วางจำหน่ายกันไปเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมากับ iPad 2019 ตัวอัพเดทของ iPad ที่ราคาประหยัดที่สุด ราคาเพียงหมื่นต้นๆ ก็สามารถจับต้องได้แล้ว ซึ่งหลายอย่างของรุ่นนี้ดูเผินๆ แล้วเหมือนว่าจะคล้ายกับ iPad Air ที่ออกมาช่วงต้นปีอยู่ก็ไม่น้อย และหลายคนก็น่าจะมีความสงสัยอยู่ว่าทั้งสองตัวนี้มันต่างกันยังไง ตัวประหยัดมันซื้อได้มั้ย หรือควรกัดฟันขึ้นไปเอา iPad Air เลยจะดีกว่า

ตารางเปรียบเทียบสเปค iPad 2019 (7th Gen) vs iPad Air 2019

สเปคiPad 2019 iPad Air 2019
หน้าจอRetina 10.2” ความละเอียด 2160 x 1620 ที่ 264 ppiRetina 10.5” ความละเอียด 2224 x 1668 ที่ 264 ppi แสดงผลแบบ truetone, จอภาพแบบ Full Lamination, กันแสงสะท้อน, ขอบเขตสี P3
CPUชิพ A10 Fusionชิพ A12 Bionic

พร้อม Neural Engine

RAM3GB
ความจุ32GB / 128GB64GB / 256GB
กล้องหลัง8 ล้านพิกเซล f/2.4
กล้องหน้า1.2 ล้านพิกเซล7 ล้านพิกเซล
แบตเตอรี่8827 mAh ไม่รองรับชาร์จเร็ว8134 mAh รองรับชาร์จเร็ว
Apple PencilApple Pencil (รุ่นที่ 1)
สายพอร์ตเชื่อมต่อType A to Lightning
ลำโพงสเตอริโอด้านล่าง, มีช่องเสียบหูฟัง 3.5mm
คีย์บอร์ดรองรับ Smart Keyboard
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นไม่มี
ความปลอดภัยแสกนลายนิ้วมือ 1st Genแสกนลายนิ้วมือ 2nd Gen
การเชื่อมต่อWi‑Fi 6 มาตรฐาน 802.11ac พร้อม MIMO, Bluetooth 4.2Wi‑Fi 6 มาตรฐาน 802.11ac พร้อม MIMO, Bluetooth 5.0
SIMnanoSIM + eSIMnanoSIM + eSIM
ขนาดและน้ำหนัก250.6 x 174.1 x 7.5 มม.
483(493) กรัม
250.6 x 174.1 x 6.1 มม.

456(464) กรัม

ราคารุ่น Wi‑Fi

  • 32GB฿10,900
  • 128GB ฿13,900

รุ่น Wi‑Fi + Cellular

  • 32GB ฿15,400
  • 128GB ฿18,400
รุ่น Wi‑Fi

  • 64GB ฿17,900
  • 256GB ฿22,900

รุ่น Wi‑Fi + Cellular

  • 64GB ฿22,400
  • 256GB ฿27,400

อธิบายความแตกต่างของ iPad 2019 และ iPad Air 2019

หน้าจอ

ไอแพด ที่เพิ่งออกมาใหม่มีการขยับขนาดหน้าจอขึ้นมาจาก 9.7” เป็น 10.2” ใกล้เคียงกับทาง iPad Air ที่มีขนาด 10.5” ถ้าแค่นำเอาจอมาวางเทียบกับก็แทบจะไม่รู้สึกถึงขนาดที่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ถ้าได้ลองใช้เทียบกันดูสักพัก ก็จะรู้สึกได้ถึงสิ่งที่อยู่ใต้หน้าจอซึ่งต่างกันอย่างชัดเจน โดยส่วนหลักๆ 2 ส่วนที่ต่างกันคือ

