เมื่อคืนในงาน WWDC 2014 ของทาง Apple ได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องของการอัพเดทซอฟท์แวร์นั่นก็คือ Mac OS X Yosemite และ iOS 8 ที่เป็นไปตามข่าวลือก่อนหน้า โดยปราศจากเงาของอุปกรณ์ใหม่ๆอย่าง iPhone 6 หรือ Wearable Device ที่หลายๆคนรอคอยกัน และสำหรับการอัพเดททั้งสองนี้ ผมจะไม่ขอเจาะลึกในส่วนของ Mac OS มากนัก แต่จะขอไปพูดถึง iOS 8 ที่เกี่ยวข้องกับด้านมือถือมากกว่า ซึ่งตามเสียงวิพากษ์วิจารณ์รวมถึงราคาหุ้นที่ตกลงก็สะท้อนมาได้ถึงความผิดหวังของใครหลายๆคนได้เป็นอย่างดี ด้วยสาเหตุที่ว่า iOS 8 ยังคงไม่มีสัญญาณการปฎิวัติวงการอะไรออกมา และดูเหมือนว่ายังเป็นเพียงการพัฒนาตัวเองตาม Android ขึ้นมาเท่านั้น
ก่อนที่จะไปถึง iOS 8 ผมขอสรุปสั้นๆเกี่ยวกับ OS X Yosemite ก่อนแล้วกัน ซึ่งเท่าที่พยายามจับในความการเปลี่ยนแปลงหลักๆจะเห็นอยู่ถึง 5 อย่าง คือ
ทำงานร่วมกับ iOS ได้อย่างสมบูรณ์และลงตัวมากขึ้น
Spotlight กลายเป็นหัวใจของเครื่อง เอะอะๆวิ่งหามันก่อนได้เลย
ปรับปรุงดีไซน์และหน้าตาหลายๆส่วนให้เป็นไปในทางเดียวกับ iOS
Notification Center ที่ฉลาดกว่าเดิม
เปลี่ยนชื่อรุ่นเป็น Weed… เอ้ย!! Yosemite ต่างหาก
โดยส่วนที่เป็น Highlight ของ Yosemite น่าจะมีเพียงข้อแรก ซึ่งน่าจะรวบเอาไปพูดถึงใน iOS 8 ทีเดียวไปเลยได้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ไปดูกันดีกว่าว่า มีอะไรใหม่บ้างใน iOS 8
Photos – แบคอัพรูป/ปรับแต่งภาพ/การจัดการ
*iCloud Photo Library : บริการจัดเก็บภาพเอาไว้บน Cloud เพื่อการสำรองข้อมูลภาพของเราให้ปลอดภัยไม่ต้องกลัวหาย สามารถเข้าถึงได้จากหลายอุปกรณ์พร้อมกันทุกที่ทุกเวลา และจุดที่ทำให้มันน่าสนใจที่สุดคงไม่พ้นความสามารถที่จะจัดเก็บเอาภาพความละเอียดสูงขึ้นไปไว้บน Cloud เหลือเพียงแต่ภาพความละเอียดต่ำเอาไว้ภายในเครื่อง ซึ่งเพียงพอกับการเปิดดูทั่วไป ทำให้ผู้ใช้ประหยัดพื้นที่หน่วยความจำลงได้มากนั่นเอง
*Smart Composition และ Smart Adjustments : ไม่ต้องอธิบายอะไรมากกับฟีเจอร์นี้ มันก็คือเครื่องมือตกแต่งภาพนั่นแหละ แต่ว่าด้วยฝีมือของ Apple พวกเค้าทำให้การตกแต่งรูปดูง่ายและภาพออกมาดูสวยได้อย่างน่าประทับใจ
Search : ตัวแกลอรีภาพมันจะมีความฉลาดมากขึ้นในการค้นหาภาพที่เราต้องการ โดยที่จะเพิ่มความสามารถในการค้นหาภาพจากเวลา และสถานที่ที่เราถ่ายมาได้ ไม่ต้องมาเสียเวลาลากถูจนหน้าจอเลอะเทอะอีกต่อไป
Time-lapse : โหมดถ่ายภาพหน่วงเวลา โดยถ่ายเราถ่ายวิดีโอโหมดนี้จะได้ภาพแบบเวลาเรากดเพิ่มความเร็วภาพ 2X 4X 8X เวลาดูหนังอะไรอย่างงั้นแหละ แต่ทาง Apple ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรตรงนี้มากมายนัก
บทวิพากษ์
ชอบความสามารถของ iCloud Photo Library ที่จะช่วยประหยัดพื้นที่จัดเก็บรูปบน iPhone หรือว่า iPad นะ แต่ว่าข้อเสียหลักๆเลยคือราคาของ iCloud ที่แพงหูฉีก จ่ายเดือนละเกือบ 700 บาทเพื่อพื้นที่เพิ่มขึ้น 10GB…เก็บเงินเอาไว้ซื้อเครื่องที่ความจุสูงขึ้นไปเลยอาจจะคุ้มกว่า (ไปดูเปรียบเทียบราคา Cloud Storage แล้วจะเห็นชัด)
ชอบความสามารถของ iCloud Photo Library ที่จะช่วยประหยัดพื้นที่จัดเก็บรูปบน iPhone หรือว่า iPad เพราะค่าเมมเพิ่มจากรุ่น 16GB –> 32GB –> 64GB มันช่างแพงเหลือเกิน
Apple ได้ทำการทุบตลาด Cloud Storage อีกครั้งด้วยการลดราคาพื้นที่ iCloud Drive 20GB เพียง $0.99 ต่อเดือน และ 200GB เพียง $3.99 ต่อเดือนเท่านั้น
ตัวปรับแต่งภาพของ iOS 8 นี่มันดูดีจริง เห็นแล้วว้าวเลย แนะนำลองไปดูเดโมใน Keynote ได้
Android แวะมาสะกิดบอก
