ไม่มีการพลิกความคาดหมายแต่อย่างใดเมื่อ Apple ได้มีการเปิดตัว iPhone 6 หน้าจอขนาด 4.7” และ iPhone 6 Plus หน้าจอ 5.5” ไปเรียบร้อย ไม่มีอะไรแตกต่างจากเครื่องที่หลุดมาก่อนหน้าแต่อย่างใด ซึ่งราคาเปิดตัวก็เท่าเดิมสำหรับ iPhone 6 และแพงขึ้นมาสเต็ปนึงสำหรับ iPhone 6 Plus และยังไม่ได้วางขายในเมืองไทยเป็นกลุ่มประเทศแรกตามข่าวลือแต่อย่างใด ซึ่งนอกเหนือจากขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น iPhone 6 และ 6 Plus มีความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยจนน่าผิดหวัง แต่ก็ยิ่งใหญ่มากพอที่จะทำให้หลายๆคนยอมกำเงินเดินเข้าไปซื้อ
ก่อนที่จะอ่านต่อไป ถ้าเกิดว่ายังไม่รู้ว่า iPhone 6 มีอะไรใหม่บ้าง แนะนำดูคลิปแนะนำของ Apple ก่อนครับ
อะไรทำให้น่าผิดหวัง?
ดีไซน์
แม้ว่า iPhone 6 จะมีการขยายหน้าจอ ใช้กระจกที่โค้งมน และลดความบางของเครื่องลงแล้ว แต่ส่วนที่ไม่ชอบที่สุดก็คือลายเส้นด้านหลังที่เส้นมันหนา ลากไปมาเยอะจนดูไม่งาม และโมดูลกล้องที่นูนปูดออกมาดูไม่เข้ากันกับตัวเครื่อง หากไม่ใส่เคสอาจจะมีปัญหาเวลาวางเครื่องเอาไว้ จะทำให้เกิดรอยขีดข่วนกับขอบและตัวเลนส์ได้ง่ายมาก เมื่อนำไปรวมกับปัญหาเมื่อมีรอยบุบสลายมากกว่า 3 มม. เครื่องจะหลุดประกันทันที ทำให้มั่นใจได้ว่า iPhone 6 และ 6 Plus น่าจะทำออกมาเพื่อขายเคสโดยเฉพาะ!! ใส่ที่นึงแก้ปัญหาลายด้านหลังที่ไม่ชอบ ปกป้องเลนส์ที่นูน และลดแรงกระแทกกันรอยขีดข่วน ครบทุกปัญหากันเลยทีเดียว
นี่เป็นคลิปที่ Apple ทำขึ้นมาโชว์ความงามของ iPhone 6 ที่อาจจะทำให้หลายๆคนชอบ แต่ไม่โดนใจผมเอาซะเลย
เห็นแล้วคิดถึงชุดของ “Kick Ass เกรียนโคตร มหาประลัย” ซะจริงๆ 555
แบตเตอรี
ตารางเปรียบเทียบความยาวนานของการใช้งาน เรียงจากซ้าย iPhone 6 Plus / iPhone 6 / iPhone 5s / iPhone 5c
ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องของแบตเตอรีในการเปิดตัว iPhone 6 มากนัก บอกแต่เพียงว่ามันอยู่ได้ยาวนานขึ้น ซึ่งถ้าอ้างอิงจากข่าวหลุดก่อนหน้า แบตของ iPhone 6 Plus (หน้าจอ 5.5”) จะได้แบตที่ใหญ่ขึ้นเป็น 2,915mAh ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ใช้งานได้ยาวนานขึ้นพอสมควร แต่สำหรับ iPhone 6 (หน้าจอ 4.7”) จะได้แบตเพิ่มขึ้น 16% เป็น 1,810mAh เท่านั้น และดูท่าว่าจะไม่ได้ทำให้ใช้งานได้ยาวนานกว่า iPhone 5s สักเท่าไหร่นัก เพราะหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ก็น่าจะกินไฟมากขึ้น
ความฝันที่เหล่าสาวกจะได้ใช้ iPhone อย่างยาวนานอาจจะสมบูรณ์แค่เพียงครึ่งเดียว
ข่าวเก่า ที่เคยหลุดเรื่องขนาดแบตของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus
ราคา