  1. ความเที่ยงตรงของสีสัน : iPad Air มาพร้อมกับการแสดงผลแบบ truetone, จอภาพแบบ Full Lamination, กันแสงสะท้อน, ขอบเขตสี P3 ทั้งหมดนี้โดยสรุปคือหน้าจอสีสวยสมจริง แต่ตัว iPad 7th Gen ตัดพวกนี้ออกเกลี้ยง ซึ่งต้องเข้าใจก่อนว่ามันไม่แย่แบบพังพินาศ แต่สำหรับคนที่ต้องการความละเอียดของงานสูง ก็อาจจะไม่เหมาะซักเท่าไหร่เท่านั้นเอง
  2. การตอบสนอง : ถ้าใครซื้อไอแพดเพื่อใช้งานทั่วไป อาจจะไม่ได้รู้สึกเท่าไหร่นัก แต่เช่นเดิมว่าหากต้องการความละเอียดสูงๆ iPad Air จะตอบโจทย์เยอะกว่ามาก ยิ่งถ้าใช้ Apple Pencil เป็นหลักจะยิ่งรู้สึกได้ว่า iPad 7th Gen จะมีเส้นตามหัวปากกาที่ด้อยกว่า iPad Air อยู่เล็กน้อยครับ

วัสดุและการจับถือ

ไอแพด ทั้งสองตัวนี้ถ้าไม่ได้ลองจับตัวเครื่องดู อาจจะแยกกันไม่ค่อยออก ต้องสังเกตดูจากด้านข้างที่ความหนาของตัวเครื่องเป็นหลัก ซึ่งถ้าได้ลองจับตัวเครื่องเพียงชั่วครู่ก็จะบอกได้ทันทีว่าตัวไหนคือ iPad ตัวไหนคือ iPad Air ด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมา และความหนาที่ต่างกันแบบชัดเจนมาก โดยน้ำหนักทางตัวเลขอาจจะต่างกันเพียง 30 กรัม แต่เมื่อถือใช้งานจริง 30 กรัม ก็เป็นน้ำหนักที่ต่างกันเอาเรื่องใช้ได้อยู่เหมือนกันนะ ส่วนเรื่องความหนา เหตุที่มันจะอ้วนกว่าเยอะก็เกิดจากกระจกที่เป็นแบบ non-laminated เนี่ยแหละ ซึ่งกระจกแบบนี้มันก็มีข้อดีกว่านิดหน่อย ที่หากทำแตกแล้วมันจะเปลี่ยนได้ง่ายกว่า แต่ใครจะอยากซื้อมาทำแตกกันล่ะ หือ

ประสิทธิภาพ

ใช้งานอุปกรณ์ Apple เรื่องความลื่นไหลไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล แม้ว่า iPad 2019 จะใช้ชิป A10 Fusion เท่านั้น ถ้าลองจับลากถูก เปิดแอปทั่วไป จะไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่นัก แต่ถ้าต้องมีการโหลดเปิดแอปหนักๆ ไฟล์ใหญ่ๆ ที่ต้องการการประมวณผลที่สูง อันนี้ก็จะเห็นได้ชัดขึ้นมาก โดยตัว iPad Air ที่ใช้ A12 Bionic นี่แรงจัด ดีขึ้นกว่า A10 เยอะพอตัวอยู่เหมือนกัน

แบตเตอรี่และการชาร์จไฟ

อย่าให้ตัวเลขความจุแบตเตอรี่ที่มากกว่าหลอกเราได้ว่า ไอแพดรุ่นที่ 7 มีปริมาณที่เยอะกว่า iPad Air แล้วจะมีแบตที่อึดกว่า เพราะตามสเปคของมันแล้ว ทั้งคู่สามารถใช้งานได้ยาวนานพอกัน ด้วยฮาร์ดแวร์ด้านในของ iPad Air ที่มีประสิทธิภาพ และจัดการพลังงานได้ดีกว่า iPad 7th Gen นั่นเอง และส่วนที่ Apple ไม่ค่อยจะบอกก็คือตัว iPad Air รองรับการชาร์จเร็วกับเค้าด้วย โดยรับไฟได้มากกว่า 25W ซะอีก แต่หัวชาร์จที่แถมมาให้ในกล่องจะจ่ายไฟได้เพียง 10W เท่านั้น ถ้าใครอยากให้ iPad ชาร์จได้ไวขึ้นก็ต้องไปซื้อหัวชาร์จใหม่มา รวมถึงสายที่จะต้องเป็นหัว Type-C to Lightning เท่านั้น ถ้าเสียบต่อด้วยสายเดิม Type-A to Lightning จะไม่สามารถใช้งานชาร์จเร็วได้นะครับ

