ไม่มีการพลิกความคาดหมายแต่อย่างใดเมื่อ Apple ได้มีการเปิดตัว iPhone 6 หน้าจอขนาด 4.7” และ iPhone 6 Plus หน้าจอ 5.5” ไปเรียบร้อย ไม่มีอะไรแตกต่างจากเครื่องที่หลุดมาก่อนหน้าแต่อย่างใด ซึ่งราคาเปิดตัวก็เท่าเดิมสำหรับ iPhone 6 และแพงขึ้นมาสเต็ปนึงสำหรับ iPhone 6 Plus และยังไม่ได้วางขายในเมืองไทยเป็นกลุ่มประเทศแรกตามข่าวลือแต่อย่างใด ซึ่งนอกเหนือจากขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น iPhone 6 และ 6 Plus มีความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยจนน่าผิดหวัง แต่ก็ยิ่งใหญ่มากพอที่จะทำให้หลายๆคนยอมกำเงินเดินเข้าไปซื้อ

ก่อนที่จะอ่านต่อไป ถ้าเกิดว่ายังไม่รู้ว่า iPhone 6 มีอะไรใหม่บ้าง แนะนำดูคลิปแนะนำของ Apple ก่อนครับ

Play video  

อะไรทำให้น่าผิดหวัง?

ดีไซน์

แม้ว่า iPhone 6 จะมีการขยายหน้าจอ ใช้กระจกที่โค้งมน และลดความบางของเครื่องลงแล้ว แต่ส่วนที่ไม่ชอบที่สุดก็คือลายเส้นด้านหลังที่เส้นมันหนา ลากไปมาเยอะจนดูไม่งาม และโมดูลกล้องที่นูนปูดออกมาดูไม่เข้ากันกับตัวเครื่อง หากไม่ใส่เคสอาจจะมีปัญหาเวลาวางเครื่องเอาไว้ จะทำให้เกิดรอยขีดข่วนกับขอบและตัวเลนส์ได้ง่ายมาก เมื่อนำไปรวมกับปัญหาเมื่อมีรอยบุบสลายมากกว่า 3 มม. เครื่องจะหลุดประกันทันที ทำให้มั่นใจได้ว่า iPhone 6 และ 6 Plus น่าจะทำออกมาเพื่อขายเคสโดยเฉพาะ!! ใส่ที่นึงแก้ปัญหาลายด้านหลังที่ไม่ชอบ ปกป้องเลนส์ที่นูน และลดแรงกระแทกกันรอยขีดข่วน ครบทุกปัญหากันเลยทีเดียว

นี่เป็นคลิปที่ Apple ทำขึ้นมาโชว์ความงามของ iPhone 6 ที่อาจจะทำให้หลายๆคนชอบ แต่ไม่โดนใจผมเอาซะเลย

Play video

เห็นแล้วคิดถึงชุดของ “Kick Ass เกรียนโคตร มหาประลัย” ซะจริงๆ 555

 

แบตเตอรี

ตารางเปรียบเทียบความยาวนานของการใช้งาน เรียงจากซ้าย iPhone 6 Plus / iPhone 6 / iPhone 5s / iPhone 5c

ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องของแบตเตอรีในการเปิดตัว iPhone 6 มากนัก บอกแต่เพียงว่ามันอยู่ได้ยาวนานขึ้น ซึ่งถ้าอ้างอิงจากข่าวหลุดก่อนหน้า แบตของ iPhone 6 Plus (หน้าจอ 5.5”) จะได้แบตที่ใหญ่ขึ้นเป็น 2,915mAh ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ใช้งานได้ยาวนานขึ้นพอสมควร แต่สำหรับ iPhone 6 (หน้าจอ 4.7”) จะได้แบตเพิ่มขึ้น 16% เป็น 1,810mAh เท่านั้น และดูท่าว่าจะไม่ได้ทำให้ใช้งานได้ยาวนานกว่า iPhone 5s สักเท่าไหร่นัก เพราะหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ก็น่าจะกินไฟมากขึ้น