iPhone 6 เปิดราคามาเท่าๆกับตอนเปิดตัว iPhone 5s จนพอที่จะคาดการณ์ราคาวางขายในไทยได้ว่าไม่น่าจะหนีไปจากเดิมเท่าไหร่นัก แต่ว่าราคาเริ่มต้นของ iPhone 6 Plus เปิดมาน่ากลัวเสียนี่กระไร ดีดไปถึงราวๆ 28,000 บาท ทั้งที่สเปครวมๆเปลี่ยนไปแค่หน้าจอ แบตเตอรี และเพิ่ม OIS เข้าไปเท่านั้น
เข้าใจว่าการตั้งราคา iPhone 6 Plus นี้มันอาจเหมาะสมในเรื่องของการตลาด แต่สิ่งที่ทำให้หลายๆคนหวั่นเกรงมากๆคือ Android หลายๆเจ้าจะอัพราคาตัวเองขึ้นไปขายเท่าๆกับ iPhone 6 Plus เนี่ยแหละ ซึ่งก็อยากกระซิบบอกตรงนี้ว่าอย่าได้ทำเลย เตะตัดขาขายถูกกว่าจะสนุกกว่าเยอะ…
นวัตกรรม
จากทั้งหมดที่เปิดตัวมา สิ่งนึงที่หายไปก็คือนวัตกรรมแปลกใหม่จริงๆจังๆ จุดเด่นแทบทุกส่วนที่ยกมาบน iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เป็นอะไรที่มีอยู่แล้วในตลาดทั้งสิ้น และจริงอยู่ว่า iPhone 6 ทำให้มันโดดเด่นหรือพัฒนาให้ดีขึ้นกว่ามาตรฐานจริง แต่ก็ยังไม่สามารถเรียกเสียงฮือฮาจากแฟนๆได้เช่นเดิม
จุดๆนี้ก็พอเข้าใจว่าอาจจะเป็นเพราะข้อจำกัดด้าน Hardware ในตลาดที่อาจจะยังใช้งานไม่ได้จริง หรือยังไม่พร้อมให้ Apple นำเอามาใช้ได้ แต่ด้วยชื่อชั้นของแบรนด์ที่เคยเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม ก็ไม่แปลกที่แฟนๆจะร้องหาสิ่งนี้จากแบรนด์ที่รักของตนอีกครั้ง
ความสามารถด้านอื่นๆที่ Apple ได้อัพเกรดให้ iPhone 6 (แต่อาจจะยังไม่ค่อยโดนเท่าไหร่)
A8 chip & M8 motion processor : แรงกว่าเดิมและกินพลังงานน้อยกว่าเดิม แต่ของเก่าก็ดีอยู่แล้ว จนอาจทำให้ชิปทั้งสองตัวไม่ได้รู้สึกน่าหวือหวาอะไร ไม่เห็นผลอะไรในการใช้งานจริง อาจจะเห็นชัดๆแค่เพียงบางฟีเจอร์กล้องที่เพิ่มเข้ามาเท่านั้น แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไปเปรียบเทียบความเร็วที่เพิ่มขึ้นกับ iPhone Orginal ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2007 ไม่เปรียบเทียบกับ iPhone 5s รุ่นก่อนหน้า
หน้าจอความละเอียด Retina HD display : iPhone 6 (1334×750) และ iPhone 6 Plus (1920×1080) แม้ว่าทาง Apple จะพยายามเล่าเรื่องราวเบื้องหลังหน้าจอมากมาย แต่ท้ายที่สุด สรุปความหมายก็คือมันสวยเหมือนที่แล้วๆมา และคู่แข่งก็มีจอความละเอียดแบบนี้กันหมดแล้ว…period
รองรับการเชื่อมต่อที่ไวขึ้น : เป็นเรื่องที่ดีที่ iPhone 6 อัพเกรดให้รองรับ 4G LTE และ Wi-Fi รุ่นใหม่ที่เร็วกว่าเดิม เหมือนๆกับรุ่นเรือธงอื่นๆของ Android แต่ว่าในทางการใช้งานจริง 4G LTE ยังมีให้ใช้ไม่ได้ทั่วถึงเลย หรือต่อให้มีสัญญาณ ใช้ๆไปก็ต้องมากลัวติด FUP อยู่ดี ส่วน Wi-Fi ที่รองรับความเร็วมากขึ้น เน็ตที่บ้านที่ใช้กันทั่วไป 599 บาท ก็ได้ความเร็ว 10-12Mbps เราเตอร์ที่รับ-ส่งข้อมูลที่ใช้หลายๆตัวก็ใช่ว่าจะรองรับมาตรฐานใหม่นี้ กล่าวคือดีแล้วที่มีมา แต่ทางปฏิบัติมันไม่ได้หวือหวาเหมือนที่โฆษณา (Android หลายๆตัวที่โฆษณาความเร็วแรงแบบเดียวกันนี้ ก็เจอปัญหาไม่ต่างกัน)