อยากได้ iCloud Photo Library ไปลองใช้ Google+ ดูมั้ย? ฟีเจอร์นี้ไปเอาจาก Google+ มาเลยทีเดียว ได้การสำรองภาพเหมือนกันในราคาพื้นที่บน Cloud ที่ถูกกว่ามากๆๆๆๆๆ (แต่แอบเซ็งที่ Google+ ยังไม่สามารถทิ้งสำเนาความละเอียดต่ำบนเครื่องได้) *แก้ไข Google+ และ Photo Stream เกิดมาในปี 2011 พร้อมๆกัน ฉะนั้นไม่น่าจะเป็นใครลอกใครครับ
การสำรองภาพที่ความละเอียดไม่เกิน 3MP บน Google+ สามารถ Backup ได้ไม่อั้น Unlimited และไม่ต้องเสียเงินสักบาท
Search และ Filter บนแอนดรอยด์มีมาได้สักพักแล้วนะจ๊ะ เท่าที่เห็นก็ Sony กับ Samsung ทำได้แล้ว และทีสำคัญคือมันแบ่งประเภทภาพ เช่น ภาพคน ภาพวิว ภาพสัตว์ ได้ด้วยนะเออ เก่งกว่าอีก
Time Lapse อันนี้ก็ทำได้มาตั้งแต่ขึ้น Jelly Bean แล้วจ้า
iMessage – ส่งข้อความเสียง/วิดีโอ/ตำแหน่ง/ตั้งกลุ่ม
เรื่องฟีเจอร์อันนี้คงไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะหลายๆคนน่าจะคุ้นเคยกันอยู่แล้วแต่ว่าจุดเด่นที่ทำให้ iMessage น่าใช้มากกว่าแอพอื่นๆคงไม่พ้นการดีไซน์ที่ทำออกมาได้ดูแล้วใช้งานง่ายและตอบโจทย์ เช่น
เมื่อเราส่งข้อความเสียง เราสามารถกดค้างที่ไมค์ แล้วก็ปัดขึ้นด้านบนเพื่อยืนยันการส่ง หรือปัดซ้ายเพื่อยกเลิกได้ และเมื่อได้รับข้อความ เราก็แค่ยก iPhone ขึ้นมาแนบหูก็ฟังได้ทันที สะดวกมากมาย
เมื่อทำการแชร์ตำแหน่ง ก็สามารถตั้งเวลาที่ต้องการแชร์ได้ทันทีไม่ต้องมาคอยถามว่า “อยู่ไหนแล้ว” อีกต่อไป
บทวิพากษ์
UI/UX ทำออกมาได้น่าใช้มาก
แต่ทำไมต้องจำกัดให้ใช้ได้แต่ iOS…ไม่กะจะให้คุยกับคนที่ไม่ใช้เลยหรือไง
Whatsapp แวะมาสะกิดบอก
very flattering to see Apple “borrow” numerous WhatsApp features into iMessage in iOS 8 #innovation
— jan koum (@jankoum) June 2, 2014
Design – สั่งงานผ่านการแจ้งเตือน/ปรับปรุง Mail
Interactive Notification : เตือนมาก็ตอบรับกับการแจ้งเตือนได้ทันที เช่น จะส่งข้อความกลับ รับนัดหมาย หรือกดไลค์ภาพของเพื่อน
Mail : ปรับปรุงให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น สามารถปัดเมล์ไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อสั่งงานได้ รวมถึงดูเนื้อหาในเมล์ว่าเป็นเบอร์โทร หรือนัดหมายรึเปล่า แล้วจะช่วยจัดเก็บให้เราได้อย่างง่ายดาย
เพิ่มเติม : มีรายชื่อคนโปรดในหน้า Multitasking และความสามารถของ Safari บน Mac จะมีบน iPad
บทวิพากษ์
…
Android แวะมาสะกิดบอก
#จ่ะ #คิดว่าดีก็ทำต่อไป
QuickType คีย์บอร์ดเดาคำอัจฉริยะ
ไม่ต้องมาคอยนั่งพิมพ์เองอีกต่อไปเมื่อคีย์บอร์ดจะเดาคำที่เราจะพิมพ์ต่อไปให้อัตโนมัติ โดยมันจะรู้รูปแบบการพิมพ์ของเรา รู้ว่าเนื้อหาที่กำลังคุย และรู้ว่าว่าเรากำลังคุยกับใคร ซึ่งทาง Apple ดูค่อนข้างจะภูมิใจนำเสนอเจ้าคีย์บอร์ดตัวนี้มากว่ามันเจ๋งจริงๆ ซึ่งสำหรับชาวไทยก็ได้เฮเช่นกันเพราะคีย์บอร์ดนี้รองรับภาษาไทยด้วยจ้า
รายชื่อประเทศที่รองรับการใช้งาน QuickType
ปล. iOS 8 เปิดให้ดาวน์โหลดคีย์บอร์ดเสริมได้(สักที)
บทวิพากษ์
ทุกคนรู้กิตติศัพท์ของ iOS Keyboard ดี คงต้องรอดูต่อไปว่ามันจะเจ๋งตามคำคุยหรือเปล่า
#damnautocorrection
แล้วที่มันรู้ไปทุกอย่าง ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวจะมีมั้ยเนี่ย?
Android แวะมาสะกิดบอก
สนใจ Swype, ManMan, T-Swipe, หรือ Google Keyboard มั้ยครัช พูดภาษาไทยแล้วมันพิมพ์เองให้เลยได้นะครัช
Family Sharing แชร์ๆๆให้คนในครอบครัว
ถือว่าเป็นหนึ่งใน Highlight ของ iOS 8 เลยก็ว่าได้กับ Family Sharing ด้วยความสามารถที่จะทำให้คนในบ้านสามารถแชร์เนื้อหาที่ได้ทำการซื้อมาจาก App Store ให้แก่คนในครอบครัวได้สูงสุดถึงหกคน โดยที่ทุกคนจะต้องมีการใช้บัตรเครดิตใบเดียวกันในการชำระเงิน และที่สำคัญคือพ่อแม่สามารถเลือกให้ลูกทำการกดขออนุญาตก่อนสั่งซื้อทุกครั้งได้ด้วย!!
นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของการแชร์ข้อมูลอื่นๆอีก เช่น ภาพ นัดหมาย หรือระบุตำแหน่งเครื่องได้ด้วย
บทวิพากษ์
ชอบฟีเจอร์ที่ขออนุญาตซื้อจากพ่อแม่ น่าจะช่วยแก้ปัญหาให้หลายๆบ้านได้เลย
แต่อยากแชร์หนังสือ เพลง หนัง แอพ รายการทีวี กับพ่อแม่กันมั้ยเอ่ย??
Android แวะมาสะกิดบอก
บน Android สร้าง Account กลางมาอันนึงก็แชร์ทุกสิ่งอย่างได้เหมือนกัน
ถ้าต้องการกันไม่ให้คนอื่นซื้อได้ก็แค่ใส่พาสเวิร์ดเท่านั้น
แชร์ภาพลง Gallery กลาง ลองใช้ของ Facebook ดูดิ เวิร์คอยู่นะ
แชร์ปฎิทิน Google ก็มีให้ใช้ แถมอย่างเนียนเลยล่ะ
iCloudDrive แชร์ไฟล์ข้ามเครื่อง
หมดปัญหาการโอนย้ายไฟล์ข้ามเครื่องข้ามแพลตฟอร์ม เพียงจับโยนไฟล์ลงใน iCloudDrive เท่านี้ข้อมูลทั้งหมดก็จะสามารถเข้าถึงได้จากทุกเครื่องที่ใช้บัญชีเดียวกันทันที ซึ่ง iCloudDrive สามารถใช้บน Windows ก็ได้นะเออ และเปิดให้แอพอื่นๆสามารถเข้าใช้ iCloudDrive นี้ได้อีกด้วยจ้า
บทวิพากษ์
มันคือ Cloud Storage ในรูปแบบของ Apple แต่ไม่แน่ใจว่าจะทำการแชร์ให้คนอื่นๆได้สะดวกเหมือนกันบริการอื่นๆหรือเปล่า
รอดูว่าไฟล์ที่จะยอมให้แชร์ขึ้น iCloudDrive จะยอมให้ไฟล์ประเภทใดบ้าง ถ้าจำกัดแค่ไฟล์เอกสาร รูปภาพ และ PDFs ก็บายยยยย เห็นว่ายอมทุกประเภททุกไฟล์เลย
Android แวะมาสะกิดบอก
Google Drive, Dropbox มั้ยครัชชชช ถูกกว่าและใช้งานได้กับทุกเครื่องทุกยี่ห้อทุกOS นะ
Health ศูนย์กลางข้อมูลสุขภาพของเรา
แอพใหม่ที่จะโผล่เข้ามาใน iOS 8 ซึ่งจะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลสุขภาพของเราเอาไว้ โดยที่อุปกรณ์ด้าน Fitness ต่างๆ ต่อไปจะทำมารองรับแอพนี้ โดยตัวมันจะมีการนำข้อมูลมาประมวลและแสดงผลได้อย่างสวยงาม และเราสามารถใส่ข้อมูลทางการแพทย์ของเราลงไปเพิ่มเติมด้วยก็ได้ ซึ่งนี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการปฎิวัติวงการสุขภาพเลยทีเดียว
บทวิพากษ์
จากที่วงการ Wearable Devices และ Fitness ต่างฝ่ายต่างพัฒนาของตัวเองแบบไม่ค่อยจะคุยกัน เมื่อ Apple ลงมาทุบโต๊ะแบบนี้ก็ถือเป็นการดีที่จะทำให้แนวทางมันชัดเจนขึ้นได้มาก
Android แวะมาสะกิดบอก
ขอบคุณที่ทำมาให้สักที เพลียกับความวุ่นวายตอนนี้มาก
Continuity – เชื่อมต่อไร้รอยสัมผัส
แล้วภาพของการที่อุปกรณ์ Apple ทั้งหมดทำงานร่วมกันได้ก็เริ่มชัดเจนมากขึ้นใน iOS 8 และ Mac OS Yosemite ด้วยความสามารถดังนี้
*Handoff – มือถือห่างกาย แต่ใช้ Mac เชื่อมต่อเข้าไปทำทุกอย่างได้ ไม่ว่าจะเป็นการรับส่งเมล์ อ่านข้อความ ดูแจ้งเตือน หรือแม้แต่จะใช้โทรศัพท์โทรเข้า-ออก
เราสามารถใช้ iPad หรือว่า Mac รับ-ส่งข้อความได้แล้ว ด้วยการเชื่อมต่อเข้ากับมือถือ และใช้เบอร์ในเครื่องทำการรับ-ส่งแทน จากที่ก่อนหน้านี้ iPad และ Mac ทำได้เพียงใช้ iMessage เท่านั้น
iPad ไม่มี WiFi ให้ใช้? เดี๋ยวมันจะต่อเข้า iPhone แล้วใช้เน็ตได้เลยแบบอัตโนมัติ และที่เจ๋งก็คือจะหยุดการเชื่อมต่อเมื่อไม่มีการใช้งาน เพื่อการประหยัดแบตอีกด้วย
บทวิพากษ์
อันนี้เป็นส่วนที่ฟังดูดีที่สุดในบรรดาฟีเจอร์ทั้งหมดที่เปิดตัวมาละ
Android แวะมาสะกิดบอก
Desktop Notification เป็นแอพที่นำเอาแจ้งเตือนทุกอย่างบน Android ขึ้นไปแสดงบน Desktop ได้นะ เจ๋งดี แต่ไม่สามารถรับสาย โทรเข้าออกได้
#Samsungร้องไห้ทำไม
Spotlight รวมทุกการค้นหาไว้เพียงหนึ่งเดียว
อยากจะค้นหาอะไร ไม่ต้องวุ่นวาย แค่กดเข้า Spotlight พิมพ์ปุ๊บมาปั๊บทันที ไม่ว่าจะเป็น Wikipedia, ข่าว, สถานที่, iTune, AppStore, ฯลฯ
บทวิพากษ์
เพิ่มความสามารถของ Spotlight เข้าไปจากเดิมที่หาได้แต่บนเครื่อง ก็ดูดี แต่ว่ามันก็ไม่ได้ใหม่อะไร