ความฝันที่เหล่าสาวกจะได้ใช้ iPhone อย่างยาวนานอาจจะสมบูรณ์แค่เพียงครึ่งเดียว

ข่าวเก่า ที่เคยหลุดเรื่องขนาดแบตของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus


ราคา 

iPhone 6 เปิดราคามาเท่าๆกับตอนเปิดตัว iPhone 5s จนพอที่จะคาดการณ์ราคาวางขายในไทยได้ว่าไม่น่าจะหนีไปจากเดิมเท่าไหร่นัก แต่ว่าราคาเริ่มต้นของ iPhone 6 Plus เปิดมาน่ากลัวเสียนี่กระไร ดีดไปถึงราวๆ 28,000 บาท ทั้งที่สเปครวมๆเปลี่ยนไปแค่หน้าจอ แบตเตอรี และเพิ่ม OIS เข้าไปเท่านั้น 

เข้าใจว่าการตั้งราคา iPhone 6 Plus นี้มันอาจเหมาะสมในเรื่องของการตลาด แต่สิ่งที่ทำให้หลายๆคนหวั่นเกรงมากๆคือ Android หลายๆเจ้าจะอัพราคาตัวเองขึ้นไปขายเท่าๆกับ iPhone 6 Plus เนี่ยแหละ ซึ่งก็อยากกระซิบบอกตรงนี้ว่าอย่าได้ทำเลย เตะตัดขาขายถูกกว่าจะสนุกกว่าเยอะ…

 

นวัตกรรม 

จากทั้งหมดที่เปิดตัวมา สิ่งนึงที่หายไปก็คือนวัตกรรมแปลกใหม่จริงๆจังๆ จุดเด่นแทบทุกส่วนที่ยกมาบน iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เป็นอะไรที่มีอยู่แล้วในตลาดทั้งสิ้น และจริงอยู่ว่า iPhone 6 ทำให้มันโดดเด่นหรือพัฒนาให้ดีขึ้นกว่ามาตรฐานจริง แต่ก็ยังไม่สามารถเรียกเสียงฮือฮาจากแฟนๆได้เช่นเดิม

จุดๆนี้ก็พอเข้าใจว่าอาจจะเป็นเพราะข้อจำกัดด้าน Hardware ในตลาดที่อาจจะยังใช้งานไม่ได้จริง หรือยังไม่พร้อมให้ Apple นำเอามาใช้ได้ แต่ด้วยชื่อชั้นของแบรนด์ที่เคยเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม ก็ไม่แปลกที่แฟนๆจะร้องหาสิ่งนี้จากแบรนด์ที่รักของตนอีกครั้ง

 

ความสามารถด้านอื่นๆที่ Apple ได้อัพเกรดให้ iPhone 6 (แต่อาจจะยังไม่ค่อยโดนเท่าไหร่)

A8 chip & M8 motion processor : แรงกว่าเดิมและกินพลังงานน้อยกว่าเดิม แต่ของเก่าก็ดีอยู่แล้ว จนอาจทำให้ชิปทั้งสองตัวไม่ได้รู้สึกน่าหวือหวาอะไร ไม่เห็นผลอะไรในการใช้งานจริง อาจจะเห็นชัดๆแค่เพียงบางฟีเจอร์กล้องที่เพิ่มเข้ามาเท่านั้น แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไปเปรียบเทียบความเร็วที่เพิ่มขึ้นกับ iPhone Orginal ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2007 ไม่เปรียบเทียบกับ iPhone 5s รุ่นก่อนหน้า

หน้าจอความละเอียด Retina HD display : iPhone 6 (1334×750) และ iPhone 6 Plus (1920×1080) แม้ว่าทาง Apple จะพยายามเล่าเรื่องราวเบื้องหลังหน้าจอมากมาย แต่ท้ายที่สุด สรุปความหมายก็คือมันสวยเหมือนที่แล้วๆมา และคู่แข่งก็มีจอความละเอียดแบบนี้กันหมดแล้ว…period