Apply Pay : จ่ายเงินด้วย NFC + Touch ID อันนี้น่าสนใจเพราะทำให้เราไม่ต้องมานั่งพกบัตรเครดิตมากมายอีกต่อไป เพราะเราสามารถผูกบัตรเครดิตเข้ากับ iPhone 6 ได้ทันที แต่ดันเปิดใช้แค่ในอเมริกา ซึ่งกว่าที่จะเข้าไทยแบบพร้อมใช้งานได้จริงอาจจะต้องรอถึงปีหน้าหรือ iPhone รุ่นถัดไปเลย…แต่ที่หลายๆรอดูคือเมื่อ Apple กระโดดลงมาเล่นตลาด NFC ด้วยแล้ว จะช่วย Android เขย่าตลาดการจ่ายเงินแบบใหม่นี้ได้ขนาดไหน ไม่แน่ว่าในเมืองไทยอาจจะได้เห็นเร็วกว่าที่คิดก็เป็นได้
ผูกบัตรเครดิตเอาไว้กับเครื่อง หายก็ไม่ต้องกลัวเพราะต้องใช้ Touch ID ช่วยระบุตัวตนก่อนชำระเงิน หรือเราสามารถสั่งล้างข้อมูลระยะไกลได้ทันที โดยที่เราไม่ต้องสมัครบัตรเครดิตใหม่
เอาล่ะ มาดูกันต่อว่าทำไม iPhone 6 และ 6 Plus ที่น่าผิดหวัง แต่กลับยังน่ากำเงินรอซื้ออยู่กันต่อดีกว่า
ขนาด
หน้าจอ 4.7” และ 5.5” ทำออกมาตามคำเรียกร้องของเหล่าแฟนๆ และตอบโจทย์ลูกค้าอีกหลายๆรายที่รอ iPhone กินเห็ดขยายร่าง เปลี่ยนหน้าจอ 4″ ให้ใหญ่ขึ้นสักที เพราะเบื่อกับการที่ต้องมานั่งเพ่งจอเล็กๆจนหันหนีไปหา Android หลายราย และแค่เพียงข้อนี้ข้อเดียวผมก็เชื่อว่าสาวกเป็นจำนวนมาก และผู้ใช้ Android หลายๆคนที่เคยบ่ายหน้าหนี iPhone มาก่อนเพราะจอเล็ก ก็พร้อมจะควักเงินในกระเป๋าไปซื้อเจ้า iPhone 6 และ 6 Plus กันแล้ว
iPhone 6 Plus / iPhone 6 / iPhone 5s / iPhone 5c
และเพียงแค่การขยายขนาดของ iPhone เชื่อว่าผู้ผลิต Android อีกหลายๆเจ้าต้องมีปาดเหงื่อ เพราะจุดต่างหลักที่เคยใช้ข่ม iPhone มาตลอด ได้ถูกทำลายลงไปแล้ว
กล้อง
ตอนแรกก็ว่าน่าผิดหวังที่ยังให้ความละเอียดมาแบบอินดี้ที่ 8 ล้านพิกเซลเหมือนเดิม แต่ถ้ามองโลกในแง่ดีความละเอียดน้อยก็ไม่เปลืองที่จัดเก็บดีนะ และความสามารถต่างๆที่เพิ่มขึ้นมาให้ทัดเทียมกับ Android รุ่นท็อปหลายๆรุ่น ก็น่าจะทำให้ iPhone 6 กลายเป็นสมาร์ทโฟนที่จะเก็บภาพความประทับใจได้ดีไม่แพ้กล้องแอนดรอยด์หลายๆรุ่น และสร้างความประทับใจมากพอที่ทำให้หลายๆคนยอมควักเงินเปลี่ยนมาใช้ iPhone 6 กันได้ทันที
iPhone 6 มีการพัฒนาในเรื่องกล้อง 3 ส่วนคือ กล้องหลัง, ถ่ายวิดีโอ, และกล้องหน้า
กล้องหลัง : Focus Pixels (โฟกัสภาพได้ไวขึ้น), Face Detection (โฟกัสหน้าคนได้ดีขึ้น), Exposure Control (เพิ่มลดความสว่างได้เองจากจุดที่โฟกัส), Auto Stabilization (กันภาพสั่นอัตโนมัติ), Optical Image Stabilization (ถ่ายภาพแสงน้อยได้ดีขึ้น)…แต่น่าเสียดายที่ Apple ดันกั๊กให้ OIS มีแค่บน iPhone 6 Plus เท่านั้น จะซื้อ iPhone 6 ธรรมดานี่ถึงกับเซ็งและคิดใหม่เลย -__-
