โค้งสุดท้ายก่อนงานเปิดตัว iPhone 16 และ iPhone 16 Pro ของแอปเปิลจะมาถึงในเดือนหน้า ตอนนี้ข่าวลือข่าวหลุดต่าง ๆ เริ่มนิ่ง และเป็นไปในทิศทางเดียวกันแทบทั้งหมดแล้ว ทำให้เราพอจะมองเห็นภาพกว้าง ๆ ว่าในรุ่นนี้มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างไรบ้าง – สำหรับใครที่ไม่ได้ติดตามข่าวในช่วงก่อนหน้านี้ หรือเคยติดตามแต่ขาดช่วงไป ก็ไม่เป็นไร ทาง DroidSans รวบรวมข้อมูลในประเด็นสำคัญมาสรุปให้แล้วในบทความนี้

สรุปฉบับย่อ

ภาพรวม iPhone 16 ทั้งซีรีส์เปลี่ยนไม่มาก เหตุผลคงเป็นเพราะแอปเปิลวาง Apple Intelligence ไว้เป็นจุดขาย สะท้อนให้เห็นผ่านการเพิ่มแรมขั้นต่ำเป็น 8GB และปรับปรุงคุณภาพไมโครโฟนขนานใหญ่ เพื่อให้ Siri ที่เป็นศูนย์กลางของ AI รับคำสั่งเสียงได้ดีขึ้น

ทว่า เทคโนโลยี AI ของแอปเปิลยังตามหลังคู่แข่งอยู่พอสมควร ประกอบกับสถานการณ์ของ Apple Intelligence ที่ยังดูงง ๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกนัก หากครั้งนี้แอปเปิลจะจำใจเบนเข็มไปโฟกัสกับ AI หาใช่ฮาร์ดแวร์

  • ดูข้อมูลสเปค >> iPhone 16 และ iPhone 16 Pro เพิ่มเติม และสั่งซื้อล่วงหน้าได้ตั้งแต่เวลา 19.00 น. วันที่ 13 ก.ย. 67 เป็นต้นไป

iPhone 16 และ iPhone 16 Plus

  • จอ 6.1 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว
  • ขอบจอบางลง
  • ชิป A18 Bionic
  • แรม 8GB
  • มีปุ่ม Capture Button เพิ่มมา
  • มีปุ่ม Action Button เพิ่มมา
  • ยกเครื่องไมโครโฟน
  • ปรับดีไซน์ วางกล้องหลังแนวตั้ง
  • กล้องหลักไม่เปลี่ยน
  • กล้องอัลตราไวด์ถ่ายมาโครได้
  • รองรับ Apple Intelligence แล้ว

iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max

  • จอ 6.3 นิ้ว และ 6.9 นิ้ว (ใหญ่กว่าเดิมรุ่นละ 0.2 นิ้ว)
  • ขอบจอบางลง
  • สัดส่วนจอยาวขึ้นเป็น 19.6:9
  • ชิป A18 Pro
  • แรม 8GB หรือสูงกว่า
  • มีปุ่ม Capture Button เพิ่มมา
  • ยกเครื่องไมโครโฟน
  • ใส่ระบบระบายความร้อนภายใน
  • กล้องหลักไม่เปลี่ยน
  • กล้องอัลตราไวด์อัปเกรดเป็น 48MP
  • กล้องเทเล 5x เท่ากันทั้งสองรุ่น
  • สีใหม่คือ สีบรอนซ์

(เนื้อหาฉบับเต็ม อ่านต่อด้านล่าง)


รุ่นโปรได้จอใหญ่ขึ้น

แอปเปิลจะขยายหน้าจอ iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max เป็น 6.3 นิ้ว และ 6.9 นิ้ว ตามลำดับ (เดิม 6.1 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว) หลัก ๆ จะเป็นการเพิ่มความยาว ในขณะที่ความกว้างไม่ค่อยต่าง ดังนั้น สัดส่วนหน้าจอจึงมีการเปลี่ยนตาม จาก 19.5:9 ที่ลากยาวมาเกือบ 7 ปี กลายเป็น 19.6:9

ส่วน iPhone 16 และ iPhone 16 Plus รุ่นมาตรฐาน ได้จอไซซ์ 6.1 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว เท่ากับรุ่นที่แล้ว พร้อมขอบที่บางลง หลังเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยี Border Reduction Structure (BRS) ในการผลิต

รุ่นมาตรฐานปรับดีไซน์เล็กน้อย

iPhone 16 และ iPhone 16 Plus ปรับการวางกล้องหลังกลับเป็นแนวตั้งอีกครั้ง เหมือนสมัย iPhone 11 คาดว่าแอปเปิลทำมาเพื่อให้รองรับการถ่าย Spatial video หรือวิดีโอสามมิติ สำหรับนำไปแสดงผลบน Apple Vision Pro ในขณะเดียวกัน ส่วนฐานของกล้องในสองรุ่นนี้ก็มีขนาดเล็กลงมาก จาก ‘เกาะสี่เหลี่ยมจัตุรัส’ หดเหลือแค่ ‘รูปแคปซูล’ แล้ว