กล้องหน้าหลัง

แม้ว่ากล้องจะไม่ได้เป็นส่วนหลักที่หลายคนใช้ในการตัดสินใจซื้อไอแพด แต่ส่วนนึงที่ควรต้องรู้คือ iPad รุ่นที่ 7 มันจะมีกล้องหน้าที่ค่อนข้างล้าหลังเอาซะมากๆ เพียง 1.2 ล้านพิกเซลเท่านั้น เรียกว่ามีแบบเผื่อต้องใช้ Facetime หรือโทรคุยแบบ Video Call แต่จะไม่ได้เน้นคุณภาพมากเท่าไหร่นัก ซึ่งถ้าเป็นตัว iPad Air จะขยับขึ้นไปที่ 7 ล้านซึ่งจะเท่ากับมาตรฐานตัวอื่นๆแล้วนั่นเอง ส่วนกล้องหลัง 8 ล้านพิกเซลที่เท่ากันนั้น ก็จะใช้งานได้ดีแบบพอใช้ ถ้าเกิดว่าถือไอโฟนแม้จะไม่ใช่รุ่นใหม่มาก ก็ยังน่าเลือกใช้ถ่ายมากกว่ากล้องจาก iPad อยู่ดีนะ

หน่วยความจำ

นอกเหนือจากสเปคข้างต้นที่กล่าวมาแล้ว iPad Air ยังได้เปรียบ iPad ธรรมดาในเรื่องเรื่องหน่วยความจำเริ่มต้น ที่ให้มาเพียงพอกับการใช้งานมากกว่า ถ้าต้องการเก็บนั่นนี่​ โหลดแอปอะไรมาลงเยอะหน่อย บอกเลยว่าหน่วยความจำ 32GB นี่ไม่เพียงพอกับการใช้งานอย่างแน่นอน แนะนำว่าให้เพิ่มเป็น 128GB และจะดีกว่ามาก

ราคาไอแพด

รุ่น Wi‑Fi 32GB ฿10,900

รุ่น Wi‑Fi 128GB ฿13,900

รุ่น Wi‑Fi + Cellular 32GB ฿15,400

รุ่น Wi‑Fi + Cellular 128GB ฿18,400

ราคา iPad Air

รุ่น Wi‑Fi 64GB ฿17,900

รุ่น Wi‑Fi 256GB ฿22,900

รุ่น Wi‑Fi + Cellular 64GB ฿22,400

รุ่น Wi‑Fi + Cellular 256GB ฿27,400

อื่นๆ

ยังมีสเปคอื่นๆจุกจิกที่ไอแพดรุ่นที่ 7 นี้ถูกปรับลดลง ทำให้ด้อยกว่า iPad Air อยู่พอสมควร ทั้ง Bluetooth ที่ให้มาเพียงเวอร์ชั่น 4.2, ตัวอ่านลายนิ้วมือที่ยังใช้เป็นเวอร์ชั่นแรกอยู่ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อประหยัดต้นทุนเพื่อกดราคาของ iPad 7th Gen ลงไปให้ได้ถูกที่สุดเท่าที่จะทำได้นั่นเอง