ภาพตัวอย่างจาก iPhone 6 ถ่ายที่ ISO 40 f/2.2 1/100
วิดีโอ : Time-lapse, Continuous Autofocus (โฟกัสภาพต่อเนื่องระหว่างถ่ายวิดีโอ), 240-fps Slo-mo (ถ่ายภาพสโลโมชั่นได้ช้ากว่าเดิมเท่าตัว), Cinematic Video Stabilization (กันภาพสั่นระหว่างถ่ายวิดีโอ)
กล้องหน้า : Exposure Control (เพิ่มลดแสงสว่าง), Improved Face Detection (โฟกัสหน้าให้ชัด), HDR Video (ถ่ายวิดีโอเป็น HDR), Burst Mode (ถ่ายเซลฟี่รัวต่อเนื่อง), Timer Mode (ตั้งเวลาถ่าย)
ภาพตัวอย่างจากกล้องหน้าของ iPhone 6 ถ่ายที่ ISO 32 f/2.2 1/370
จากที่เขียนมายืดยาวด้านบนนี้ ฟีเจอร์ใหม่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนคงจะเป็น 240-fps Slo-mo แค่อันเดียวเท่านั้น ที่เหลือเราจะเคยได้เห็นบน Android มาแล้วทั้งสิ้น แต่การที่ iPhone จับเอาความสามารถเหล่านี้มารวมให้ผู้ใช้ iPhone 6 มีเหมือนชาวบ้าน ก็เป็นการตีบวกให้มีความน่าใช้มากขึ้นเยอะแล้ว
ไปดูความสามารถของกล้องมันเต็มๆกันที่เว็บเค้าเองเลยดีกว่า น่าจะทำให้เห็นภาพชัดเจนว่ากล้องของ iPhone 6 นั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างใดบ้าง พร้อมการกราฟิกตัวอย่างที่ทำให้เห็นภาพกว่าเขียนเยอะเลย http://www.apple.com/iphone-6/cameras/
ปล. จริงๆแค่ iPhone 5 → iPhone 5s ก็เปลี่ยนแปลงเยอะมากแล้วนะ แต่คิดว่า iPhone 6 มันน่าจะเจ๋งกว่ามากเลย
ปล.2 แต่สุดท้ายคุณภาพจะดีแค่ไหนคงต้องรอมันวางขายและทดสอบจริงอีกครั้ง รอติดตามได้ที่ Droidsans เนี่ยแหละ
iOS 8
ถ้าใครยังไม่เคยเห็นความสามารถของมัน แนะนำให้กลับไปลองอ่าน blog เก่าด้านล่าง ซึ่งแม้ว่า iOS 8 นี้จะเป็นที่ถกเถียงกันเรื่องความสามารถที่ทำตาม Android มาซะเยอะ เอาของคนอื่นมาซะแยะ แต่เมื่อตัดเรื่องข้อถกเถียงเหล่านี้(ที่เถียงยังไงก็ไม่จบ)ทิ้งไป ความเจ๋งของ iOS ทั้งหมดที่สั่งสมมา ไม่ว่าจะเรื่องความเสถียร ลื่นไหล หรือใช้งานง่าย รวมกับ iOS 8 ที่ปลดข้อจำกัดมากมายที่เคยมีทิ้งไป ทำให้ทำงานได้พอๆกับ Android นั่นก็ทำให้ iPhone 6 ก็จะกลายเป็นโทรศัพท์ที่น่าใช้มากๆตัวนึงเลยทีเดียว
เจาะลึก iOS 8 มีอะไรใหม่ และอันไหนดูละม้ายคล้าย Android
สรุป
iPhone 6 และ iPhone 6 Plus แม้ว่าจะมีเสียงบ่นไม่ชอบอะไรอย่างไรก็ตาม แต่ยังไงมันก็จะยังขายดีถล่มทลายอย่างกับแจกฟรีอยู่เหมือนเดิมแน่นอน เพียงแค่ขยายหน้าจอขึ้นมาก็น่าจะทำให้ผู้ผลิต Android หลายๆเจ้าอ่วมอรทัยไปต่อไม่เป็นกันแล้ว และต้องรอดูว่าการปรับลดราคาของ iPhone 5s และ iPhone 5c จะยังทำให้มันขายได้ดีเหมือนต่อไปรึเปล่า หรือยอดขายจะตกลงเหมือนรุ่นอื่นๆที่เป็นมา
Android ส่วนรวมจะมีผลกระทบอะไรจากการมาของ iPhone 6/ 6 Plus รึเปล่า?
