DXOMARK ได้ทดสอบประสิทธิภาพกล้องของ iPhone 12 Max ไปแล้ว โดยให้คะแนนอยู่ที่ 128 คะแนน และล่าสุดก็ถึงคิวของรุ่นพี่ใหญ่อย่าง iPhone 12 Pro Max กันบ้าง ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นระดับท็อปของซีรีส์ ก็ต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว โดยสามารถทำคะแนนได้มากกว่าที่ 130 คะแนน ซึ่งนับเป็นอันดับ 4 ของมือถือกล้องเทพในเว็บไซต์ DXOMARK ตามหลัง Huawei P40 Pro, Mi 10 Ultra และ Mate 40 Pro อยู่ไม่มากนัก
iPhone 12 Pro Max มีกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลักเซ็นเซอร์ความละเอียด 12MP ที่มีขนาดพิกเซลอยู่ที่ 1.7 ไมครอน (ใหญ่กว่า iPhone 12 Pro ที่ขนาด 1.4 ไมครอน) มีระบบกันสั่นที่ตัวเซ็นเซอร์ Sensor shift OIS ที่ใช้โดยตรงกับตัวเซ็นเซอร์กล้อง (มือถือส่วนใหญ่จะใช้ระบบกันสั่นกับตัวเลนส์) เลนส์ Telephoto 2.5x ที่ให้ระยะซูมไกลกว่า iPhone 12 Pro นิดหน่อย บวกกับเซ็นเซอร์ LiDAR สำหรับวัดความลึกเพื่อใช้ในการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ หรือ Portrait Mode ได้เนียนกว่า
สเปคกล้อง iPhone 12 Pro Max
- กล้องหลักความละเอียด 12MP, พิกเซลขนาด 1.7 ไมครอน, ความยาวโฟกัส 26 มม., รูรับแสง f/1.6, ระบบกันสั่นที่ตัวเซ็นเซอร์ Sensor shift OIS, PDAF
- กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 12MP, เซ็นเซอร์ขนาด 1/3.6 นิ้ว, ความยาวโฟกัส 13 มม., รูรับแสง f/2.4
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 12MP, เซ็นเซอร์ขนาด 1/3.4 นิ้ว , ความยาวโฟกัส 65 มม., รูรับแสง f/2.2, PDAF, OIS
- เซ็นเซอร์ LiDAR
- แฟลช LED
- ถ่ายวิดีโอ 4K Dolby Vision HDR 24/30/60fps (แต่ทดสอบที่ 2160p/30 fps)
DXOMARK ให้คะแนน iPhone 12 Pro Max แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือการถ่ายภาพนิ่งได้ 138 คะแนน และการถ่ายวิดีโอ 113 คะแนน สรุปออกมาเป็นคะแนนรวมอยู่ที่ 130 คะแนน สูงกว่ารุ่นน้อง iPhone 12 Pro ที่ได้ 128 คะแนนอยู่นิดหน่อย
การถ่ายภาพนิ่ง
จากการทดสอบพบว่า iPhone 12 Pro Max มีค่า Exposure ที่ค่อนข้างแม่นยำแม้จะถ่ายในสภาพแสงน้อยมากๆ ก็ตาม โดยเฉพาะกับการถ่ายภาพแบบ Portrait ยิ่งทำคะแนนในส่วนนี้ได้ดีเข้าไปอีก แต่จะถูกหักคะแนนไปเล็กน้อยกับค่า Dynamic Range ที่ยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรเวลาถ่าย Scene ที่มีทั้งบริเวณแสงจ้าและบริเวณเงามืดอยู่ในเฟรมเดียวกัน
ส่วนการถ่ายภาพในสภาพแสงปกติพบว่าให้สีที่ค่อนข้างสดใส และยิ่งการถ่ายภาพในอาคารที่มีแสงโทนอุ่น ภาพจะออกมาสวยงามทั้งรายละเอียดที่ครบครันและสีสันที่สดใสสมจริง
ระบบ Autofocus ของ iPhone 12 Pro Max มีความรวดเร็วและแม่นยำ จนกลายเป็นกล้องมือถือที่ได้คะแนนในส่วน Autofocus ไปได้มากที่สุดในปัจจุบัน ส่วนการถ่ายภาพแบบกลุ่มก็สามารถโฟกัสใบหน้าของทุกคนได้อย่างแม่นยำไม่มีหลุด
การถ่ายภาพ Portrait ที่ใช้เซ็นเซอร์ LiDAR ช่วยในการจับความลึก สามารถถ่ายออกมาได้ในระดับดีมาก ไม่ว่าจะเป็นการตัดขอบวัตถุกับฉากหลัง และการเบลอฉากหลังได้อย่างเนียนเป็นธรรมชาติ แต่ก็ไม่ได้เนียนจนถึงขนาดกล้อง DSLR เพราะยังคงมี Artifact เล็กน้อยๆ บริเวณเส้นผมอยู่บ้าง
Artifact ที่เกิดขึ้นบริเวณผม
ระบบซูมที่ใช้การผสมผสานระหว่างเลนส์หลัก (Wide) และเลนส์ Telephoto มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่า iPhone รุ่นก่อนๆ แต่ยังตามหลังมือถือเรือธงคู่แข่งรุ่นอื่นๆ อยู่บ้าง โดยให้คุณภาพที่ดีสำหรับการซูมระยะกลางๆ แต่สำหรับการซูมระยะไกลยังทำได้ไม่ดีนัก
การถ่ายภาพในที่มืดทำได้ดีขึ้นจาก iPhone 11 Pro Max โดยถ่ายออกมามี Dynamic rabge ที่ค่อนข้างกว้าง รายละเอียดครบ ให้แสงสวย และจัดการกับ Noise ได้ดี
การถ่ายวิดีโอ
การถ่ายวิดีโอของ iPhone 12 Pro Max ได้คะแนนอยู่ในอันดับ 2 (113 คะแนน) ของมือถือทั้งหมดในปัจจุบัน จะเป็นรองก็แค่ Huawei Mate 40 (116 คะแนน) เท่านั้น โดยมือถือรุ่นนี้ได้เพิ่มฟีเจอร์การถ่ายวิดีโอแบบ Dolby Vision HDR เข้ามา ทำให้ภาพมีค่า Dynamic Range ที่สูงมาก แถมยังให้โทนสีที่สบายตาอีกด้วย
รายละเอียดพื้นผิวและการควบคุม Noise ทำได้ดีในทุกสภาพแสง ระบบ Autofocus มีความรวดเร็วและแม่นยำแม้จะมีการเปลี่ยนระยะของวัตถุ ส่วนระบบกันสั่นก็ทำได้ดีมากไม่ว่าจะเป็นตอนเดินถ่าย หรือแพนกล้องด้วยมือเปล่า
ก็เรียกว่า iPhone 12 Pro Max ยังคงความเทพของกล้องเอาไว้ได้ดีเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพนิ่ง และการถ่ายวิดีโอ สำหรับแฟนๆ iPhone ในบ้านเราที่เล็งๆ มือถือรุ่นนี้อยู่ก็เตรียมตัวกันได้เลย เพราะว่ากำลังจะพร้อมให้เป็นเจ้าของกันได้ในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้แล้วครับ
ที่มา : DXOMARK
Comment