ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา Apple ได้เริ่มทดสอบกล้องหลากหลายดีไซน์สำหรับ iPhone 16 Series ที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2024 นี้ และจากที่เคยหลุดออกมาทั้งหมด 3 ดีไซน์ Apple ได้เปลี่ยนดีไซน์ใหม่อีกรอบเป็นกล้องคู่แคปซูล ที่มีฐานโมดูลกระจกที่มีขนาดเล็กลง นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดเรื่องฟีเจอร์ปุ่มใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในทุก ๆ รุ่นของ iPhone 16 Series ด้วย

iPhone 16 เริ่มทดสอบดีไซน์กล้องใหม่

Majin Bu นักปล่อยข่าวหลุดได้ออกมาเผยว่า Apple ได้เริ่มทดสอบกล้อง iPhone 16 ดีไซน์ใหม่ ที่เป็นการผสมผสานระหว่าง iPhone X และ iPhone 11 Series โดยจะมาในรูปแบบแคปซูลแนวตั้ง แต่จะแยกชิ้นเลนส์ออกมาเป็น 2 เลนส์นูนออกมาจากฐานโมดูล พร้อมปรับกระจกฐานรองเป็นรูปทรงแคปซูลให้ล้อไปกับรูปทรงของตัวกล้อง และจะแยกไฟแฟลช LED ออกจากฐานโมดูลด้วย

โดยเหตุผลที่ทาง Apple ตัดสินใจเปลี่ยนดีไซน์กล้องกลับมาเป็นแนวตั้งเหมือนเดิมเป็นเพราะ Apple ต้องการจะเพิ่มฟีเจอร์อัดวิดีโอ 3 มิติ Spatial Video ให้กับทั้ง iPhone 16 และ iPhone 16 Plus ซึ่งหากจัดเรียงเป็นแนวทแยงมุมเหมือนเดิมจะไม่สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้ ดังนั้นในรุ่นปัจจุบันฟีเจอร์ดังกล่าวจึงจำกัดให้เฉพาะ iPhone 15 Pro Series เท่านั้น

iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Series จะได้ปุ่มใหม่ Capture Button

นอกจากจะมีการปรับดีไซน์กล้องในตัวเครื่องรุ่นใหม่แล้ว iPhone 16 Series ยังมาพร้อมกับปุ่ม Action Button และ Capture Button ทุกรุ่น โดยปุ่ม Capture Button จะเป็นปุ่มที่เพิ่มมาเพื่อฟีเจอร์กล้องโดยเฉพาะ และอาจจะเป็นปุ่มแบบ Pressure-Sensitive ตอบสนองได้ตามแรงกดของผู้ใช้งาน

โดยฟีเจอร์ที่มาพร้อมกับปุ่มถ่ายภาพ Capture Button นั้นเรียกได้ว่าทำได้คล้าย ๆ กล้อง DSLR เลย ตัวปุ่มจะรองรับแรงกดได้หลายระดับ หากกดเบา ๆ ก็จะเป็นการโฟกัสที่วัตถุ และปรับค่า Exposure ในขณะถ่ายภาพ หากกดแรงก็จะเป็นการกดชัตเตอร์ถ่ายภาพ นอกจากนี้ตัวปุ่มยังรองรับการเลื่อนที่ตัวปุ่มเพื่อสั่งการ สามารถปัดไปทางซ้าย หรือทางขวาเพื่อทำการซูมเข้า / ออกได้ด้วย

ส่วนตำแหน่งของปุ่มใหม่จะอยู่ที่ด้านขวาล่างของตัวเครื่อง โดยจะมาแทนที่ตำแหน่งเสาสัญญาณ mmWave ในรุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ข่าวหลุดทั้งหมด ยังเป็นเพียงแค่ข่าวของรุ่นต้นแบบ ก่อนที่จะผลิตจริง ซึ่งดีไซน์นี้ท้ายที่สุดแล้วอาจจะยังไม่ถูกเคาะจาก Apple เพื่อผลิตก่อนขายจริง และในช่วงกลางปี 2024 น่าจะได้ข้อมูลที่มีความแน่นอนมากกว่านี้

ที่มา: Majin Bu (X/Twitter), MacRumors