Android แวะมาสะกิดบอก
รู้จัก Google Now มั้ยครับพี่ มันค้นได้ทุกสิ่งอย่าง ทั้งในเครื่องและนอกเครื่องมาตั้งนานแล้ว จนตอนนี้มันหาบางอย่างมาให้ก่อนที่เราจะอยากได้ซะด้วยซ้ำไป ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนไฟล์ทบิน ตรวจสอบสภาพจราจรของสถานที่เราน่าจะไป หรือแม้แต่รอบหนังที่ฉายในห้างที่เรากำลังเดินอยู่มัน(สอด)รู้ดีมากๆเลยล่ะ
Developers – เพิ่มขีดจำกัดให้แก่นักพัฒนา
หลังจากที่ iOS โดนตราหน้าว่าเป็นระบบที่ปิดกันการพัฒนามาโดยตลอด แต่ในที่สุด iOS 8 ก็มาปลอดล็อคส่วนนี้ไปได้ค่อนข้างเยอะ ทั้งเปิดให้สามารถแชร์รูป หรือแชร์ข้อมูลเข้าไปยังแอพอื่นได้ รวมถึงการพัฒนา Widget สำหรับหน้า Notification
นอกจากนี้ยังมีการเปิด API มาให้ใช้งาน TouchID, CloudKit, HealthKit, PhotoKit, CameraAPI ที่จะทำให้พัฒนาแอพให้เข้าถึงส่วนต่างๆของอุปกรณ์ได้มากขึ้น และที่น่าจับตามองที่สุดน่าจะเป็น HomeKit ที่จะเป็นตัวรุกตลาดอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน มาบี้สู้กับทาง Google อย่างสนุกสนานแน่นอน ซึ่งต่อไปเวลาเราจะซื้อหลอดไฟที่อาจจอต้องมองหากล่องที่มีสัญลักษณ์เขียนว่า iOS Compatible ก็เป็นได้
สำหรับ iOS 8 อุปกรณ์หลังจาก iPhone 4s ได้ไปต่อนะ ส่วน iPhone 4 ใช้กันมาก็นานแล้ว ถึงเวลาปลดระวางรอซื้อเครื่องใหม่ได้แล้วล่ะนะๆๆ
และทั้งหมดนี้ก็เป็นทั้งหมดของการเปิดตัว iOS 8 ที่ได้มาสรุปให้ทุกๆคนฟังกัน ซึ่งจากที่ลองพินิจพิเคราะห์มาทั้งหมดแล้ว ภาพนี้ที่ท่าน @Octopatr ได้ทวิตไป น่าจะเป็นบทสรุปได้ดีที่สุดสำหรับ iOS 8 นี้ครับ
แต่อย่างไรก็ดี เรื่องการแลกเปลี่ยน และต่อยอดพัฒนามันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับได้หากทั้งสองฝ่ายโอเค ซึ่งในกรณีนี้ Google และ Apple ก็ได้มีการเจราจาเรื่องสิทธิบัตรกันไปเรียบร้อย และเราน่าจะยินดีกับการที่ iOS ได้มีการพัฒนาส่วนที่ยังขาดอยู่ให้ใช้งานได้ดีขึ้น ซึ่งก็ถือว่าทำออกมาได้ดูดี และใช้งานได้ง่ายกว่าหลายๆแบรนด์ที่ทำออกมาก่อน ท้ายที่สุดการที่ Google และ Apple เลิกทะเลาะและหันมาช่วยกันพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆก็น่าจะเป็นผลดีกับทุกฝ่ายมากกว่าที่สองฝ่ายจะคอยหาทางประหัตประหารกันจนนวัตกรรมต้องหยุดนิ่งไป
และเรื่องนึงที่ชาว Android ต้องยอมรับทางฝั่ง iOS ก็คือ แม้ว่า Android จะสามารถครองตลาดได้มากกว่า 80% ทั่วโลก แต่คนที่กำหนดทิศทางของเทคโนโลยีในหลายๆด้านก็ยังคงเป็น Apple อยู่ดี มาตรฐานไหนที่แม้ Android จะพยายามผลักดัน แต่ถ้า iOS ไม่เอาด้วย โอกาสสำเร็จก็จะลดลงอย่างมาก ซึ่งนี่ก็ถือเป็นจุดแข็งอย่างมากของทางฟาก Apple เลย
ยังไงก็จิกกัดกันขำๆสนุกๆพอนะครับ เพราะสุดท้ายแล้วเราจะเถียงกันให้ตายเท่าไหร่ คนที่ Google Apple Samsung เค้าก็ไม่ได้มีเวลามานั่งรับรู้อะไร เครียดกันไปซะเปล่าๆ มาใช้งานมือถือในมือให้เต็มประสิทธิภาพ และสร้างงาน สร้างความสุข จากทุกๆนวัตกรรมที่มีกันดีกว่าครับ
สุขสันต์กับการใช้โทรศัพท์กันทุกท่านครับ
สวัสดี
ภาพไม่ขึ้นครับ
เห็นแล้ว.
icloud drive แค่เดือนละ 0.99 $ ได้ 20 GB นะครับ แก้ด้วยครับ
ส่วนเรื่องพูดแล้วพิมพ์ ภาษาไทย ก็มีด้วยครับ แต่ไม่ได้เน้นใน keynote ครับ
เดี๋ยวแก้ให้ครับ
ขอบคุณสำหรับข้อมูล
โถๆๆๆ…
อ่านความคิดเห็นในหลายๆบอร์ด แล้วอนาถจิต
นี่มันถึงยุคที่เกงในแอปเปิลหนอนชอนไชต้องวิ่งตามก้น i-mobile, G-net, AIS Lava, TWZ ฯลฯ แล้วหรอเนี่ย!
คุณพระ!
ภาพมันขึ้นอยู่นะครับ ก่อนจะเม้นว่าภาพไม่ขึ้น กลับไปเทสสปีดอินเตอร์เน็ตของตัวเองก่อนนะครับ ว่าครบเต็มสปีด 54k ตามแพคเกจรึป่าว!