ภาพจาก Sonny Dickson

ของใหม่อีกอย่างที่จะมาใน iPhone 16 และ iPhone 16 Plus คือ ปุ่ม Action Button ที่รอบก่อนแอปเปิลสงวนไว้เฉพาะรุ่นโปร

เพิ่มปุ่มชัตเตอร์ Capture Button

ปุ่ม Action Button (บน) ; ปุ่ม Capture Button (ล่าง)

iPhone 16 ทุกรุ่นจะมากับปุ่ม Capture Button บริเวณด้านขวาของเครื่อง (ถัดลงมาจากปุ่มเพาเวอร์) ทำหน้าที่คล้ายปุ่มชัตเตอร์บนมือถือ Sony แต่ความพิเศษคือ Capture Button เป็นปุ่มแบบ capacitive ไม่ใช่ปปุ่มกลไกทั่วไป ทำให้แอปเปิลสามารถใส่อินพุตเข้าไปได้หลากหลายกว่าปกติ เช่นการไถนิ้วเพื่อซูม

  • กดค้าง : เปิดแอปกล้อง
  • กดครึ่งจังหวะ (แตะเบา) : จับโฟกัส
  • กดเต็มจังหวะ (แตะแรง) : ลั่นชัตเตอร์ และเริ่มหรือหยุดบันทึกวิดีโอ
  • ไถขึ้นลง : ซูมเข้าหรือซูมออก

มีระบบระบายความร้อนจากชิปและแบต

หากยังจำกันได้ ช่วงที่ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max เปิดตัวใหม่ ๆ ‘ความร้อน’ ของชิป A17 Pro ได้กลายมาเป็นปัญหาใหญ่ จนทำให้ผลสำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้งานตกฮวบ แม้ภายหลังแอปเปิลจะออกอัปเดตซอฟต์แวร์มาแก้ไข แต่ก็ช่วยไม่ได้มากนัก จึงมีข่าวลือว่า iPhone 16 จะใส่ระบบระบายความร้อนเข้ามา เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ซ้ำรอย แม้ยังไม่แน่ชัดว่าจะอยู่บนรุ่นใดบ้าง แต่ความเป็นไปได้คือ iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max รุ่นใดรุ่นหนึ่งเป็นอย่างน้อย

ระบบระบายความร้อนบน iPhone 16 Pro จะแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือ แผ่นกราฟีน สำหรับกระจายความร้อนจากชิป และส่วนถัดมาคือ การเปลี่ยนวัสดุหุ้มแบต จากฟอยล์เป็นโลหะ เพื่อช่วยระบายความร้อนจากแบต

ภาพจาก Kosutami

ประเด็นเรื่องวัสดุหุ้มแบตยังสอดคล้องกับข่าวลือเรื่อง ‘เทคนิคลอกกาวด้วยไฟฟ้า’ ที่แอปเปิลจะนำมาใช้งานเพื่อให้สอดรับกับกฎ right to repair ในอนาคตด้วย (ในข้อที่กำหนดให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ต้องเปลี่ยนแบตง่าย)

ทุกรุ่นได้ชิป A18

จากการขุดโค้ดใน iOS 18 พบว่า iPhone 16 ทุกรุ่นจะมากับชิป A18 ทั้งหมด แต่มีแนวโน้มที่ไส้ในจะต่างกัน เช่น iPhone 16 เป็น A18 Bionic ธรรมดา ส่วน iPhone 16 Pro ขยับเป็น A18 Pro ที่มีจำนวนแกนจีพียู และ Neural Engine มากกว่า

ชิป A18 จะถูกผลิตบนเทคโนโลยี N3E เจเนอเรชันล่าสุดของ TSMC จุดนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่คาดว่าจะช่วยให้ iPhone 16 สามารถจัดการความร้อนได้ดีขึ้น (นอกเหนือจากระบบระบายความร้อนบนชิปและแบต)

อัปเกรดแรมขั้นต่ำ 8GB

ในยุคที่ AI กำลังเฟื่องฟูถึงขีดสุด ความสำคัญของ ‘แรม’ บนมือถือก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทั้งในแง่ของขนาดและความเร็ว เพราะการประมวลผล AI แบบ on-device นั้นจำเป็นที่จะต้องหยิบเอาโมเดลมาพักไว้บนแรม

ปีที่แล้ว iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ให้แรมมาแค่ 6GB สุดท้ายกลายเป็นคอขวดที่ทำให้ไม่สามารถใช้งาน Apple Intelligence ได้ ทั้งที่ชิป A16 Bionic มีความแรงเหลือเฟือ รอบนี้แอปเปิลจึงอัปเกรดแรมขั้นต่ำขึ้นเป็น 8GB เพื่อที่ iPhone 16 จะรองรับ Apple Intelligence ได้อย่างไม่ติดขัด

