ใครที่ได้ใช้ iPhone 15 Pro Series ในช่วงล็อตแรกก่อนใคร คงจะได้เจอปัญหาตัวเครื่องร้อนกันมาบ้างแล้ว ซึ่งปัญหาหลัก ๆ แล้วอยู่ที่ตัวชิปประมวลผลรุ่นใหม่อย่าง Apple A17 Pro ที่แรงจนคุมความร้อนไม่อยู่ ทำ Performance ดิ่งลง 25% ภายใน 2 นาทีเลยเดีเดียว ล่าสุดนักวิเคราะห์ขาประจำอย่าง Ming Chi Kuo ได้ออกมาเผยแนวทางแก้ปัญหาของ Apple แล้ว
Ming Chi Kuo เผยว่าสาเหตุที่ตัวชิปเซ็ตประมวลผลของ Apple A17 Pro ทำให้เครื่องร้อนแรงถึงขนาดนี้ สาเหตุหลัก ๆ เป็นเพราะ iPhone 15 Pro Series ใส่พื้นที่ระบายความร้อนที่เล็กกว่าในรุ่นก่อน การจัดวางฮาร์ดแวร์ภายในที่มีการเรียงเมนบอร์ดเป็น 2 ชั้นทำให้ตัวเครื่องอมความร้อนค่อนข้างสูง รวมถึงตัวขอบเฟรมไทเทเนียมที่ถึงแม้ว่าจะทำให้น้ำหนักเบากว่าเดิม แต่การระบายความร้อนนั้นอาจทำได้ไม่ดีสักเท่าไหร่
นอกจากนี้ยังเคยมีข่าวในระหว่างการผลิตว่า TSMC ที่รับผลิตชิป 3nm ให้ Apple ผลิตตัวชิปในอัตราการผลิตสำเร็จ (Yield Rate) ได้ค่อนข้างต่ำ จนทำให้ Apple ต้องลดมาตรฐานการผลิตชิปเซ็ตลงเพื่อให้มีชิปที่เพียงพอต่อการใช้งาน ทำให้ประสิทธิภาพของตัวชิปต่างจากรุ่นก่อนไม่มาก Apple จึงได้เพิ่มกำลังวัตต์ตัวชิปให้สูงขึ้นกว่าเดิม ซึ่งถึงแม้ว่าจะได้ประสิทธิภาพที่แรงขึ้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการใช้พลังงานที่มากกว่าเดิม และอุณหภูมิที่สูงขึ้นกว่าเดิมด้วย
- ชิป Apple A17 Pro บน iPhone 15 Pro Series เจอปัญหาเรื่องความร้อน Performace ดิ่ง 25% หลังใช้งานได้ 2 นาที
- ร้านตัวแทนจำหน่าย iPhone 15 ในจีนเตือน เลี่ยงใช้สายชาร์จ Android กับเพราะอาจเกิดปัญหาความร้อนสูง
- Hands-on | ลองจับเครื่องจริง iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ขอบไทเทเนียม เป็นรอยง่ายจริงไหม น้ำหนักเบาขึ้นเยอะหรือเปล่า
เบื้องต้น Apple ก็มีแผนที่จะแก้ไขปัญหาความร้อนของตัวเครื่องผ่านการอัปเดตซอฟต์แวร์ แต่อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ก็ได้บอกว่า การอัปเกรดซอฟต์แวร์ก็อาจไม่ได้ช่วยสักเท่าไหร่ หากจะทำให้ความร้อนของตัวเครื่องลดลงแบบเห็นได้ชัด Apple จำเป็นต้องลดความเร็วของชิปเซ็ต ซึ่งเมื่อทำการปรับลดแล้ว ประสิทธิภาพก็อาจไม่ต่างจากชิปรุ่นก่อนอย่าง Apple A16 Bionic เลยก็ได้
ทั้งนี้ถึงแม้ว่าความต้องการของ iPhone 15 Pro Series จะสูงมาก ๆ จนของหมดไปหลายที่ แต่ถ้า Apple ไม่สามารถทำให้ปัญหาเรื่องการความร้อนหายไป รวมถึงแก้ไขปัญหาเรื่องรอยขีดข่วนหรือ Cosmetic Defect ที่หลาย ๆ คนเจอตอนแกะกล่อง ก็อาจจะส่งผลต่อยอดขายในช่วงหลังได้ เพราะผู้ใช้งานหลาย ๆ ฝ่ายก็มีข้อกังวลเรื่องความคงทนของตัวเครื่องอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ที่มา: PhoneArena
Comment