อย่าแรงมากครับ ไม่อยากดราม่า โต้เถียงติกันแบบพอดีพอนะ
ก็ของเค้าไม่ขึ้นอะแง แค่นี้ต้องดุด้วย
ภาพไม่ขึ้น ก่อนว่าคนอื่นเชคสอมงตัวเองก่อน อย่าเอาเรื่องจริงที่บ้านตัวเองใช้ 54k มาพูด
Health. นี้ออกแนว ปฏิวัติ เลยยทุบโต๊ะะ แล้วรวบทุกกกลุ่ม 55
ปล. รูปผมก็ไม่ขึ้นนะครับเน็ตก็ไม่ช้านะ
อีกเสียงว่าภาพไม่ขึ้นครับ
ผมเนทบ้าน TOT ภาพไม่ขึ้น หลายรูปคับ ขึ้นบางรูป เอา url รูปไปเปิดแยกก็ไม่ขึ้นคับ
ลองทั้ง Chrome Firefox คับ
สำหรับผม ว่าครั้งนี้ เจ๋งนะ…..apple เปิดกว้างขึ้นเยอะมากๆๆ
ปกติปิดไม่ให้ใครเข้าไปยุ่งในระบบ แต่อันนี้เปิดสุดๆ ซึ่งเป็นแนวทางที่ดีมาก
อย่าง แอ๊ปที่สามารถเชื่อต่อถึงกันได้ หรือ เพิ่มคีย์บอร์ดจากภายนอกได้
จริงอยู่ที่ แอนดรอย์มีมานานแล้ว
แต่พอมารวม กับ Ecosystem ของ apple ทั้งแอ๊ปทั้งเพลงหนัง ที่มีคุณภาพอยู่แล้ว
มันเป็นสิ่งที่เติมเต็มให้ น่าใช้ยิ่งขึ้น
iPad3 (new iPad) ใช้เรียกรวมเป็น iPad with Retina
เหมือนตัว 4th gen. รึเปล่าครับ
หรือ iPad3 จะตกรถไฟไปพร้อม iphone4
http://www.apple.com/ios/ios8/?cid=wwa-us-kwg-features-com
ตอนแรกก็ตกใจเหมือนกัน
แต่ลิงหาข้อมูลดูก็พอสรุปได้ตามนั้นครับ คือ iPad 3 น่าจะรวมอยู่ในกลุ่ม iPad with Retina Display
เพราะใน iOS 7 ก็มีแค่ iPad with Retina Display เหมือนกันครับ
ภาพไม่ขึ้นครับ 3bb 12M
กำลังแก้ไขให้นะครับ รอแป๊บ
!!!..ขึ้นเลย ขึ้นเลย อ่านแล้วขึ้นเลย หมายถึงภาพปลากรอบนะครับ ขึ้นแย๊ว อิอิ บทความดีมากครับ, ขอบคุณครับผม
** ทำเล่นๆเผื่อเพื่อนๆจะชอบครับผม >> https://plus.google.com/+JtwaintyFourgraphic/posts/81ZdYDX2rKi
………………..
https://plus.google.com/u/0/+JtwaintyFourgraphic/posts/Y7qWMCo9caH
เย่ๆ ขึ้นแล้วครับ
ขอบคุณครับ
ภาพไม่ขึ้นอีกเสียงครับ
Your client does not have permission to get URL บลาๆๆๆ from this server. (Client IP address: xxxxx)
Rate-limit exceeded
Search และ Filter ถ้าใช้ยี่ห้ออื่นที่ไม่ใช่ sony กับ samsung มีแอพให้หาโหลดได้ใน play store ปะครับ
Time-lapse นี่มีตั้งแต่ Jelly Bean แล้วมันใช้ยังไงครับ มีแอพอะไรให้โหลดรึเปล่า
ปล. ผมใช้ nexus 5 ขอบคุณครับ
ลอง search app Time-lapse ดูครับ ใช้เล่นอยู่ก็ ok ทำให้ต้องไปหาขาตั้งมาหนีบมือถือเลย
"อยากได้ iCloud Photo Library ไปลองใช้ Google+ ดูมั้ย? ฟีเจอร์นี้ไปเอาจาก Google+ มาเลยทีเดียว ได้การสำรองภาพเหมือนกันในราคาพื้นที่บน Cloud ที่ถูกกว่ามากๆๆๆๆๆ (แต่แอบเซ็งที่ Google+ ยังไม่สามารถทิ้งสำเนาความละเอียดต่ำบนเครื่องได้)"
มันคือPhoto stream ของApple ที่ Google ก๊อปไปหนิครับ
เท่าที่เช็คดูมันน่าจะเกิดปี 2011 เดือนเดียวกันครับ ฉะนั้นต่างฝ่ายต่างน่าจะพัฒนาของตัวเองมา ไม่น่าจะใช่การลอกกันครับ
ขอบคุณที่ท้วงติงเข้ามา 😀
งั้นเอา picasa ไป มาก่อนทั้ง 2 ตัวนี้แน่นอน
time lapse ใน Jelly Bean มันใช้ยังงัยครับ?