รองรับการเชื่อมต่อที่ไวขึ้น : เป็นเรื่องที่ดีที่ iPhone 6 อัพเกรดให้รองรับ 4G LTE และ Wi-Fi รุ่นใหม่ที่เร็วกว่าเดิม เหมือนๆกับรุ่นเรือธงอื่นๆของ Android แต่ว่าในทางการใช้งานจริง 4G LTE ยังมีให้ใช้ไม่ได้ทั่วถึงเลย หรือต่อให้มีสัญญาณ ใช้ๆไปก็ต้องมากลัวติด FUP อยู่ดี ส่วน Wi-Fi ที่รองรับความเร็วมากขึ้น เน็ตที่บ้านที่ใช้กันทั่วไป 599 บาท ก็ได้ความเร็ว 10-12Mbps เราเตอร์ที่รับ-ส่งข้อมูลที่ใช้หลายๆตัวก็ใช่ว่าจะรองรับมาตรฐานใหม่นี้ กล่าวคือดีแล้วที่มีมา แต่ทางปฏิบัติมันไม่ได้หวือหวาเหมือนที่โฆษณา (Android หลายๆตัวที่โฆษณาความเร็วแรงแบบเดียวกันนี้ ก็เจอปัญหาไม่ต่างกัน)

 

Apply Pay : จ่ายเงินด้วย NFC + Touch ID อันนี้น่าสนใจเพราะทำให้เราไม่ต้องมานั่งพกบัตรเครดิตมากมายอีกต่อไป เพราะเราสามารถผูกบัตรเครดิตเข้ากับ iPhone 6 ได้ทันที แต่ดันเปิดใช้แค่ในอเมริกา ซึ่งกว่าที่จะเข้าไทยแบบพร้อมใช้งานได้จริงอาจจะต้องรอถึงปีหน้าหรือ iPhone รุ่นถัดไปเลย…แต่ที่หลายๆรอดูคือเมื่อ Apple กระโดดลงมาเล่นตลาด NFC ด้วยแล้ว จะช่วย Android เขย่าตลาดการจ่ายเงินแบบใหม่นี้ได้ขนาดไหน ไม่แน่ว่าในเมืองไทยอาจจะได้เห็นเร็วกว่าที่คิดก็เป็นได้


ผูกบัตรเครดิตเอาไว้กับเครื่อง หายก็ไม่ต้องกลัวเพราะต้องใช้ Touch ID ช่วยระบุตัวตนก่อนชำระเงิน หรือเราสามารถสั่งล้างข้อมูลระยะไกลได้ทันที โดยที่เราไม่ต้องสมัครบัตรเครดิตใหม่

 

เอาล่ะ มาดูกันต่อว่าทำไม iPhone 6 และ 6 Plus ที่น่าผิดหวัง แต่กลับยังน่ากำเงินรอซื้ออยู่กันต่อดีกว่า

 

ขนาด

หน้าจอ 4.7” และ 5.5” ทำออกมาตามคำเรียกร้องของเหล่าแฟนๆ และตอบโจทย์ลูกค้าอีกหลายๆรายที่รอ iPhone กินเห็ดขยายร่าง เปลี่ยนหน้าจอ 4″ ให้ใหญ่ขึ้นสักที เพราะเบื่อกับการที่ต้องมานั่งเพ่งจอเล็กๆจนหันหนีไปหา Android หลายราย และแค่เพียงข้อนี้ข้อเดียวผมก็เชื่อว่าสาวกเป็นจำนวนมาก และผู้ใช้ Android หลายๆคนที่เคยบ่ายหน้าหนี iPhone มาก่อนเพราะจอเล็ก ก็พร้อมจะควักเงินในกระเป๋าไปซื้อเจ้า iPhone 6 และ 6 Plus กันแล้ว

 iPhone 6 Plus / iPhone 6 / iPhone 5s / iPhone 5c

และเพียงแค่การขยายขนาดของ iPhone เชื่อว่าผู้ผลิต Android อีกหลายๆเจ้าต้องมีปาดเหงื่อ เพราะจุดต่างหลักที่เคยใช้ข่ม iPhone มาตลอด ได้ถูกทำลายลงไปแล้ว

