นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผู้ใช้ iPhone ควรจะเปลี่ยนไปใช้ Android แทน เพราะมีการเปิดเผยออกมาว่า การอัพเดต iOS เวอร์ชันใหม่จะมีการล็อคเครื่องทันทีที่มีการตรวจพบว่า iPhone เครื่องนั้นผ่านการซ่อมแซมจากร้านอื่นที่ไม่ใช่ร้านทางการของ Apple โดยมีผู้ใช้หลายคนแจ้งว่าเครื่องพบข้อความ “error 53” หลังอัพเดตเป็น iOS 9 เวอร์ชันใหม่และใช้งานไม่ได้เลย ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเอาเครื่องไปซ่อมที่ร้านมาก็ใช้งานได้ปกติทุกอย่าง
“ปัญหามันจะเกิดขึ้นถ้าช่างซ่อมมีการเปลี่ยนปุ่ม Home หรือสายแพ” Kyle Wien เจ้าของเว็บ iFixit กล่าว “หลังจากที่มีการอัพเดต ระบบจะมีการตรวจสอบว่าชิ้นส่วนในโทรศัพท์เป็นของแท้หรือไม่ ถ้าไม่ใช่ก็งานงอกทันที เพราะระบบจะทำการล็อคเครื่อง โดยไม่มีการแจ้งเตือนใดๆทั้งสิ้น และไม่มีทางซ่อมได้อีกเลยเท่าที่ผมรู้นะ”
มีหลายคนสงสัยว่านี่คือความตั้งใจของวิศวกร Apple เพื่อตัดตอนช่างซ่อมที่คิดราคาถูกๆ เพราะการซ่อมปุ่ม Home ผ่านทาง Apple นั้นต้องจ่ายถึง $200 หรือประมาณ 7,000 บาท และนี่ก็อาจจะเป็นการผิดต่อกฎหมายการผูกขาดในสหรัฐด้วย
ความหายนะที่สุดของเจ้า “error 53” นี้คือมันไม่มีการเตือนก่อนและไม่มีทางแก้ไขได้ด้วย มีอยู่ทางเดียวคือ ต้องซื้อเครื่องใหม่เท่านั้น จากคำพูดของ Antonio Olmos ช่างภาพอิสระที่เป็นหนึ่งในผู้โชคร้ายจากปัญหานี้บอกว่า เค้าเอา iPhone ไปซ่อมที่ร้านแห่งหนึ่งเมื่อเดือนกันยายน เดือนต่อมามีการแจ้งอัพเดต iOS เวอร์ชันใหม่ เค้าก็กดอัพเดตไปตามปกติแล้วจากนั้น iPhone ก็กลายเป็นก้อนอิฐทันที และยิ่งโมโหหนักกว่าเดิมเมื่อได้รับแจ้งว่า ต้องจ่ายเงิน £270 หรือประมาณ 14,000 บาทเพื่อเปลี่ยนเครื่องใหม่
ทางโฆษกของ Apple กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า
“เราปกป้องข้อมูลลายนิ้วมือของผู้ใช้ด้วยความปลอดภัยระดับสูง นั่นคือการจับคู่ข้อมูลหลายนิ้วมือเข้ากับตัวเซ็นเซอร์ Touch ID ถ้ามีการซ่อม iPhone ผ่านทางศูนย์ Apple ที่ได้รับอนุญาตนั้น ช่างจะทำการจับคู่ลายนิ้วมือเข้ากับ Touch ID อันใหม่ ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ถ้าระบบตรวจสอบแล้วพบว่ามีการเปลี่ยนเซ็นเซอร์ Touch ID ที่ไม่ถูกต้อง ระบบจะปิดตัว Touch ID และ Apple Pay ทันที เพื่อให้อุปกรณ์ยังคงปลอดภัยต่อการจารกรรมข้อมูล”