มันอยู่ใน Galaxy Nexus ตอนออก Android 4.0 มาครับ แต่ว่าไม่ค่อยเห็นแบรนด์ไหนเอาไปใส่เท่าไหร่
ลอง YouTube ดูครับ มีคนเทสต์กันอยู่หลายคน
กำลังจะบอกว่า Time Lapse อันนี้ก็ทำได้ตั้งแต่ ICS แล้วอ่ะ
เคยเห็นภาพถ่ายดอกไม้บาน ,เมล็ดงอกเป็นต้นกล้า อะไรแบบนี้มั๊ยครับ แบบว่าต่องจ่อกล้องไว้นานๆกัยวัตถุที่มีการเปลี่ยนแปลงช้าๆ พอ render เสร็จจะได้วีดีโอแบบที่ว่า แบบในสารคดีน่ะครับ ผมใช้บ่อยตอน ซื้อจีเน็กใหม่ๆ ส่วนมากจับภาพดวงจันครับ ตั้งทิ้งไว้ นานหน่อย พอเสร็จเราจะเห็นดวงจันค่อยๆ สว่างขึ้นและเคลื่อนที. 🙂
……………………
เท่ ระเบิด อดทนสูง ตั้งไว้ส่องเมฆสัก 4-5 ชั่วโมง
จะเข้ามาร่วมจิก ios เสียหน่อย ดันเจอจิกกันเอง
ข้อเท็จจริงมาแย้งกันอย่างงี้ดีออก 🙂
iPad 2 . iPad with Retina display (iPad 4) .iPad Air (iPad 5) . iPad mini (1) . iPad mini with Retina display (iPad mini 2)
แล้วรุ่น New iPad (iPad 3) ไม่มีชื่อในการอัพเป็น iOS 8 เลยล่ะครับหรือว่าเค้ารวมชื่อเดี่ยวแต่สองรุ่นทั้ง ๆที่สเปค iPad 3 ดีกว่า iPhone 4s . iPodTouch Gen 5 . iPad 2 . iPad mini เกือบเท่าตัวอ่ะครับ
ปีที่แล้วตอน อัพเดท ios 7 ก็ไม่มีชื่อ new ipad แต่ก็ อัพได้นะ
รูปไม่ขึ้นเหมือนกันครับ เน็ตทรู 13Mbit
Android แวะมาสะกิดบอก…. เอิ่มม
อ่านๆ ดูแลัว google ก็เอาของ apple มาพัฒนาต่อยอดทั้งนั้นนะครับ และ เป็นแนวทางของตัวเองมากขึ้น สรุปคือ เอาพัฒนาแล้วดีกว่า
ไม่ว่าจะเป็น icloud , siri-spotlight (google now 4.4 kk) , iMessage (Hangouts IM 4.4 kk) … สรุป Android แวะมาสะกิดบอก…. ถ้าฟีเจอร์ออกมาไม่ดีพอ ก็เอาของเราไปใช้ได้นะ เช่น map , hangouts , google now , goole Drive , google chrome , gmail ทั้งหมดนี้ใช้ใน ios ได้หมด!!! เผลอๆ แอบใช้ดีกว่า android สะอีกนะครัช ผมใช้ทั้ง 2 os (คคหสต) ^^
สะกิดบอก แต่ไม่ได้ด่านะ
แต่ผมว่าหลายๆ อย่างที่ apple เลียน feature เดียวกันมาใช้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเหมือนเป๊ะซะทีเดียวนะครับ
family share
ถึงแม้เราจะใช้ account กลางบน android ทำได้ แต่การตั้งค่าส่วนตัวล่ะ การเรียง app ในหน้าโฮมล่ะ ไหนจะหลายๆ app ที่ใช้ google account ในการ signin กลับกลายเป็นว่าต้อง login ใหม่หมดน่ะครับ
iCloud Photo Library
เรามี Google+ auto backup แต่คนที่ไม่อยากใช้ Google+ ล่ะ? เรามี Google account auto backup (Picasa) แต่ทำไมเราต้องโหลด thumbnail รูปอัลบั้มทั้งหมดมาไว้บนเครื่องเราล่ะ? ซึ่งจุดนี้ก็เป็นทั้งข้อดีข้อเสียเพราะ Google+ และ Picasa อนุญาติในอััพรูปนอกระบบ Google เข้าไปได้ แต่ก็นำมาซึ่งการจัดการที่ยุ่งยากอย่างที่เราๆ เห็นกัน ซึ่งสำหรับผู้ใช้ Iphone device น่าจะได้ซึ่งประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่าได้ นึกภาพเราเอา Iphone ไปเที่ยวแล้วทิ้ง Ipad ไว้ให้พ่อแม่ดูรูปสิดูสะดวกดีนะ
ส่วน feature ที่เลียน feature จาก app อื่นๆมามันก็เป็นกันทุกค่ายนะครับ และมันก็มีดีเสียต่างกัน เพราะข้อดี คือ ผู้ใช้ไม่ต้องไปโหลด app เพิ่มเติม แต่ก็ทำให้นักพัฒนาหมดโอกาสเติมเต็ม feature ที่ระบบขาดอยู่ไป os ขึ้นเวอร์ชันใหม่ที feature ของตัวเองโดนเอาไปใช้เป็นใครก็ไม่ค่อยปลื้มนะครับ
ที่พิมพ์ซะยาวก็เพื่อจะตินะครับ อันไหนที่ทับถมเกินงามโดยไม่พิจารณาให้รอบคอบซะก่อนเราก็จะกลายเป็นแค่ fanboy มากกว่านักวิจารณ์นะครับ
เห็นด้วยทุกกรณีครับ
คำติ ขอน้อมรับครับ (-/||\-)
ถ้าใช้ android แล้วจะพูดว่าไม่อยากมี google+ ได้ยังไง ไม่ makesense
เหมือนกับ อยากใช้ iphone แต่ไม่อยากใช้ icloud มันก็เช่นเดียวกัน
ระบบ seach รูปของ google+ เทพมาก ขนาดเข้าไปอ่าน ป้ายในรูปต่างๆที่เราไปถ่ายมา แยกแยะ หมาแมว ชื่อคน สถานที โทนสี และล่าสุด รวมเป็น google story ให้อีก ง่ายต่อการ แชร์