จากการวิเคราะห์แบบงูๆปลาๆคิดว่า Android รุ่นพรีเมียมน่าจะได้รับผลกระทบเต็มๆ ยอดขายมีสิทธิ์ตกฮวบได้ แต่สำหรับภาพรวมของ Android ที่มีจุดมุ่งหมายทำโทรศัพท์เพื่อเข้าถึงคนทุกกลุ่มทุกระดับให้สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตและความรู้ได้ ราคาที่ถูกกว่า 4-5 เท่า แต่ทำงานได้ดีน้อยกว่า iPhone 6 ไม่มาก ก็ไม่น่าจะได้รับผลกระทบอะไร ส่วนแบ่งการตลาดของ Android ทั่วโลก ก็ไม่น่าจะลดลง แต่อาจจะเพิ่มขึ้นเสียด้วยซ้ำไปครับ
ทิ้งท้ายไปด้วยคลิปนี้ – หนึ่งในคลิปที่แสดงความเป็น Apple แบรนด์ที่หลายๆหลงใหลและต้องการได้มาครอบครอง
ปล. ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า หากคำว่า”ผิดหวัง”เป็นการสะกิดต่อมของใครบางคน แต่อยากให้ถือว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของคนที่ชอบ iPhone คนนึงที่ตั้งความหวังเอาไว้กับการเปิดตัวนี้มากเกินละกันนะ
เพื่อนๆคิดเห็นอย่างไรกับ iPhone 6 บ้าง มาเขียนแชร์กันหน่อยครับ 🙂
ขอบอกน่าทึ่ง ถ้ากล้องหน้า 1.2 ถ่ายได้ดีขนาดนั้น
ใช่ครับ น่าทึ่ง แต่ดูเต็มๆจอก็แตกนะ แต่ไม่น่าเกลียด
เห็นในเว็บ apple บอกว่ากล้องหน้าถ่ายได้ดีขึ้น 81%
เฉยๆ ไม่ติไม่ชม สนุกไม่เท่าใช้แอนดรอย อิอิ
กล้องหลัง speed shutter 1/1000 นะครัชชช!
สิ่งที่ Apple ทำใช้จิตวิทยาควบคู่ไปด้วย(ผมไม่รู้เรียกว่าอะไร ขอใช้คำว่า จิตวิทยา แล้วกัน) ผมจะยกตัวอย่างมุมหนึ่งให้ครับ
เช่น ทำไมต้องเทียบกับรุ่นเก่า แล้ว CPU แรงกว่า 50 เท่า ส่วน GPU แรงกว่า 84 เท่า ก็เพราะว่า ผู้ใช้ทั่วไป(ที่ไม่ได้มีความรู้อย่างพวกเราที่อยู่ในวงการนี้) เมื่อเห็น ตัวเลข กราฟ แผนภูมิ สีสัน(อะไรที่ฟังหรือเห็นแล้วเข้าใจง่ายๆ) ผู้คนเหล่านี้จะรู้สึกว่ามัน Wow มันดูน่าทึ่ง น่าสนใจ(50 เท่า 84 เท่า ว๊าว สุดยอดมากเลย แรงมากเลย) เป็นต้น
ปล.ขนาด"อาจารย์แพทย์"โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เชี่ยวชาญมากด้านการแพทย์ แต่พอเป็นเรื่อง ระบบปฎิบัติการ window linux android อาจารย์แกกลับไม่ค่อยรู้เรื่อง งง?ๆ ซับซ้อน เข้าใจยากและให้ผมช่วย(ประสบกับตัวเองเมื่อไม่นานมานี้)
แถมๆ โรงพยาบาลดังกล่าวยังใช้ window xp และ ie6 อยู่เลยครับ มันสะท้อนให้เห็นว่า
**พวกเราอยู่ในวงการนี้ เข้าใจและรู้เทคโนโลยีต่างๆ แต่ในทางกลับกันสำหรับคนทั่วไปหรือคนที่ไม่ได้อยู่ในวงการ กลับเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก ซับซ้อน เรื่องมากและเสียเวลา
+1024 เลยครับ *0*
ถูกตามที่คุณ zengshado บอกเลยครับ กลุ่มที่ติดตามเรื่องราวด้านไอทีด้านต่างๆ มันจะรู้สึกไม่หวือหวา บางอย่างดูธรรมดา บางอย่างอาจว้าว แต่ก็ไม่มากมาย แต่กับกลุ่มที่ไม่สนใจเลยหรือติดตามนานๆที เค้าเห็นทีนี้ WOW!! เลยครับ เจอประจำอะ เวลาไปตาม Shop ต่างๆ ฮือฮามาก เวลาพนักงานแนะนำฟังก์ชั่นเด็ดๆ ของรุ่นนั้นๆ
แต่อย่างว่าละครับ ความสนใจแต่ละคน มันสนใจคนละด้าน ตามที่คุณ zengshado บอกมา ถ้ามีใครถามมาผมเรื่องราวแนวแพทย์, แนวไฟฟ้า อันนี้ผมก็ดับเหมือนกันครับ – -"
สำหรับผมที่ไม่ชอบใส่เคส เห็นข้างหลังแบบนั้น ไม่โดนอย่างแรง ใช้ i5s ต่อรอ Z3 ดีกว่า
"ความผิดหวัง ที่ต้องกำเงินรอซื้อ"
ฟอนต์เข้ากับ คำว่า iPhone 6 มาก
ยังกับสโลแกนใหม่ ของคำว่า think difference เลย
"ไม่ผิดหวัง ที่ไม่มีเงินซื้อ"
+1
ถึงมีเงิน ก็ไม่ซื้อครับ 0:)
พอดีเล็ง LED LG LB670T ตัว 47 นิ้ว ไว้ ราคาเท่าไอโฟนเลย ผมงี้ไม่ลังเลเลย
เอาจอเหมือนเดิม
มือถือแอนดรอยแบรนด์จีน ต่อไป
ของผมจะคล้ายๆ กัน
"ไม่ผิดหวัง เพราะไม่มีเงินซื้อ" :p
กระจกครอบเลนส์ iphone ด้านหลังเป็น แชฟไฟร์ นะ
ไม่เป็นรอยง่ายๆ มั่งครับ?