สรุป มันก็แน่นอนอยู่แล้วว่า iPad Air ที่แพงกว่าต้องดีกว่า

มันคงเป็นไปไม่ได้ที่ iPad Air ซึ่งราคาสูงกว่าจะมีสเปคส่วนไหนที่ด้อยกว่า iPad ธรรมดา แต่สิ่งที่เราควรรู้ก็คือมันมีจุดไหนที่ต่างบ้าง และข้อจำกัดที่เกิดขึ้นของความแตกต่างนี้ และถ้าเราจะซื้อไป มันจะยังตอบโจทย์ความต้องการอยู่รึเปล่านั่นเอง โดยทาง Apple ได้วางไอแพดธรรมดาเอาไว้เป็นแท็บเลตเพื่อการศึกษา ให้พ่อแม่สามารถซื้อให้ลูกใช้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือใช้งานระหว่างเรียนได้อย่างเพียงพอ เมื่อเอาไปใช้คู่กับ Apple Pencil ก็สามารถจดบันทึกสิ่งที่ครูสอนได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร แต่สำหรับคนที่ต้องการใช้งานจริงจังขึ้น แน่นอนว่า iPad Air จะเป็นคำตอบที่กว่าอย่างแน่นอน ตามที่ได้บอกได้ทั้งหมดข้างต้นแล้วนั่นเองครับ

สรุป iPad Air ดีกว่า iPad Gen7 อย่างไร

สรุปเอาเฉพาะส่วนหลักๆแบบเข้าใจง่ายๆก็ตามนี้ครับ

  • หน้าจอสวยกว่า ตอบสนองดีกว่า
  • หน่วยประมวลผล CPU เร็วกว่า เปิดปิดแอปใช้งานได้คล่องตัว
  • แบตชาร์จไวได้
  • มีหน่วยความจำขนาดใหญ่กว่า
  • น้ำหนักเบา และเครื่องบางกว่า

จำเป็นต้องซื้อตัว Cellular (4G) + WiFi หรือไม่

ถ้าจ่ายราคาที่เพิ่มขึ้นมาไหว ทั้งค่าเครื่องและรายเดือนสำหรับอีกซิม แน่นอนว่าการที่เครื่องไอแพดมันรองรับ 4G ด้วยเลยเป็นเรื่องที่สะดวกกว่ามาก แต่ถ้าคิดว่าไม่จำเป็นหรือมีข้อจำกัดเรื่องการเงิน รุ่น WiFi Only ก็สามารถใช้งานได้แบบไม่ติดขัดอะไรอยู่นะ โดยเฉพาะคนที่ใช้มือถือเป็น iPhone อยู่แล้วยิ่งใช้งานสะดวกมาก เพราะแค่ sign-in ด้วย iCloud เอาไว้ การเชื่อมต่อของทั้งคู่ก็จะทำได้ง่ายและเร็วมาก ไม่ต้องมาคอยเปิดปิด WiFi ที่ตัว iPhone แต่อย่างใด อยากใช้งานไอแพดเมื่อไหร่ ก็เข้าไปที่ WiFi และเลือกเชื่อมต่อกับ iPhone เราได้เลยอย่างไว เลิกใช้ก็แค่ตัด WiFi ทิ้ง ตัว iPhone จะทำการเปิดปิดการแชร์เน็ตให้อัตโนมัติ ไม่ต้องหยิบมือถือเข้าออกเพื่อเปิดปิด ซึ่งจะต่างออกไปมากถ้าคุณใช้ Android เพราะต้องดึงออกมาจากกระเป๋า ปลดล็อค เลือกเปิด Hotspot กว่าจะเชื่อมต่อได้ก็จะเสียเวลามากกว่าเยอะ จะปิดก็ต้องทำแบบเดียวกันอีกครั้ง คือลำบากกว่าเยอะเลยนั่นเองครับ หากใครสนใจต้องการจะซื้อ iPad ผ่านช่องทางช้อปออนไลน์ สามารถเข้าไปดูได้ที่ https://www.bnn.in.th/apple/ipad.html เลยครับ มีบริการส่งฟรีทั่วประเทศ พร้อมประกันศูนย์ จาก iCare ทุกสาขาทั่วประเทศ