แต่ google ไม่เคยบอกว่า "น่าจะได้ซึ่งประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่า" ไม่เคย present นำเสนอ มันก็ไม่อาจทำให้เกิด คำว่า "ประสบการณ์ใช้งานที่ดี บลาๆๆ" แต่ไอ้เรื่องโฆษณา นำพาอุปทานหมู่นี่ apple ถนัด เห็นหลายเรื่องละ เรื่องเล็กๆน้อยๆ โอ้ววววว #innovation #the world first time
"ถ้าใช้ android แล้วจะพูดว่าไม่อยากมี google+ ได้ยังไง ไม่ makesense
เหมือนกับ อยากใช้ iphone แต่ไม่อยากใช้ icloud มันก็เช่นเดียวกัน"
อันนี้เห็นด้วยเลยครับ
อย่ามองว่า G+ เป็นแค่ Social สิครับ
มันเป็น Integrated Services หลายๆอย่างของ Google อยู่บนนั้นเลยทีเดียว ใครไม่ชอบโซเชียลก็อย่าไปโพสอย่าไปยุ่งกะมันครับ มีส่วนอื่นให้สนใจอีกในนั้น
เอ.. ผมว่า iCloud นี้ไม่ใช่ไปเทียบกับ Google account หรอครับ ต้องมีถึงจะใช้ได้ดู make-sense กว่านะครับ
ส่วนตัวผมใช้ Google+ มากกว่า Facebook นะครับ เรื่องแต่งรูป, ค้นรูป, story, โดยเฉพาะระบบ community ใน Google+ นี้กินขาดทุก social ครับ
ผมไม่มีเครื่อง iPhone และผมก็ไม่เคยนั่งดูงาน WWDC เลย เพราะฉะนั้นผมไม่ได้อุปทานหมู่แบบ fanboy apple อยู่แล้ว แต่ผมดูฟีเจอร์และว่ากันตามเนื้อผ้าครับ
(ขอพ่วงreply ท่าน switch_on ด้วยนะครับ) เรื่อง Integrated Services ของ G+ นี้มีอะไรบ้างหรือครับ เท่าที่ผมรู้คือ photo กับ game profile ช่วยแบ่งปันความรู้หน่อยครับ
–
แต่นี่มันเวป fanboy นะครัช
จริงๆก็ไม่อยากจะโดนเรียกว่า fanboy นะครับ เพราะความหมายมันจะออกเป็นแนวรักแบบไม่ลืมหูลืมตา
เราค่อยข้างจะมองทุกอย่างตามจริงมากกว่านะ 😀
ใช้มาทั้งสองอย่าง ตอนนี้ใช้ iphone 5 แต่ก็ไม่เคย วาง
Htc one v+PowerAmp เลย เรื่องความมันส์ ในการฟังเพลงนี่ Apple
มห้ผมไม่ได้ครับ
ก็ถือเป็นพัฒนาการที่ดีนะครับ ช่วงชีวิตที่ไม่มีศาสดา
ต่อไปก็รอลุ้น idevice กัน ว่าจะ ว๊าว ไหม
ดูแล้วแต่ละอย่างแบบว่าเฉยสนิทเลยมีโดนอยู่อย่างเดียวคือ Continuity ทำให้รู้ว่า android มี desktop noti ด้วย
แต่ก็ถือว่าเป็นการพัฒนาที่ดี แอบหวังลึกๆว่าจะได้เห็น ios block เหมือนในคอนเซ็ปของ Jay Machalani แต่ก็ไม่มีให้เห็น
ipad 2 ได้ ipad3 ได้อยู่แล้วครัช!!retina display ตัวแรก ก็รวมๆกันไปสั้นดี มีอยู่ในรายชื่อตัวbeta ด้วย ไปอัพก่อนดูก็ได้นะถ้าขาลุย^^
มีอีก ฟีเจอร์ นึงที่น่าสนใจนะครับ…
WiFi Calling..
Apple รองรับการ Facetime ทั้งผ่านเสียงและวีดีโอคอลกับ WiFi และคุณสมบัติใหม่อย่างการโทรผ่าน WiFi สามารถตั้งค่าให้เป็นพื้นฐานการโทรได้ (นึกถึง iMessage แต่ก่อนที่ผู้ใช้งาน iPhone ส่งข้อความถึงกันได้โดยไม่ต้องเสียเงินตีเป็นค่า SMS) แต่ดูเหมือนว่าคุณสมบัติ WiFi Calling อาจมีเงื่อนไขพิเศษมากขึ้นเล็กน้อยกับผู้ให้บริการเครือข่าย เพราะตอนนี้มีแต่ T-Mobile ของอเมริกาที่ใช้ได้
Wow!!…มีการปรับปรุงที่ใหญ่มากอืม…แก้และเพิ่มกันบานเชียว
เวลาผมกำลังพิมพ์ตอบเมล์เพื่อนอยู่ในโทรศัพท์แอพ Desktop Notification สามารถทำให้ผมพิมพ์ตอบเมล์เพื่อนต่อในคอมได้เลยหรือเปล่าครับ ถ้าได้มีวิธีอย่างไร บ้างครับ
ไม่ทราบว่า photo stream icloud นั้น back up VDO ที่ 1080 แบบ unlimit รึเปล่า
#รู้สึกว่าไม่ใช่ หึหึ
ดูแล้วถือว่าAppleพัฒนาios8มาให้ดูยืดหยุ่นมากขึ้นเช่นคีย์บอร์ดเปลี่ยนได้ซักที แต่เมื่อคืนดูถ่ายทอดสดบางอย่างที่Appleนำเสนอดูเป็นการพูดเข้าข้างตัวเองซะเยอะเช่นชาร์ตที่นำเสนอเรื่องสัดส่วนที่คนใช้ios7เยอะกว่าiosเวอร์ชันก่อนๆเทียบกับandroidที่มีคนใช้kitkatน้อยกว่าเวอร์ชันก่อนๆ แหมเล่นเทียบกันแบบนี้มันก็เกินไป55555
ผมว่ามันก็จริง อย่างที่เค้าพูดล่ะนะ อย่าง kitkat ก็ได้น้อยประมาณนั้นแหละ
แล้วมันเป็น ข้อเสียมากด้วยๆ
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เมื่อ iOS8 ออกมันมี API ใหม่ของเล่นใหม่ ถ้า ผู้ใช้ อับเดทพร้อมกันสัดส่วนที่เยอะ
