หลังจากงานเปิดตัวเมื่อ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา iPad Air 2 ที่ได้ชื่อว่าเป็น Tablet ที่บางและเบาที่สุดในโลก โดยมีความหนาเพียง 6.1 มม. และหนักเพียง 444 กรัมเท่านั้น และแน่นอนว่าหลังจากปรากฎการณ์ BendGate ที่คนเอา iPhone 6 Plus มางอกันเล่นแล้ว iPad Air 2 ก็จะไม่มีทางที่จะรอดพ้นการทดสอบนี้ไปได้แน่นอน ส่วนผลการทดสอบที่ออกมา บอกได้สั้นๆคำเดียวว่า “เละ” งอง่ายกว่าบน iPhone 6 Plus เยอะมาก และดูไม่ต้องออกแรงมากมายสักเท่าไหร่เลย
ไปดูคลิปงอ iPad Air 2 กันเลย
แต่เดี๋ยวก่อน เรามีคลิปชิ้นที่สอง ที่อยากให้คุณดู
จะเห็นได้ว่าหากเราออกแรงไปที่ด้านหลังของ iPad Air 2 ที่เป็นโลหะ iPad Air 2 ถูกงอได้ยากขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก
ซึ่งจากผลสรุปนี้ พอจะทำให้เราสรุปได้ว่าด้านหน้าที่เป็นกระจกรับการสัมผัสของ iPad Air 2 สามารถรับแรงกดงอได้น้อยกว่าด้านหลังที่เป็นโลหะอยู่พอสมควร หรือไม่…ผู้ชายคนแรกก็เป็น Hulk ปลอมตัวมา หรือคนที่สองมันดันเป็นกุ้งแห้งไม่มีแรงกดเอง ก็เป็นได้ 🙂
อย่างไรก็ดี การที่ iPad Air 2 ที่เครื่องบาง 6.1 มม. และเบา 444 กรัมจะถูกงอได้ง่าย ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจแต่อย่างใดนัก ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับ iPhone 6 Plus ที่เครื่องขนาดเล็กกว่า ยังบิดงอได้ง่ายขนาดนั้นก็ยิ่งไม่น่าตกใจเข้าไปใหญ่ แต่เชื่อว่าหลายๆคนน่าจะแฮปปี้กับขนาดเครื่องที่บางเบา มากกว่าที่จะยอมแบก iPad ที่หนาและหนักเป็นแน่แท้ รวมถึงในชีวิตประจำวัน สถานการณ์ที่จะทำให้ iPad Air 2 มันต้องงอจริงๆ ไม่น่าจะมีมากเท่า iPhone 6 Plus ที่เครื่องมักจะถูกใส่ในกระเป๋ากางเกงอีกด้วย
เพื่อนๆคิดว่ายังไงกับการงอของ iPad Air 2 นี้กันบ้างมาบอกให้รู้หน่อยนะ
source: GSM Arena
อ่านข่าวเก่าที่เกี่ยวข้องกันสักหน่อย
เปิดตัว iPad Air 2 และ iPad mini 3 : อัพเดทสเปคเข้าใกล้ iPhone และบางเบาแบบที่คุณไม่เคยสัมผัสมาก่อน
ผลทดสอบใหม่ iPhone 6 อาจจะไม่ได้งอง่ายอย่างที่เห็น??! Unboxtherapy จับงอโชว์อีกรอบ
อืมมม… ฮิตจริงๆ ( เพื่ออออออ ) 555
นั่นดิครับ
จะทดสอบไปเพื่อ???
น่าจะรู้อยู่แล้วมั้งครับว่า คนทำลง youtube ได้ตังสิครับ คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม !! วิวเป็นแสนเป็นล้าน ซื้อเครื่องใหม่ได้สบายๆ
ปล.ผมก็ทำ youtube แต่ไม่กล้าทำอะไรแบบนี้
ผมว่าใช้แรงเยอะอยุ่นะ เกร็งจนแขนสั่นเลย น่าจะใช้แรงเยอะกว่า i6+
คงมีความเก็บกดในวัยเด็ก ถูก เด็กโต แย่งปากกาไปหักปลอกบ่อยๆ
เง๊อ! แอบเสียดายของ
จุดกดมันไม่ตรงกันอะครับถ้าดูดี ๆ คนแรกเหมือนมือจะใหญ่กว่ามากด้วย
Engineer only!!