ใช่ครับ กระจกเลนส์เป็น sapphire ไม่เป็นรอยง่ายๆแน่ๆ ต่อให้เอากระดาษทรายมาขัดก็เถอะ
ถ้าจะมี Hardware ส่วนไหนที่คนใช้ Android จะอิจฉาตอนนี้ได้ก็มีกระจกเลนส์นี่ละครับ
คลิปเทสกระจก sapphire ตามด้านล่างนี้เลยครับ
http://www.youtube.com/watch?v=b7ANcWQEUI8
ส่วนจอ iphone 6 ที่ในคลิปขัดโชว์นั่นไม่ใช่ Sapphire แท้ๆนะครับ
หวังว่าจะอย่างงั้นเหมือนกันครับ เห็นหลายตัวละ ตอนโฆษณาบอกอย่างงั้นงี้ แต่สุดท้ายไม่เห็นมีใครกล้ารับประกันว่ามันจะไม่เป็นรอยสักรายเลย
เห็นเค้าบอกใช้มาตั้งแต่ iphone 5 แล้ว แซฟไฟร์' ก็คงจริงอย่างว่า ip5 ,5s ไม่มีบ่นเรื่องกล้องลาย ip4,4s ไปกันแล้ว ต้องเปลี่ยนฝากหลังกันเลยทีเดียว
สวย อยากได้จังครับ
สาวก แอปเปิ้ล ไม่ต้อง กลัวครับ เดี๋ยว ไอ หก เอส ก้อ มา อีกเดี๋ยว ก้อแรง ตามหุ่นเขียว นะครับ ใจเย็นๆ
อันนี้เจ็บแสบดี 5555
IPod Touch Gen 6 ขอสเปค 5.5 นิ้ว Apple A6 1.3GHz RAM 1GB Internal 32GB ราคา 11900 บาทนะครับ
อันนี้ความเห็นส่วนตัวผมนะ
เป็นสูตรการเล่นพวกเทคโนโลยี่สมัยนี้
—> มือถือ = ต้องใช้ Android เหตุผล
1. ก็มือถืออ่ะนะ เน้นใช้โทรไว้ก่อน และสมาร์ทโฟนยุคนี้ ต้องแบตอึด อยู่ได้นาน เล่นเฟสเล่นไลน์ได้ตลอด
2. แอฟพื้นฐาน แอนดรอยมีอยู่แล้ว
3. หาที่ชาจง่าย ยืมสะดวก
4. มีให้เลือกเยอะ อยากได้ราคาไหน สเปคไหน ชอบอะไรยังไงจัดตามชอบได้เลย
5. ราคาถูก
6. อยากได้ 1ซิม 2ซิม จัดโปรได้ตามใจ บริหารค่าโทรได้อีก
ทำไมไม่ใช้ iphone
1. แบตไม่อึด ตอบโจทย์ยุคนี้ไม่ผ่าน
2. หาที่ชาจยาก
3. ราคาแพง
**บางคนจะบอกว่า App Android กาก เรามาแก้จุดนี้กันโดยใช้
—> ipad mini = อันนี้เอาไว้เล่นแอฟ และเกม
1. ข้อดีของไอแพด คือ เล่นแอพได้2ตลาด ( App Store Iphone / Ipad ) ถ้าเป็น ไอโฟน จะลงได้แค่ Iphone store
เห็นไหม แก้ได้ละ
2. ถูก ราคาสมน้ำสมเนื้อ เงินเหลือเอาไปจัด Android อีกซักเครื่อง
**อยากได้โน๊ตบุคไว้ทำงานละ
—> จัดไป Surface pro3 เอาไว้ใช้เซฟรูปใน Andriod หรือ Ipad ก็ได้ พกพาสะดวก ทำงานก็ได้
ปณ ทีผมยกมา มันคือความคุ้มค่าในการลงทุน เพราะไอโฟน ราคามันเวอร์ไป แพงเวอร์ เอาตังค์มาจัดสูตรผม ตัด Surface ออกคุ้มกว่าเห็นๆ
ออกตัวเลยว่าแอนตี้ศาสนาไอโฟนมานานแล้ว
แต่ก็ต้องบอกว่ายุคนี้ไม่ว่าจะค่ายไหน เหมือนเริ่มเข้าสู่
ยุควิกฤตินวัตกรรม คือถ้าย้อนไปยุค 2000 มือถือรุ่นใหม่
แต่ละรุ่นจะออกมาให้ร้องว้าวทุกรุ่น
แต่สามปีมานี้มือถือ"ทุกค่าย"ก็ทำได้แค่เร็วขึ้นอีกนิดนะ
กล้องบ้าพิกเซลอีกนิดนะ จอใหม่เอาแว่นขยายส่องแล้วคมขึ้นนะ