 

กล้อง 

ตอนแรกก็ว่าน่าผิดหวังที่ยังให้ความละเอียดมาแบบอินดี้ที่ 8 ล้านพิกเซลเหมือนเดิม แต่ถ้ามองโลกในแง่ดีความละเอียดน้อยก็ไม่เปลืองที่จัดเก็บดีนะ และความสามารถต่างๆที่เพิ่มขึ้นมาให้ทัดเทียมกับ Android รุ่นท็อปหลายๆรุ่น ก็น่าจะทำให้ iPhone 6 กลายเป็นสมาร์ทโฟนที่จะเก็บภาพความประทับใจได้ดีไม่แพ้กล้องแอนดรอยด์หลายๆรุ่น และสร้างความประทับใจมากพอที่ทำให้หลายๆคนยอมควักเงินเปลี่ยนมาใช้ iPhone 6 กันได้ทันที

iPhone 6 มีการพัฒนาในเรื่องกล้อง 3 ส่วนคือ กล้องหลัง, ถ่ายวิดีโอ, และกล้องหน้า

กล้องหลัง : Focus Pixels (โฟกัสภาพได้ไวขึ้น), Face Detection (โฟกัสหน้าคนได้ดีขึ้น), Exposure Control (เพิ่มลดความสว่างได้เองจากจุดที่โฟกัส), Auto Stabilization (กันภาพสั่นอัตโนมัติ), Optical Image Stabilization (ถ่ายภาพแสงน้อยได้ดีขึ้น)…แต่น่าเสียดายที่ Apple ดันกั๊กให้ OIS มีแค่บน iPhone 6 Plus เท่านั้น จะซื้อ iPhone 6 ธรรมดานี่ถึงกับเซ็งและคิดใหม่เลย -__-

ภาพตัวอย่างจาก iPhone 6 ถ่ายที่ ISO 40 f/2.2 1/100

วิดีโอ : Time-lapse, Continuous Autofocus (โฟกัสภาพต่อเนื่องระหว่างถ่ายวิดีโอ), 240-fps Slo-mo (ถ่ายภาพสโลโมชั่นได้ช้ากว่าเดิมเท่าตัว), Cinematic Video Stabilization (กันภาพสั่นระหว่างถ่ายวิดีโอ)

กล้องหน้า : Exposure Control (เพิ่มลดแสงสว่าง), Improved Face Detection (โฟกัสหน้าให้ชัด), HDR Video (ถ่ายวิดีโอเป็น HDR), Burst Mode (ถ่ายเซลฟี่รัวต่อเนื่อง), Timer Mode (ตั้งเวลาถ่าย)

ภาพตัวอย่างจากกล้องหน้าของ iPhone 6 ถ่ายที่ ISO 32 f/2.2 1/370

จากที่เขียนมายืดยาวด้านบนนี้ ฟีเจอร์ใหม่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนคงจะเป็น 240-fps Slo-mo แค่อันเดียวเท่านั้น ที่เหลือเราจะเคยได้เห็นบน Android มาแล้วทั้งสิ้น แต่การที่ iPhone จับเอาความสามารถเหล่านี้มารวมให้ผู้ใช้ iPhone 6 มีเหมือนชาวบ้าน ก็เป็นการตีบวกให้มีความน่าใช้มากขึ้นเยอะแล้ว

ไปดูความสามารถของกล้องมันเต็มๆกันที่เว็บเค้าเองเลยดีกว่า น่าจะทำให้เห็นภาพชัดเจนว่ากล้องของ iPhone 6 นั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างใดบ้าง พร้อมการกราฟิกตัวอย่างที่ทำให้เห็นภาพกว่าเขียนเยอะเลย http://www.apple.com/iphone-6/cameras/

ปล. จริงๆแค่ iPhone 5 → iPhone 5s ก็เปลี่ยนแปลงเยอะมากแล้วนะ แต่คิดว่า iPhone 6 มันน่าจะเจ๋งกว่ามากเลย