คลิปแรกออกแรงนิ้วโป้งใกล้กึ่งกางทั้ง 2 นิ้ว และใกล้กัน ทำให้จุด Impact อยู่ใกล้กึ่งกาง มือทั้งสองรั้งที่ด้านข้าง ทำให้เกิดโมเมนต์ดัดที่กึ่งกลางจาก 1 นิ้ว เท่ากับ (แรง x (ระยะจากขอบถึงนิ้วโป้ง) ^ 2)
คลิปที่สองออกแรงนิ้วโป้งห่างกึ่งกลางทั้ง 2 นิ้ว และนิ้วห่างกัน ทำให้จุด Impact มี 2 จุด มือทั้งสองครั้งที่ด้านข้าง ทำให้เกิดโมเมนต์ดัดที่จุดที่นิ้วโป้งออกแรง จาก 1 นิ้ว เท่ากับ (แรง x (ระยะจากขอบถึงนิ้วโป้ง) ^ 2)
จะเห็นว่า แรงที่เกิดจากคลิปแรก เยอะกว่าคลิปที่ 2 มาก เพราะระยะจากของถึงนิ้วโป้งมากกว่า และสูตรคำนวณโมเมนต์ดัด จะมีระยะยกกำลังสอง ซึ่งเมื่อระยะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โมเมนต์ดัดก็จะเกิดขึ้นมากกว่ามาก
จริงจังมาก!!
ชอบคอมเม้นท์แบบนี้ 😀
อะ ตะกี้แมวพิมพ์ 😛
+1
วิศวะมาเอง ได้ความรู่ดี ขอบคุณครับ
ต่อให้นิ้วโป้งอยู่ตำแหน่งเดียวกัน แต่ผมว่าหักจากด้านหลังก็ ยากกว่าเยอะอยู่ดี เพราะ ความหนา 6มิลกว่า ๆ มุมหักของ กระจก กว้างขึ้พอสมควร คุณต้องทำให้ แผ่นอลูข้างหลังและเครื่องในหักเสียก่อนถึงจะทำให้กระจกหักได้…..
ไม่ได้เกี่ยวกับว่าด้านหลังหักก่อน กระจกถึงหักได้นะคับ
ถ้าว่ากันด้วยเรื่องของวัสดุศาสตร์นะ
วัสดุโลหะส่วนใหญ่ ทนได้ทั้งแรงดึงให้ยืด (เวลางอก็คือด้านนอก) ได้ดีพอ ๆ กับการทนแรงอัด (เวลางอก็คือด้านใน)
ส่วนกระจก น่าจะทนแรงดึงไม่ดี ส่วนแรงอัดจะทนได้ดีกว่า เพราะฉะนั้น การนำด้านกระจกไว้ด้านนอก น่าจะงอได้ยากกว่า
แต่อย่าลืมว่า กระจกมันบางมาก บางจนไม่น่าจะทำให้แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ
ผมไม่ได้เป็น Engineer นะ แต่ผมคิดเหมือนคุณเลยครับ
ทันทีที่ผมดูคลิปสอง ผมก็สะกิดใจขึ้นมาทันที
คือจุดที่ใช้นิ้วโป้งกดในคลิปแรก กับคลิปสองมันห่างจากจุดศูนย์กลาง
ดังนั้นแรงกระทำที่จะทำให้เครื่องมันหักงอ มันก็ต่างกันกันไปด้วย
ตัวอย่างง่ายๆ เลยครับ เอาของใกล้ตัวอย่างตะเกียบนี่แหละ มาลองหักดูครับ
โดยให้เราวางนิ้วโป้งตามจุดกดของวิดีโอทั้ง 2 ดูครับ
แล้วคุณจะรู้ว่า หากเราวางนิ้วชี้แล้วนิ้วโป้งแบบคลิปแรก เราจะหักตะเกียบได้ง่ายกกว่าคลิปที่ 2 ครับ
เล่นบนที่นอนแล้วเผลอหลับแล้วกลิ้งไปทับจะงอแล้วระเบิดใส่มั้ย
เคยนอนทับ Surface Pro เจ็บหลังเลย แข็งชิบ ก็หนาซะขนาดนั้น
ผมก็ไม่ชอบที่เขา เอาของมาทำลายเล่น คงเพราะมีสปอนเซอร์(หรือไม่ก็รวยอยู่แล้ว) ก็เลยทำ…
วิธีแก้ที่ดีก็คือ ไม่กดไปดู VDO ที่เขาถ่าย…
คนดูเยอะ เค้าก็ได้ค่าโฆษณาจาก YouTube แหละครับ เผลอๆน่าจะค้มค่าซื้อเครื่องไปงอโชว์ด้วย
ถ้าคิดในแง่ดี ถ้าแอปเปิลเห็น แล้วก็ปรับปรุงให้มันแข็งแรงขึ้น
ไม่ดีกว่าหรอที่อาจจะได้ใช้ของที่แข็งแรงขึ้น
คนไม่มีลูกเล็ก หรือคนไม่ซุ่มซ่ามอาจจะไม่เข้าใจ ลูกผมปามือถือยังกะลูกเบสบอล คือเผลอแปปๆ ชาร์ตแบตอยู่ก็ไปหยิบมาเล่น เบืาอก็เขวีเยงทิ้ง บ้างคนเอาไปเล่นบนที่นอนเผลอนั่งทับ ไรงี้….