“เมื่อใดก็ตามที่ iPhone มีการซ่อมโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนหน้าจอหรือชิ้นส่วนอื่นที่มีผลกระทบกับเซ็นเซอร์ Touch ID เครื่องจะถูกล็อค และไม่สามารถอัพเดตหรือคืนค่าใดๆ ได้อีก นี่คือเงื่อนไขของ error 53 ถ้าลูกค้าเจอข้อความนี้ ขอให้ส่งเครื่องให้ทาง Apple Support ทันที”
หลังจากนั้นก็ตามสเต็ป ทาง Apple Support จะบอกคุณว่า คุณต้องซื้อเครื่องใหม่ ดังนั้นถ้าใครใช้ iPhone อยู่ตอนนี้แล้วมีการซ๋อมที่เข้าเงื่อนไขตามที่บอกมา อย่าเพิ่งรีบอัพเดตซอฟต์แวร์นะครับ รอดูสถานการณ์ไปก่อน จะหาว่าไม่เตือน
ที่มา: The Guardian ผ่าน Android Authority
โหดมากกกก
เหมือน MacBook ใช้ แบตเทียม แล้วแจ้ง error เลยนะเนี่ย …
ซะงั้น O.o
Brio_Alose
ดีที่ย้ายค่ายออกมาก่อน
ใช้ Android แล้วรู้สึกถึงเสรีภาพในหลายๆอย่างที่ iOS ให้ไม่ได้
มือถือ Android ซ่อมด้วยตัวเองยังได้เลย Youtube มีสอนเกือบหมด ชิ้นส่วนของแท้แต่ละชิ้นขายประมาณ 300-2,000บาทเอง
ใช่ครับ นี่เพิ่งปันใจครั้งแรกมาใช้ios ipad รู้สึกถึงการโดนกักขังเลย ถ้าอยากอิสรภาพต้องจ่ายเงินโน่นนี่นั่นจะร้องให้
เช่นค่าไรบ้างหรอคับ ไม่เคยใช้เลยอยากทราบ
เกินไปน่ะ
ที่จริงผมว่าเขาก็ทำถูกแล้วนะ มันเป็นชิ้นส่วนความปลอดภัย ไปให้ร้านนอกซ่อมจะแน่ใจแค่ไหนว่าข้อมูลไม่โดนเก็บแอบไปใช้ ผมว่าแอปเปิ้ลเขาคงทำป้องกันไว้แหละ ถ้าหากมีเคสหลุดขึ้นมาจริงๆจะงานเข้า อย่างไรก็ตามก็ช่วยลดค่าซ่อมหน่อยเหอะ 555
งานเข้าละ…
งั้นถ้า reset เครื่องก่อนซ่อมละ (ไม่มีการจับคู่ลายนิ้วมือ)
มันจะยังล็อกอีกไหม ในเมื่อในเครื่องไม่มีข้อมูลอะไรให้ต้องปกป้อง
"หลังจากที่มีการอัพเดต ระบบจะมีการตรวจสอบว่าชิ้นส่วนในโทรศัพท์เป็นของแท้หรือไม่ ถ้าไม่ใช่ก็งานงอกทันที เพราะระบบจะทำการล็อคเครื่อง โดยไม่มีการแจ้งเตือนใดๆทั้งสิ้น และไม่มีทางซ่อมได้อีกเลยเท่าที่ผมรู้นะ"
จากประโยคดังกล่าว น่าจะรวมถึงชื้นส่วนอื่นๆที่เป็นของเทียมด้วยน่ะครับ
มันมีตรงที่ apple ออกมาบอกไง
"เราปกป้องข้อมูลลายนิ้วมือของผู้ใช้ด้วยความปลอดภัยระดับสูง นั่นคือการจับคู่ข้อมูลหลายนิ้วมือเข้ากับตัวเซ็นเซอร์ Touch ID ถ้ามีการซ่อม iPhone ผ่านทางศูนย์ Apple ที่ได้รับอนุญาตนั้น ช่างจะทำการจับคู่ลายนิ้วมือเข้ากับ Touch ID อันใหม่ ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ถ้าระบบตรวจสอบแล้วพบว่ามีการเปลี่ยนเซ็นเซอร์ Touch ID ที่ไม่ถูกต้อง ระบบจะปิดตัว Touch ID และ Apple Pay ทันที เพื่อให้อุปกรณ์ยังคงปลอดภัยต่อการจารกรรมข้อมูล"
ถ้าเงือนไขตามนี้จริง ก็ไม่ควรจะล็อกถ้าไม่มีการเชื่อมนิ้วมือ
