ในที่สุด DxOMark ก็ได้ปล่อยผลคะแนนการทดสอบกล้องของ iPhone 11 Pro Max ที่หลายๆ คนรอคอยออกมาซักที ซึ่งแน่นอนว่ามือถือสุดฮอตรุ่นนี้ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพกล้องเพื่อมาชนกับเหล่ามือถือกล้องเทพทั้งหลายในปัจจุบัน โดยคะแนนที่ออกมาก็เรียกว่าเข้าขั้นดีงามเลยทีเดียว เพราะทำได้ถึง 117 คะแนน ครองอันดับรองแชมป์ร่วมกับ Galaxy Note 10+ และ Note 10+ 5G ของ DxOMark ไปเรียบร้อย
iPhone 11 Pro Max นับว่ามีการพัฒนากล้องหลังที่ก้าวกระโดดจากรุ่นที่แล้วอย่าง iPhone XS Max พอประมาณเลยทีเดียว เพราะจากการทดสอบคราวที่แล้ว XS Max ทำไปได้ 106 คะแนน เท่านั้น แต่สำหรับ iPhone 11 Pro Max ทำไปได้ถึง 117 คะแนน แบ่งเป็นคะแนนถ่ายภาพนิ่ง 124 คะแนน และถ่ายวิดีโอ 102 คะแนน จากการเพิ่มกล้อง Ultrawide เข้ามาเป็นตัวที่ 3 (รุ่นที่แล้วมีแค่เลนส์หลักและเลนส์ Tele) แถมด้วยเทคโนโลยี Deep Fusion ที่ใช้ระบบ Machine Learning เข้ามาช่วยประมวลผลในการถ่ายภาพให้ดีขึ้นไปอีก
สเปคกล้อง iPhone 11 Pro Max
- กล้องหลัง 3 ตัว
- เลนส์หลักความละเอียด 12MP เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.55 นิ้ว, ระยะโฟกัส 26 มม., รูรับแสง f/1.8, PDAF, OIS
- เลนส์ Ultra-wide ความละเอียด 12MP, ระยะโฟกัส 13 มม., รูรับแสง f/2.4
- เลนส์ Tele ความละเอียด 12MP เซ็นเซอร์ขนาด 1/3.4 นิ้ว, ระยะโฟกัส 52มม. รูรับแสง f/2.0, PDAF, OIS
- แฟลช Quad-LED แบบ dual-tone
- บันทึกวิดีโอ 4K, 2160p/60fps (ค่า default เป็น 1080p/30fps)
จากการทดสอบกล้องโดย DxOMark ได้ผลสรุปโดยรวมว่า iPhone 11 Pro Max ให้คุณภาพของภาพถ่ายในระดับที่ดีมากในทุกด้าน ทั้งการให้แสงสีที่สมจริงในทุกสภาพแสง, ค่า Exposure ที่ทำได้ดี, Dynamic Range กว้างทั้งในสภาพแสงปกติและสภาพแสงน้อย แต่การถ่ายภาพโดยรวมในที่แสงน้อยยังสู้กับมือถือกล้องเทพที่มีเซ็นเซอร์ใหญ่กว่าอย่าง Huawei Mate 30 Pro หรือ Mi CC9 Pro Premium Edition ไม่ได้ และยังมีข้อติเล็กน้อยที่ภาพจะออกมาอมเขียวหน่อยๆ สำหรับการถ่ายภาพในที่ร่ม
ถ่ายกลางแจ้ง
ถ่ายในที่ร่ม
เทคโนโลยี Deep Fusion ช่วยปรับปรุงการให้รายละเอียดของภาพถ่ายที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดของผิว อย่างเช่น กระบนใบหน้า, เส้นขนของสัตว์, ใบไม้ ฯลฯ ซึ่งเหมาะมากกับคนที่ชอบถ่ายภาพแบบ Portrait หรือ Landscape และถึงแม้ว่าการถ่ายภาพในที่แสงน้อยจะยังสู้มือถือกล้องเทพอันดับ 1 ที่มีเซ็นเซอร์ใหญ่กว่าได้ แต่เรื่องการจัดการ Noise ก็ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่า iPhone XS Max ขึ้นมาเยอะเลย
การถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ถือว่าทำได้ดีจากการจัดการ Noise บนวัตถุและพื้นหลัง แต่ก็ยังไม่ถือว่าโดดเด่นไปกว่ามือถือระดับท็อปรุ่นอื่นๆ เพราะยังมีการวัดความลึกของพื้นหลังและการตัดขอบวัตถุที่เพี้ยนๆ ไปบ้าง
iPhone 11 Pro Max ยังคงมากับเลนส์ซูม 2x เหมือนรุ่นก่อนหน้า แต่ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพของภาพซูม ทำให้การซูมในระยะใกล้มีคุณภาพที่ดีขึ้นมาก แต่ในการซูมระยะไกลยังแพ้เหล่าคู่แข่งที่มีเลนส์ซูมโหดๆ อย่าง Mate 30 Pro และ P30 Pro อยู่ เพราะเมื่อซูมแล้วภาพจะเสียรายละเอียดไปค่อนข้างมาก แถมยังมี Noise เยอะอีกด้วย
iPhone 11 Pro Max / Mate 30 Pro / Note 10+ 5G
เลนส์ Ultra-Wide ของ iPhone 11 Pro Max เป็นหนึ่งในมือถือที่ให้มุมมองภาพได้กว้างมาก มีสีและ Dynamic Range ที่ดี แต่มีข้อติคือ Noise ค่อนข้างเยอะ และขอบภาพยังมีความบิดเบี้ยวของเลนส์อยู่
การถ่ายภาพในที่มืดด้วย Night Mode ถือว่าเป็นหนึ่งในมือถือที่ทำออกมาได้ดีรุ่นนึงเลย ไม่ว่าจะถ่ายแบบใช้แฟลชหรือไม่ใช้ก็ตาม
Night Mode
สำหรับการถ่ายวิดีโอ iPhone ยังคงไว้ใจได้ ด้วยคะแนนถึง 102 คะแนน ที่นับว่ามากที่สุดแล้วสำหรับมือถือทุกรุ่นที่ทดสอบมา (Mi CC9 Pro Premium Edition เป็นอีก 1 รุ่น ที่ได้คะแนนเท่ากัน) โดย DxOMark ถึงกับต้องชมว่า iPhone 11 Pro Max เป็นมือถือที่ถ่ายวิดีโอได้ดีที่สุดรุ่นนึงในตอนนี้ โดยเฉพาะการถ่ายที่ความละเอียด 4K ซึ่งให้แสงและสีที่เป็นธรรมชาติแทบจะระดับเดียวกับการถ่ายภาพนิ่ง แถมยังเป็นมือถือไม่กี่รุ่นที่สามารถถ่ายวิดีโอแบบ HDR ได้ด้วย แต่มีข้อตินิดนึงตรงการถ่ายในที่ร่มที่ White Balance จะเพี้ยนๆ ไปหน่อย และจะยิ่งเห็นชัดในสภาวะแสงน้อย
สรุปแล้ว iPhone 11 Pro Max นับได้ว่าเป็นมือถือกล้องเทพอีกหนึ่งรุ่นในตลาดตอนนี้ เพราะครบเครื่องทั้งการถ่ายภาพนิ่งที่ดีในแทบจะทุกด้านและยังคงคุณภาพในการถ่ายวิดีโดเอาไว้ได้ในระดับสุดยอดอีกเช่นเคย ทำให้มือถือรุ่นนี้ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 2 ของชาร์จ DxOMark ร่วมกับ Galaxy Note 10+ และ Note 10+ 5G เป็นรองเพียงแค่ Huawei Mate 30 Pro และ Mi CC9 Pro Premium Edition อยู่ไม่กี่คะแนนเท่านั้น
ที่มา : DxOMark
รูปสวยดีครับ 🙂 🙂
เพิ่งสอยมา ถ่ายอาหารออกมา แดงแป๊ดดดด เลย