ปล.2 แต่สุดท้ายคุณภาพจะดีแค่ไหนคงต้องรอมันวางขายและทดสอบจริงอีกครั้ง รอติดตามได้ที่ Droidsans เนี่ยแหละ

 

iOS 8

ถ้าใครยังไม่เคยเห็นความสามารถของมัน แนะนำให้กลับไปลองอ่าน blog เก่าด้านล่าง ซึ่งแม้ว่า iOS 8 นี้จะเป็นที่ถกเถียงกันเรื่องความสามารถที่ทำตาม Android มาซะเยอะ เอาของคนอื่นมาซะแยะ แต่เมื่อตัดเรื่องข้อถกเถียงเหล่านี้(ที่เถียงยังไงก็ไม่จบ)ทิ้งไป ความเจ๋งของ iOS ทั้งหมดที่สั่งสมมา ไม่ว่าจะเรื่องความเสถียร ลื่นไหล หรือใช้งานง่าย รวมกับ iOS 8 ที่ปลดข้อจำกัดมากมายที่เคยมีทิ้งไป ทำให้ทำงานได้พอๆกับ Android นั่นก็ทำให้ iPhone 6 ก็จะกลายเป็นโทรศัพท์ที่น่าใช้มากๆตัวนึงเลยทีเดียว

เจาะลึก iOS 8 มีอะไรใหม่ และอันไหนดูละม้ายคล้าย Android

สรุป

iPhone 6 และ iPhone 6 Plus แม้ว่าจะมีเสียงบ่นไม่ชอบอะไรอย่างไรก็ตาม แต่ยังไงมันก็จะยังขายดีถล่มทลายอย่างกับแจกฟรีอยู่เหมือนเดิมแน่นอน เพียงแค่ขยายหน้าจอขึ้นมาก็น่าจะทำให้ผู้ผลิต Android หลายๆเจ้าอ่วมอรทัยไปต่อไม่เป็นกันแล้ว และต้องรอดูว่าการปรับลดราคาของ iPhone 5s และ iPhone 5c จะยังทำให้มันขายได้ดีเหมือนต่อไปรึเปล่า หรือยอดขายจะตกลงเหมือนรุ่นอื่นๆที่เป็นมา

Android ส่วนรวมจะมีผลกระทบอะไรจากการมาของ iPhone 6/ 6 Plus รึเปล่า?

จากการวิเคราะห์แบบงูๆปลาๆคิดว่า Android รุ่นพรีเมียมน่าจะได้รับผลกระทบเต็มๆ ยอดขายมีสิทธิ์ตกฮวบได้ แต่สำหรับภาพรวมของ Android ที่มีจุดมุ่งหมายทำโทรศัพท์เพื่อเข้าถึงคนทุกกลุ่มทุกระดับให้สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตและความรู้ได้ ราคาที่ถูกกว่า 4-5 เท่า แต่ทำงานได้ดีน้อยกว่า iPhone 6 ไม่มาก ก็ไม่น่าจะได้รับผลกระทบอะไร ส่วนแบ่งการตลาดของ Android ทั่วโลก ก็ไม่น่าจะลดลง แต่อาจจะเพิ่มขึ้นเสียด้วยซ้ำไปครับ

ทิ้งท้ายไปด้วยคลิปนี้ – หนึ่งในคลิปที่แสดงความเป็น Apple แบรนด์ที่หลายๆหลงใหลและต้องการได้มาครอบครอง

Play video

 

ปล. ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า หากคำว่า”ผิดหวัง”เป็นการสะกิดต่อมของใครบางคน แต่อยากให้ถือว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของคนที่ชอบ iPhone คนนึงที่ตั้งความหวังเอาไว้กับการเปิดตัวนี้มากเกินละกันนะ

 

เพื่อนๆคิดเห็นอย่างไรกับ iPhone 6 บ้าง มาเขียนแชร์กันหน่อยครับ 🙂