เว้นแต่ว่า ออกมาแถให้ดูดีเฉย ๆ แต่จริง ๆ แล้วแค่อไหล่ปลอม ก็ล็อกหมด
ก็น่าจะปลดล็อคให้ลูกค้านะ เปลี่ยนเป็นก้อนอิฐต้องซื้อใหม่เลยก็โหดไปหน่อย อ้างความปลอดภัยนะอ้างได้แต่อย่าหน้าเลือดกับลูกค้าให้มาก
+99999 เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
ล็อกเครื่องนี่ก็พอเข้าใจ
แต่ให้ซื้อใหม่เลยนี่ก็เกินไปนะ
ทำอย่างกะเป็นทิชชู่ ใช้แล้วทิ้ง
รู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจถูกยิ่งขึ้น
ที่ย้ายมาฝั่ง Android ดินแดนแห่งอิสรภาพ 🙂
ตามนี้ครับ
โดยผมว่าจริงๆ สิ่งที่แอปเปิ้ลควรจะทำ แต่ดันไม่ทำคือแจ้งให้ผู้ใช้ทราบว่าถ้าคุณเปลี่ยนอะไหล่นอก จะทำให้เกิดปัญหานี้
ผมคิดว่าเคสนี้แอปเปิลน่าเกลียดมากนะ แบบนี้มันเกินไป
นั่นสิ
มีการบอกให้แจ้งศูนย์
ลูกค้าก็อุตสาห์เสียเวลาไปถึงศูนย์ แทนที่จะปลดล๊อค+คิดค่าปลดล๊อค
กลับบอกให้ซื้อใหม่
ใครฟิวส์ขาด อาจปา iPhone อัดหน้าพนักงานได้เลยนะ
สาเหตุที่ Touch ID เสียที่พบบ่อย
อาการของ Touch ID เสียนั้นสังเกตง่ายๆ คือจะไม่สามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้ซึ่งผมได้เขียนบทความเรื่องนี้เอาไว้แล้วให้ลองศึกษาเพิ่มดูนะครับ ทั้งนี้สาเหตุที่พบบ่อยๆ เลยคือ
– เครื่องตกน้ำแล้วนำไปซ่อมพบว่าโอกาสสูงมากๆ ที่ Touch ID จะใช้การไม่ได้ หลังจากนั้นผู้ใช้รู้เท่าไม่ถึงการณ์นำเครื่องไปอัปเดต iOS เวอร์ชันใหม่ ผลที่ได้คือ Error 53 ค้างและไม่มีทางแก้
– หน้าจอแตก โดยให้ทางร้านบางร้าน(ย้ำครับบางร้าน) เปลี่ยน ซึ่งหากช่างคนไหนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไปทำการเปลี่ยนปุ่ม Touch ID ใหม่(ซึ่งบางครั้งมาพร้อมชุดจอ) ส่งผลให้ Touch ID ที่มาพร้อมกับตัวเครื่องนั้นไม่อยู่แล้ว ก็จะวนเข้าสู่ปัญหาเดียวกัน ทางแก้คือ หาปุ่ม Touch ID เก่ามาติดตั้งกลับเข้าไปใหม่แล้วจะใช้งาน Tiuch id ได้ปกติ
– กรณีที่ปุ่ม Touch ID เสียเอง(อันนี้คิดล่วงหน้าหากหมดประกัน 1 ปีแล้ว) ซึ่งส่งผลให้อัปเดต รีเซต รีสโตรเครื่องไม่ได้อย่างแน่นอน ทางเดียวหากอยากใช้งาน iPhone เครื่องนี้ให้สมบูรณ์คือเคลมเครื่องใหม่นั่นเอง
– สาย Touch ID ขาด จากกรณีเครื่องตก แตก รถเหยียบ ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน
โอว ท่าน admin แห่ง iphonemod มาตอบเองเลย
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ถ้ามี link บทความที่เขียนก้แปะได้ครับ แบ่งปันความรู้กัน
เอิ่มมม ใกล้ จบ แล้ว