น้ำจิ้มเยอะขึ้นนะ Bloatware ยัดเยียดสะใจขึ้นนะ
ตอน Nokia ออกรุ่น 808 กล้อง 41MP ออกมา น้องๆที่ทำงานสตูดิโอ
ก็ไม่เห็นมีใครใช้ Nokia รับงาน Ad ซักคน ก็เห็นใช้ Canon 5D
รับงานเหมือนเดิม (ประชด)
ตอนนี้อยากเห็นแค่มือถือจอ Full HD พอแล้ว แต่ขอเล่นเกมได้ภาพเท่า PS3
กล้อง 8MP พอแล้ว แต่ขอนอยซ์เนียนกริ๊ปที่ ISO3200
ฟังก์ชันขี้ฝอยพอแล้ว ขอแบตใช้งานในชีวิตจริงได้สองวัน
ก็คงยังห่างไกลเกินฝัน แต่ไม่รู้ทำไมขยันเกทับบ้าเลขบนกระดาษกันจัง
ส่วนตัวผมว่า 8 ล้านน้อยไปอะ น่าจะสัก 12-13 ล้านกำลังพอดี ขอรูรับแสงกว้างๆ สัก1.8 ปรับ ISO สัก 1600 – 3200 แล้วเนี๊ยบไม่มีนอยซ์ให้ขัดตา 5555555
ปล.ขอชัตเตอร์เร็วๆด้วยนะ อยากเล่น Stop motion ^^
ขอบอกในฐานะที่เป็น geek คนหนึ่งเลย
มือถือเรือธงสามปีหลังมานี้ ผมถือหลักใช้จนกว่าจะโทรม แล้วค่อยซื้อใหม่…จบ
ไอ้เรื่องว่าเห็นนวัตกรรมใหม่แล้วตูต้องซื้อให้ได้แม้เครื่องเก่ายังดี ไม่มีในหัวเลย
ตอนนี้ใช้ S4 อยู่ สิ่งแรกที่ทำหลังจากได้เครื่องคือไล่ disable bloatware
ให้เครื่องเบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้ และเครื่องต่อไปก็คงต้องทำแบบเดียวกัน
ใช้ Find 5 อยู่ สบายใจมากเหมือนกันครับ
โทรศัพท์ จะ 2 ปีแล้ว ก็ทำทุกๆอย่างได้เหมือนโทรออกใหม่ๆ ยกเว้น LTE ซึ่งก็ยังไม่ถึงเวลาอยู่แล้ว
ติดใจเลยซื้อรุ่นที่ใหม่ๆ รุ่นเรือธงนิดนึงใช้ได้นาน และมีคนทำรอมให้ด้วย สบายใจสุดๆ
ใช้ห s3 ต่อไป
ตากิมมี่ สาวกไอโฟน อิิิอิ
ถ้า iphone โหลดคลิป เพลง หนัง ได้แบบไม่ต้องพึ่งพาสายต่อคอม ผมจะไม่มอง android เลย
iTunes Wi-Fi Sync ไงครับ ไม่ต้องใช้สาย Syncผ่านไวไฟได้เลย
หมายถึงอิสระจากคอมครับ เข้าเว็บเจอไรดีๆก็โหลดเก็บได้เลย
จริง ๆ iOS มันก็โหลดได้อยู่นะครับ แต่อาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่ เพราะไม่ได้แยกส่วนการทำงานในการดาวน์โหลดไฟล์อย่างชัดเจนเหมือน browser ในคอม
กด link โหลด แล้ว มันจะต้องรอสักพัก (เหมือนรอโหลดหน้าเว็บ) พอโหลดเสร็จมันจะขึ้นเป็นรูปไฟล์ให้เรากด open in.. เราก็กดแล้วเลือกแอพที่เราต้องการ จัดเก็บ/เล่น ไฟล์นั้นๆ ได้เลยครับ เช่น ถ้าเป็นหนัง ก็เลือกแอพ VLC หรือ แอพประเภท storage เช่น แอพ File hub เพื่อที่จะเก็บไฟล์ไว้ หรือ เปิดเล่น หรือ ส่งต่อไปเปิดในแอพอื่น ก็ได้ครับ (จาก file hub ส่งไฟล์ไปไว้บนคอมผ่าน wifi ในวง lan เดียวกัน ก็ยังได้)
ปล. วิธีดาวน์โหลดแบบที่ว่า ผมไม่แน่ใจว่าถ้าไฟล์ใหญ่มากๆ มันจะรอจนเสร็จได้หรือเปล่า หรือ safari จะ error ก่อน ก็ไม่รู้นะครับ ต้องลองดู