พวกปัญญาอ่อน drop test ยังพอเข้าใจ ว่ามันอาจหลุดจากมือ แต่อีพวกเอามางอมาหักเล่นนี่หวังแค่ดิสเครดิตคู่แข็ง ไม่มีปัญญาสร้างกระแสแบบเค้า เลยดิสเครดิตแทน แม่งโคตรไม่สร้างสรรค์เลย ส่งมาให้เราสิกี่ยี่ห้อ แข็งขนาดไหนก็งอหมดแหละถ้าออกแรงเยอะๆ
เท่าที่เก็นเค้าเอาไอโฟนถ่ายไม่ได้จะดิสเครดิตหรอดผมว่า เค้ากำลังอยากนำเทรนตามกระแสมากกว่า
อยากเห็นการงอ nokia3310
nokia 3315 ก็ได้ครับ อยากเห็นเหมือนกาน 555
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับสาวกผลไม้หรือหุ่นกระป๋องอะไรทั้งนั้น ผมบ่นเรื่องแทบเล็ตมันจะทำบางๆไปหาอะไรเสียวเครื่องบิดงอมาตั้งแต่ iphone6 ยังไม่เปิดตัว ของที่ยังงัยๆก็ต้องพกใส่กระเป๋าจะทำหนาขึ้นซัก 2-3 มิลมันแทบไม่มีนัยสำคัญในการพกพาเลย
และการทดสอบการงอสำหรับผมมันก็ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ มันมีประโยชน์พอๆกับ drop test เพราะเวลาเราพกพาเราต้องพกใส่กระเป๋าสะพายซึ่งมีซักกี่คน-กี่โอกาส ที่เราจะใช้กระเป๋าโครงแข็งในการสะพายไปมา ลองเทียบกับมือถือ ผมเป็นคนพกมือถือที่กระเป๋ากางเกงด้านหน้า มือถือมันจะแนบต้นขาตลอดเวลา โอกาสเครื่องบิดงอผมว่ามันน้อยกว่าพกแทบเล็ตในกระเป๋าสะพายเดินไปเดินมาวิ่งขึ้นรถลงเรือไปเหนือล่องใต้ กระเป๋าเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาเบียดนู่นเบียดนี่อีก
เพียงแต่การทดสอบการงอในตอนนี้นอกจากของบริษัทประกันภัยแล้ว อันอื่นๆใช้วิธีเอามืองอมันดูไม่ค่อยมีมาตรฐานเท่าไหร่ก็เท่านั้นเอง
ผมว่าแท็บเล็ตนี่น่าจะเข้าสู่ยุคจอพับได้แล้วล่ะนะ ใครทำได้ตอนนี้รับรอง สบาย
sony tablet p ไงครับ ตอนนี้พับทั้งเครื่องทั้งโครงการไปล้ะ 55
ผมว่ามันไม่ไร้สาระนะ แน่นอนว่าเราคงไม่เอามางอเล่นหรือเอาใส่กระเป๋ากางเกงแน่ๆ เเต่เรามีโอกาสที่จะวางบนเตียง บนโซฟาแล้วเผลอนั่งทับนอนทับได้ อุบัติเหตุเกิดได้หลายรูปแบบ การที่เค้าเอามา"ทดลอง"ให้ดูผมว่าเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำไป
งอกันเช้าไป – -"
เขาอยากเป็น Airbender ครับ
กากจัง ไม่ซื้อดีกว่า
เปิดให้แฟนดู แฟนบอกไม่อยากงอก้อทำเหล็กหนาๆแทนดิ ยากตรงไหน555
ได้ตัง ก็ทำไปเหอะ ยูทูปก็ลงฟรี ดูฟรี ลงทุนซื้อเครื่อง 15,000 ได้คืนเป็นแสน