ยกเครื่องไมโครโฟน

แอปเปิลตั้งใจให้ ‘การสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Siri’ เป็นอินพุตหลักสำหรับต่อประสานผู้ใช้งานเข้ากับ Apple Intelligence เหตุนี้ iPhone 16 จึงได้อานิสงส์ในการปรับปรุงไมโครโฟน ให้กันน้ำได้ดีขึ้น และมีค่า signal-to-noise ratio (SNR) สูงขึ้น หรือแปลแบบภาษาทั่วไปคือ รับเสียงได้คมชัดกว่าเดิม

ในอีกมุมหนึ่งของการปรับปรุงนี้ คาดว่าไมโครโฟนของ iPhone 16 จะมีต้นทุนแพงขึ้น 2 – 2.5 เท่า คงนับเป็นข่าวดีสำหรับ AAC และ Goertek ที่เป็นบริษัทซัปพลายเออร์ของแอปเปิล ที่จะมีรายรับมากขึ้นเป็นกอบเป็นกำ เมื่อพิจารณาว่าแอปเปิลสั่งซื้อชิ้นส่วนแต่ละที ย่อมมีเป็นหลักสิบล้านชิ้นขึ้นไป

กล้อง iPhone 16

  • กล้องหลัก 48 MP (𝑓/1.6)
  • กล้องอัลตราไวด์ 12MP (𝑓/2.2), รองรับการถ่ายมาโคร

กล้องหลัก iPhone 16 และ iPhone 16 Plus อาจไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนกล้องอัลตราไวด์เปลี่ยนชุดเลนส์ใหม่ รูรับแสงกว้างขึ้น จาก 𝑓/2.4 เป็น 𝑓/2.2 ทำให้รับแสงได้ดีขึ้นประมาณ 19% และระยะโฟกัสใกล้สุดของเลนส์จะลดลง ทำให้รองรับการถ่ายมาโครในตัว รวมถึง Spatial video ดังที่กล่าวไปแล้วในช่วงต้น

กล้อง iPhone 16 Pro

  • กล้องหลัก 48MP (𝑓/1.8)
  • กล้องอัลตราไวด์ 48MP (𝑓/?), รองรับการถ่ายมาโคร
  • กล้องเทเล 12MP (𝑓/2.8), ซูมออปติคัล 5 เท่า

เช่นเดียวกับ iPhone 16 กล้องหลัก iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max อาจไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ข่าวดีคือ กล้องอัลตราไวด์ได้ความละเอียดเพิ่มขึ้น 4 เท่า เป็น 48MP และในรุ่น iPhone 16 Pro จะได้กล้องเทเลโฟโตระยะ 5x เท่ากับตัวท็อปแล้ว

รองรับ JPEG XL

แอปเปิลจะเพิ่มการรองรับ JPEG XL (.jxl) เข้ามาใน iPhone 16 ทุกรุ่น จุดขายของฟอร์แมตนี้คือ บีบอัดข้อมูลได้มีประสิทธิภาพกว่า JPEG แบบเดิม ทำให้ไฟล์มีขนาดเล็กลง ช่วยประหยัดที่เก็บข้อมูล และสามารถเข้าและถอดรหัสได้ไวกว่า

วันเปิดตัว

iPhone 16 จะเปิดตัวในวันที่ 10 กันยายน 2024 เที่ยงคืนตรง ตามเวลาไทย ธีมของงานรอบนี้คือ ‘It’s Glowtime’ ใช้โลโก้เป็นสีส่องสว่าง โทนเดียวกับ Apple Intelligence ส่วนของใหม่อย่างอื่นที่อาจมาพร้อมกัน คือ AirPod 4 และ Apple Watch Series 10

ราคาคาดการณ์

ตอนนี้ยังไม่มีตัวเลขราคาที่ชัดเจนของ iPhone 16 หลุดออกมา แต่ประเด็นน่าสนใจคือ iPhone 16 รุ่นมาตรฐาน มีต้นทุนแพงขึ้นราว 16% เมื่อเทียบกับ iPhone 14 ดังนั้นคงต้องไปลุ้นเอาว่าแอปเปิลจะเลือกอย่างไหน ระหว่าง ‘ขายราคาเดิม ยอมมีกำไรลดลง’ หรือ ‘ปรับราคาขึ้นตาม เพื่อรักษาสัดส่วนกำไร’

  • iPhone 16 – เริ่มต้น 32,900 บาท
  • iPhone 16 Plus – เริ่มต้น 37,900 บาท
  • iPhone 16 Pro – เริ่มต้น 41,900 บาท
  • iPhone 16 Pro Max – เริ่มต้น 48,900 บาท

สำหรับใคร ที่อยากลองใช้ iPhone เครื่องใหม่ พร้อมความคุ้มค่า สิทธิพิเศษไม่เหมือนใคร ทั้งโปรโมชัน เครื่องเปล่า หรือเครื่องพร้อมแพ็กเกจ เข้ามาส่องโปรโมชัน iPhone ก่อนใครได้ที่นี่เลย