ปล2. ผมชอบ file hub (จาก App store เลย ไม่ต้องเจล) ครับ ทำงานได้ครอบจักรวาล เก็บไฟล์, เล่นไฟล์, ดูหนัง, ฟังเพลง, บีบอัด/แตกไฟล์ .zip , ทำหน้าที่เป็น flash drive จัดเก็บไฟล์อะไรก็ได้ โดยหลัก ๆ แล้ววิธีเชื่อมต่อคอมจะใช้ wifi ในการดึงไฟล์เข้า-ออก ผ่าน browser บนคอม ได้เลยครับ ขอแค่ใช้เน็ตเดียวกัน
ดูคลิป Apple Perspective แล้วนึกถึง MV เพลง " The Writing's On the Wall " ของ OK Go เลย ชอบ ๆ
ผิดหวังมาก คงไม่ซื้อครับ
ซื้อคอมโบ Xiaomi Mi4 กับ iPad Air แทนดีกว่า
น่าลอง 6 Plus เหมือนกัน
ผมก็รู้สุึกมันไฮโซเคยลองใช้ i device แต่สุดท้ายก็แอนดรอยที่มีรอมโมเยอะๆ
สำหรับผมที่ระดับผู้ใช้งานทั่วไป .. คิดว่าเงิน 3 หมื่นน่าจะทำประโยชน์อ่ะไรได้มากกว่านี้ครับ 555+
สำหรับผมที่ระดับผู้ใช้งานทั่วไป .. คิดว่าเงิน 3 หมื่นน่าจะทำประโยชน์อ่ะไรได้มากกว่านี้ครับ 555+
สำหรับผมที่ระดับผู้ใช้งานทั่วไป .. คิดว่าเงิน 3 หมื่นน่าจะทำประโยชน์อ่ะไรได้มากกว่านี้ครับ 555+
และก็คิดว่าผู้ใช้งานระดับสูงบางท่านในบอร์ดแห่งนี้ สามารถทำให้มือถือราคาหลักพันทำอ่ะไรได้มากกว่าไอโฟนเสียอีกครับ อิอิ
เปลี่ยนชื่อเว็บดีไหมครับ ios-droidsans.com ชื่อนี้ก็ดีนะ
เว็บ ios ยังไม่นำข่าว android ไปใส่ให้สาวกรำคาญเลย
แต่นี่ เว็บ android ต้องมาเป็นทาสข่าว ios ซะงั้น…
ขี้รำคาญจัง มีหุ้นอยู่ในบริษัทคู่แข่ง apple หรอครับ
ไม่พอใจก็ไม่ต้องอ่านสิครับ ยังมีอีกหลายคนที่อยากอ่านข่าวพวกนี้
ก็รำคาญๆๆๆ ท่าน mtmm เหมือนกัน!! สะกิด ติ่ง apple ไม่ได้ !! ก็นี่มัน เว็ป android ชัดๆๆๆ ท่าน mey เขาก็พูดถูก และอีกหลายท่าน เขาก็ รำคาญ ท่าน มากกว่ามั๊ง!! ผมก็ไม่เคยไป คุยเสวนาในเว็ปของ apple เลย !!!!
คุณ MTMM ก็ลองไปดูเว็บ Apple ก็ได้นะ ว่ามีข่าว Android มาล่อเป้า ติ่ง Apple รึปล่าว
*อยากเห็นหัวข้อข่าวนี้ครับ "ชาวดรอยเตรียมเฮ! droidsans เปลี่ยนชื่อเว็บใหม่สุดหรูเป็น ios-droidsans.com"
นวัฒกรรมใหม่ๆ เริ่มช้าลงละเริ่มหายไปตั้งแต่ Steve Job จากไปจริงๆ
Apple ตอนนี้ กินบุญเก่าที่ Steve Job ได้ทำไว้ และได้แค่พัฒนาตาม Android แค่นั้นเอง
แต่ผมก็ยังใช้ iPhone เป็นหลักอยู่ดี เพราะสิ่งสำคัญคือความเสถียร
—
เพื่อนๆที่ทำงานหลายคนมีทั้ง iOS Android รุ่นท็อปๆ ก็ยังมีอาการค้าง ตอบสนองช้า สู้ iOS ไม่ได้อยู่ดี
มันก็แปลกจริงๆ ทำไม Android ทำให้เสถียรเหมือน iOS ไม่ได้
ปล.ผมทำงานเขียนแอพ Android และ iOS นะครับ เพราะเครื่องทดสอบมีทุกสเปก