แปลกนะไม่ยักเห็นข่าว iPad air2 ตัวใหม่ เบิกเนตรที่ 3 แรงแซงทุกสถาบัน (+แรม 2 GB) ข่าวเครื่องระเบิด,บิดงอได้อย่างไวเบยคร๊าบบบ^^
มาเขียนได้เลยครับ ทางเราเปิดกว้างให้ใครที่อยากเขียนข่าวที่ต้องการได้ตามสะดวกเลย
ถ้าเขียนดี อ่านง่าย ได้มาตรฐาน จับโปรโมทขึ้นหน้าแรกให้ด้วย 🙂
ตอนเปิดตัวแอปเปิลได้พูดถึง blend gate หรือไม่…
ได้ขยะ electronic เพิ่ม ในระยะเวลาที่สั้นเกินความจำเป็น
ถ้าทำไม่บางมาก หนาเกือบเซ็นติเมตร แต่น้ำหนักเบา จับถือง่าย และเพราะขนาดไม่บางมาก จึงสามารถอัดแบตเตอร์รี่
เข้าไปได้มากขึ้นใส่แบตความจุมาเต็มพิกัดใช้ให้ลืมชาร์จ ใส่กล้องมีซูม3xoptical zoom เข้าไป ความแข็งแรงผ่านip67
จะมีคนซื้อมั้ยหรือชอบความบางมากกว่ากัน(สะเป็คข้างบนมะโนล้วนๆแต่อยากให้มี)
แสดงว่าวัตถุรับแรงเกินจุดยิวพอยไปจนถึงขั้นราฟเจอร์แล้วสินะ อร๊ายส์พูดอะไรออกมา
คือผมว่ามันเป็นกระแสไปละ เวลามีอะไรออกมาต้องเอามางอโชว์ ถามว่ามันจำเป็นไหม คือการเอาไอแพดหรือแทบเลทมางอเนี่ย ในชีวิตจริงเราไม่ได้เอาไอแพดใส่กระเป๋ากางเกงนะครับ (ซึ่งเป็นเหตุผลในการงอ) ปกติจะเอาใส่กระเป๋าสะพาย เป้ อะไรพวกนี้ ซึ่งเดี๋ยวนี้มักจะทำช่องเอาไว้ใส่แทบเลทอยู่แล้ว หรือต่อให้เป็นกระเป๋าแบบทั่วไป ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นโครงแข็งก็ตาม การจะทำให้อุปกรณ์เหล่านี้งอคือต้องมีการกดทับแบบไม่ทั่วถึง (คือทับแค่บางส่วนให้มันงอนั่นแหล่ะ) และโอกาสแบบนั้นจะเกิดขึ้นได้น้อยมาก การที่เจ้าของผลิตภัณฑ์เค้าทำให้มันบาง เบา (เลยตั้งชื่อว่า Air ไง) มันก็เป็นจุดขายของเค้า และเค้าคงไม่คิดว่ามันจะมีโอกาสงอได้ง่ายๆ
หรือถ้าให้ทำโครงด้วยแม็คนีเซี่ยมอัลลอยด์ จะได้แข็งแรง ราคาจะพุ่งไปเท่าไหร่ล่ะน่ะ
ไม่มีใครอยู่ดีๆเอามือถือมาโยนเล่น แต่การ drop test มันก็ทำให้รู้ว่ามือถือรุ่นไหนจอแตกยากแตกง่ายกว่ากัน
และเช่นกันที่ไม่มีใครอยู่ดีๆเอาแทบเล็ตมาบิดเล่น แต่การ bend test ก็ทำให้รู้ว่าเครื่องไหนมันบิดยากบิดง่ายกว่ากัน
และโอกาสบิดตัวจากอุบัติเหตุ เผลอนั่งทับ-นอนทับ นั่งทับกระเป๋า ฯลฯ แทบเล็ตซึ่งมีความแบนและใหญ่มีโอกาสบิดงอได้มากกว่ามือถือด้วยซ้ำไป