iPhone 15 ทุกรุ่น มาพร้อมพอร์ต USB-C ใหม่ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของสินค้ากลุ่ม iPhone ที่ใช้พอร์ต Lightning มานานถึง 11 ปี การเปลี่ยนแปลงนี้ได้ปลดล็อกการเชื่อมต่อและคุณสมบัติใหม่ ๆ ให้ iPhone 15 หลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ ความสามารถในการเชื่อมต่อกับมอนิเตอร์หรือทีวี ความละเอียดสูงสุด 4K ทว่า สาย USB-C ที่แถมมาในกล่องนั้นไม่รองรับ หากอยากใช้งานต้องซื้อสายแยกเองต่างหาก
เดิมที พอร์ต Lightning สามารถเชื่อมต่อกับมอนิเตอร์หรือทีวีได้อยู่แล้ว แต่มีข้อจำกัดหลายอย่าง ทั้งความละเอียดสูงสุด 1080p อัตราเฟรมสูงสุด 30 เฟรมต่อวินาที และจำเป็นต้องใช้หัวแปลง Digital AV ซึ่งต้องต่อพ่วงกับสาย HDMI อีกทอดหนึ่ง สร้างความรู้สึกเกะกะพะรุงพะรังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และตัวอะแดปเตอร์นี้ยังเข้ากันไม่ได้กับอุปกรณ์ค่ายอื่น เพราะปลายสายเป็น Lightning ซื้อมาแล้วใช้งานได้เฉพาะ iPhone หรือ iPad รุ่นเก่าเท่านั้น
แต่พอ Apple อัปเกรดมาเป็น USB-C ทุกอย่างจึงง่ายกว่าเดิมมาก พอร์ตของ iPhone 15 ทุกรุ่น รองรับ video out ในตัว เชื่อมต่อมอนิเตอร์หรือทีวีได้แบบเนทีฟผ่านโปรโตคอล DisplayPort ที่ทั่วโลกใช้งานกันเป็นสากล ซึ่งมอนิเตอร์รุ่นใหม่ ๆ จะมี USB-C มาให้เกือบทั้งหมดแล้ว (ยกเว้นมอนิเตอร์กลุ่มราคาประหยัด ที่อาจยังไม่ใส่มา) สามารถใช้เพียงสายเส้นเดียวส่งภาพขึ้นจอพร้อมชาร์จแบตไปด้วยได้ทันที ได้ความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที รวมถึงสามารถแสดงผลในโหมด HDR ได้ หากมอนิเตอร์หรือทีวีรุ่นนั้น ๆ รองรับ
อย่างไรก็ดี ประเด็นสำคัญที่ควรทราบคือ Apple ระบุว่า โปรโตคอล DisplayPort สำหรับมอนิเตอร์ความละเอียดสูง ต้องเชื่อมต่อผ่านสาย USB-C แบบ USB 3.1 หรือสูงกว่า แต่สาย USB-C ที่ Apple แถมมาในกล่องทั้งในรุ่น iPhone 15 และ iPhone 15 Pro เป็นแบบ USB 2.0 ทั้งคู่ ทำให้ไม่รองรับการใช้งานดังกล่าว
ทาง Apple แนะนำว่า ให้ซื้อสาย Thunderbolt 4 Pro ในราคาเริ่มต้น 2,490 บาท เพื่อเชื่อมต่อ iPhone 15 กับมอนิเตอร์ 4K นอกจากนี้ หากเป็น iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ยังได้ประโยชน์เพิ่มเติมในแง่ของการโอนถ่ายข้อมูลเต็มสปีด ที่ความเร็วสูงสุด 10 Gbps ด้วย (สายแถมจำกัดความเร็วที่ 480 Mbps) ส่วนกรณีเชื่อมต่อ iPhone 15 กับทีวีที่ไม่มีพอร์ต USB-C ต้องซื้อเป็นอะแดปเตอร์ Digital AV แทน ในราคา 2,290 บาท
*อนึ่ง สาย USB-C ทั่วไปที่รองรับ USB 3.1 หรือสูงกว่า ก็สามารถใช้งานได้ ไม่จำเป็นต้องซื้อสาย Thunderbolt 4 Pro ของ Apple เพียงอย่างเดียว
รักษ์โลภสมเป็นแอปเปิ้ล แต่สาวกก็ยังตามอวยตามซื้อกันต่อไปแม้จะแพง แม้จะการตลาดเอาเปรียบผู้บริโภคแค่ไหนก็ตาม ถ้าวันนึงผู้บริโภคทั้งโลกพร้อมใจกันเลิกซื้อ เอาให้ยอดขายต่ำเตี้ยเรี่ยดินไปเลย วันนั้นแอปเปิ้ลคงได้รู้ แต่คิดว่าคงไม่มีวันนั้น ไม่มีใครรู้ว่าถ้าสตีฟ จ๊อบส์ ยังอยู่ จะรู้สึกยังไงกับแอปเปิ้ลในวันนี้ แต่ถ้าพิจารณาจากนิสัยและแนวคิดของจ๊อบส์ ที่มีความเป็นศิลปินและเป็นเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ เขาอยากทำผลิตภัณฑ์ที่สวยงาม ออกแบบมาอย่างดี มาสเตอรืพีซ ขายแพงจริงแต่โดดเด่นและ "ดีที่สุด" พอมาเจอกับของที่แหว่ง ไอ้นั่นไอ้นี่ไม่ครบ ขาดตรงนี้ ขาดตรงนั้น อยากได้ก็ต้องซื้อเพิ่มนะ เสียเงินหลายๆ รอบนะ เขาคงไม่ชอบแน่ เพราะสินค้าของเขา มันไม่ใช่ดีที่สุด มันแค่ "แพงที่สุด" เท่านั้นเอง
.
ศิลปินจริง จะมองที่คุณค่า แนวคิด และความสุนทรีย์
แต่นักธุรกิจจะเห็นแค่ "เงิน" เป็นหลักเท่านั้น