แค่ Turn off feature ก็พอละมั๊ง เหมือน Android 6.0 ที่ Turn off feature Android Pay สำหรับเครื่อง root
การตลาดเค้าโหดจริง
อยู่ได้เพราะ os กับ app น่ะนะค่ายนี้
ถ้า app เทียบเท่ากัน ผมว่ามีย้ายค่ายค่อนโลก เพราะ os แทบจะพอๆกันละ
*อย่าเคี่ยวให้มันมาก เจริญได้ก็เพราะคน ล่มจมได้ก็เพราะคนนะ
+ 100
+100
ตลกสาวก iOS ที่ดูถูกฝั่ง Android ว่าจน,ชั้นต่ำ ทั้งที่หลายคนมีบ้านมีรถ ของแค่ 2หมื่นบาท ถ้าเขาไม่อยากซื้อ เขาก็ไม่ซื้อ ผมเลิกซื้ออุปกรณ์ฝั่ง iOS เพราะเหตุผลนี้ ไม่ชอบบริษัทที่สร้างสาวกที่ดูถูกคุณค่าของคน จะรวยจะจนทุกคนก็ช่วยกันพัฒนาประเทศมาอย่างยากลำบาก
+1
ผมใช้ตระกูล apple อยู่หลายตัว เห็นข่าวแบบนี้ยังหงุดหงิดเลย
apple มีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้นที่ผมมองออกข้อหนึ่งก็คือการป้องกันการแฮกข้อมูลของผู้ใช้ เช่น การใส่ปุ่มสแกนลายนิ้วมือที่ตอดตั้งระบบส่งข้อมูลออกไปหาแฮกเกอร์ แต่ผมว่า apple ก็ทำเกินไปน่าจะมีบริการซ่อมศูนย์บ้างหรือมีการแจ้งเตือนหน่อยก็ยังดี
ฟันราคราคาขนาดนี้วิธีการขูดรีดเกินไปนะ เอาไรกันอีกกับสาวกจะให้ขายรถขายบ้านเลยใช่ม้ายย
ที่ทางแอปเปิลเค้าให้เห็ตผลว่าปกป้องข้อมูลน่ะ ผมเข้าใจน่ะ แต่ค่าซ่อมที่ศูนย์นี่มันก็โหดเกินป่ะ
ไอโฟนห้าผมเปลี่ยนแบตเอง เป็นแบตจีน
มันจะล็อคด้วยปะเนี้ย เคี่ยวเกิ๊น
เหมือนอินเทลใจปอด ล็อคการลากสกายเลค รุ่นที่ไม่ใช่รุ่นเค
ล๊อคเฉพาะรุ่นที่มี Touch ID ครับ
i5 ของแรท์ไม่ล๊อคหรอกครับ (ตอนนี้อะนะ)
เข้าไปอ่านใน Pantip ก็โดนกันเยอะนะ error 53 อะ
..ผมเองก้อเพิ่งรู้ เพราะมะมี Apple Device ใหม่ๆที่ Touch ID เลยอะครับ
-ผมเห็นด้วยกัความเห็นที่ว่า น่าจะต่ออายุรับประกันของApple Deviceเป็น 2 ปี หรือซื้อประกันเพิ่มได้แบบเมืองนอก
เพราะไม่รุ้ว่าวันดีคืนดี Touch ID จะเสียขึ้นมาเมื่อไหร่ บางคนด้วยซวย หมดประกันปุ๊บเสียเลย จะเงินเปนหมื่นเพื่อเคลมเครื่องซ่อมมาใช้ ก็ได้ประกันเพิ่มอีกแค่ 90 วัน
ถ้าเสียอีกก็กลับไปลูปเดิม
หรือไม่ Apple น่าจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ นอกจากอ้างเรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้ แต่ก็ผลักภาระให้ผู้ใช้หมด
Touch ID ติดกับตัวบอร์ด ..งานยากเลย
คอมเม้นกุ้งเต้น มากันแล้ว อิอิ
ผม มองว่าแอปเปิ้ลกำลังวางยา เหมือนที่ทำกับสายไฟไงครับ ไม่ทำให้มันทนมาก สาวกจะได้มีเรื่องเปลี่ยน iphone บ่อยๆ ติดล็อคก็กลายเป็นที่ทับกระดาษ ใช้ช่องโหว่ผู้ใช้ที่ไม่รู้มาทำร้ายตัวผู้ใช้เองได้แสบสันมากครับ