จริง ๆ แล้ว iPhone 14 Series ในปีนี้ไม่ได้มีการเพิ่มราคาขึ้นมาจากรุ่นก่อนเลย เมื่อเทียบราคาในสหรัฐฯ แต่ที่ในไทยมีราคาสูงขึ้นก็เพราะว่าค่าเงินไทยอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์นั่นเองครับ และเมื่อแกะดูภายในตัวเครื่อง iPhone 14 Series ก็สังเกตได้ว่า ชิ้นส่วนที่ใช้ในประกอบตัวเครื่องมีราคาสูงขึ้นมาราว ๆ 20% เมื่อเทียบกับ iPhone 13 Series แปลว่าแอปเปิลยอมแบกรับต้นทุนไว้เองเยอะมาก ๆจากการลองแกะดูชิ้นส่วนภายใน iPhone 14 Series ที่แม้ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนอะไรมากนัก แต่ก็จะเห็นว่าแต่ละชิ้นมีราคาสูงขึ้นไปมาก ดูอย่าง iPhone 14 Pro Max ตัวท็อปสุดมีราคาต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 501 ดอลลาร์ต่อเครื่อง ต่างจากเท่าที่ผ่านมาที่รุ่น Pro Max จะมีต้นทุนอยู่ที่ 400 – 450 ดอลลาร์ แปลว่ามีต้นทุนในการผลิตเพิ่มมากขึ้นมาราว ๆ 60 ดอลลาร์ได้ในปีนี้ ทำให้รุ่น iPhone 14 Pro Max เป็นไอโฟนที่มีต้นทุนการผลิตแพงที่สุดในรอบ 4 ปี

โดยในสหรัฐฯ iPhone 14 Pro Max มีราคาขายอยู่ที่ 1,099 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาเดียวกันกับตอนที่เปิดตัว iPhone XS Max ไปเมื่อปี 2018 ซึ่งการที่ต้นทุนสูงแต่ยังสามารถตรึงราคาไว้ได้อย่างนี้ ก็เพราะว่า Apple เป็นผู้แบกรับต้นทุนการผลิตเอาไว้ ไม่ให้ภาระตกไปอยู่กับผู้บริโภคนั่นเอง

และเมื่อเจาะลึกมาดูกันจริง ๆ จะรู้ว่าราคาชิ้นส่วนที่สูงขึ้นมาที่สุด คือตัวชิปประมวลผล A16 Bionic ตัวใหม่ในรุ่น iPhone 14 Pro และ Pro Max ที่มีราคาอยู่ที่ 110 ดอลลาร์ แพงขึ้นกว่าชิป A15 ของปีที่แล้วราว 2.5 เท่า

แถมชิ้นส่วนกล้องก็ใช้ตัวใหม่เป็นเซนเซอร์ CMOS ของ Sony ซึ่งนอกกว่าจะมีขนาดใหญ่ขึ้น 30% แล้ว ยังมีราคาแพงขึ้น 50% ที่ 15 ดอลลาร์ต่อชิ้นด้วย

หากมองในภาพรวม ก็จะพบว่า Apple จัดซื้อชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิต iPhone 14 Series จากในสหรัฐฯ เองมากที่สุด เพิ่มมาจากปีที่แล้วถึง 10% นับเป็น 32.4% ของต้นทุนชิ้นส่วนทั้งหมด และลดการสั่งซื้อชิ้นส่วนจากเกาหลีลงไปเหลือเพียง 24.8% ในปีนี้ ทั้งที่เคยเป็นประเทศที่เคยส่งมอบชิ้นส่วนมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในปีที่แล้วนอกจากนี้ Apple ยังพยายามหลีกเลี่ยงการพึ่งพาการผลิตในประเทศจีนแต่อย่างเดียว โดยการหันไปสร้างฐานการผลิตใหม่ในประเทศอื่นอย่างอินเดีย และประเทศในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อตอบรับสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่ยังไม่จบไม่สิ้นซะทีด้วย

Apple เริ่มผลิต iPhone 14 ในอินเดียแล้ว หลังเปิดตัวไม่กี่สัปดาห์ หวังลดการพึ่งพาจีน

เรื่องนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความฉลาดของ Apple ที่ตั้งสินค้าตัวเองให้เป็นแบรนด์พรีเมี่ยม ขายราคาสูงเอาไว้ ทำให้มีพื้นที่ราคาไว้รองรับเผื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจแบบนี้ขึ้น ซึ่งต่างกับมือถือแบรนด์อื่น ๆ อีกหลายรายที่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจส่งผลกับราคาสินค้าโดยตรง ทำให้ช่วงนี้เราเห็นราคามือถือหลายเจ้าขึ้นกันรัว  ๆ ทั้งที่สเปคก็ไม่ได้พิเศษพิโสอะไรมากมายครับ

 

ที่มา : nikkei, iFixit