน

 

สำหรับ iOS 12 นี้ยังอยู่ในช่วงให้นักพัฒนาทดสอบอยู่นะครับ คาดว่ากว่าจะได้ปล่อยให้ใช้จริงกันก็ราวๆไตรมาส 3 ปีนี้ หรือตอนที่ iPhone รุ่นใหม่จะออกนั่นแล ใครรอฟีเจอร์ไหนกันอยู่บ้างมั้ยเอ่ย