นักพัฒนา ก็ลงไปเล่น iOS8 ได้อย่างเต็มที่ app ต่างๆ ก็เดินหน้าทันที
แต่กลับกันฝั่งแอนดรอย์ kitkat คนใช้สัดส่วนที่น้อย ของเล่น ที่Google ใส่มาล่าสุดเป็นอันตกไป
เพราะ นักพัฒนาต้องไปทำ app ให้เข้ากับ Jelly Bean
วัดที่ % มันคงน้อยเพราะ android ขายออกไปเยอะมากรุ่นเก่าๆ ก็อัพไม่ได้ด้วย ถ้าจำนวนเครื่องอาจจะสูสี แต่เดี๊ยวนี้ฟังก์ชั่นใหม่ๆ มันก็มาพร้อม update google service แล้วนะ
ครับมันเป็นข้อด้อยอย่างนึงเพราะแอนดรอย์มันมีมากมายหลายรุ่นซึ่งพอเทียบเป็น%แล้ว จำนวนเครื่องที่ใช้kitkatมันก็น้อยอยู่ดี ต่างกับiosจำนวนรุ่นน้อยกว่าพื้นฐานฮาดแวร์แต่ละรุ่นก็ไม่ได้ต่างกันมากทำให้การอัพเดทไปได้เร็วและก็ทำให้นักพัฒนาลงไปทำappในosตัวล่าสุดได้เสมออย่างๆที่คุณบอกไว้นั่นแหละ
ตรงนี้จะว่ามันเป็นลูกเล่นก็ได้ เพราะ up แล้ว down ไม่ได้ คนที่ผมรู้จัก "ทั้งหมด" ที่ใช้ 4 หรือ 4S ไม่มีใครอยากได้ 7 เลย แต่มันกลับไป 6 ไม่ได้
ผมว่าผู้ผลิตมือถือ android รุ่นที่ราคาต่ำกว่า 6000 บาท ส่วนใหญ่คงไม่มานั่งอัพให้หรอกครับ (ยกเว้นบางรุ่น)
ต่างจาก iphone ที่อัพให้จนกว่าเครื่องจะไม่ไหว เพราะเวลาเราซื็อ iphone ก็ถือว่าซื้อ ios ด้วย มันเลยแพง
แนวคิดเดียวกับเวลาที่ซื้อ macbook ทาง apple ก็จะอัพ os ให้ฟรี แต่ได้บวกค่า os ไว้ในราคาค่าเครื่องเรียบร้อยแล้ว
ต่างจากที่ซื้อ notebook แล้วแถม windows มาให้ พอเวอร์ชั่นใหม่ออกมา ก็ไม่ได้อัพฟรี
ถ้าเทียบตัวเลข kitkat น้อยกว่าแน่นอน แต่มันคืออะไรล่ะครับ
1. เครื่อง iPhone ที่ออกมาแต่ละปีส่วนใหญ่จะอัดสเปคเต็มที่ ทำให้การอัพไปใช้เวอร์ชันใหม่ไม่มีปัญหามากนัก (เรือธง android ส่วนใหญ่ก็ได้อัพอยู่แล้ว)
2. iOS บังคับอัพ os เวอร์ชันใหม่ไม่มีทางเลือกให้ผู้ใช้ ถึงแม้จะได้ข้อดีจาก ข้อ1. มา แต่เกิดอะไรขึ้น เครื่องหน่วง, ฟีเจอร์โดนตัด
แต่เรื่องนักพัฒนานี้จริง นักพัฒนาต้องทำ app ให้ใช้งานได้ในหลายๆ เวอร์ชัน ถึงแม้จะมี google play service มาช่วยกระจาย api ใหม่ๆ ให้ แต่ก็ยังคงเหนื่อยไม่ใช่น้อย
ว้าวแค่ continuity จริงๆ แหละ
แต่จะว่าไปถ้า iOS มันคล้ายแอนดรอยด์เข้าไปเริ่อยๆ ก็เป็นเรื่องดีนะ เวลาสลับจากแอนดรอยด์ไป iOS จะได้ไม่รู้สึกห่างเหินกันมาก (ส่วนเรื่องจะโดนสาวกแอนดรอยด์แซะกันบ้างก็คงช่วยไม่ได้ล่ะนะ 555)
ซ้ำ
flat design นี่ถ้า apple ไม่ทำก็ไม่เห็นในยี่ห้ออื่นๆเลยนะเนี่ย
flat ไหนครับ
ผมว่า flat จริงๆมันเริ่มจาก WP นะ
แล้วถ้าจำไม่ผิดหลายๆแอพบน android มันก็เริ่ม flat ก่อนไม่ใช่รึ
ใช่เลยครับแต่อย่างที่คุณ gimme บอกถ้า apple ไม่นำเสนอไม่ผลักดันทุกอย่างมันก็ไม่ดังขึ้นมา
ผมว่าหลายๆอย่างทั้ง wp กับ android ทำก่อนแต่ไม่โปรโมทอย่าง google+ อย่าง dropbox back up รูป auto ไม่มีใครรู้ แต่เดียว apple ออกมาแบบนี้ทุกคนรู้หมด อีกอย่างเดียวจะต้องมี app ประเภท desktop noti ออกมาอีกเพียบแน่นอน ไม่แน่ google อาจจะทำออกมาเองก็ได้ สาธุขอให้รับสายได้ด้วยเถอะ
ใช่ครับ flat จริงๆเริ่มจาก microsoft
ชอบช่วง Android แวะมาสะกิดบอก มากๆ ฮาดีมีสาระ
ผมงงตรง Family sharing อะครับ
"Android แวะมาสะกิดบอก
– บน Android สร้าง Account กลางมาอันนึงก็แชร์ทุกสิ่งอย่างได้เหมือนกัน
– ถ้าต้องการกันไม่ให้คนอื่นซื้อได้ก็แค่ใส่พาสเวิร์ดเท่านั้น
– แชร์ภาพลง Gallery กลาง ลองใช้ของ Facebook ดูดิ เวิร์คอยู่นะ
– แชร์ปฎิทิน Google ก็มีให้ใช้ แถมอย่างเนียนเลยล่ะ"
– อันนี้มันเหมือนกับว่า ทุกคนมีแอคเคาท์ของตัวเอง แล้วสามารถชวนคนอื่นมาอยู่ในกลุ่ม Family (นึกถึงกิลด์ในเกมก็ได้)
แล้วเราสามารถตั้งให้ใครจะเป็น Family Organizer (หัวกิลด์) เป็นคนดูแลเวลาใครจะซื้อของหรือทำไร ก็ให้ขอก่อน(โดยการใช้แค่บัตรใบเดียวทั้งกลุ่ม
มันไม่ต้องมาวุ่นวาย เวลาซื้อของต้องมา ตามหาเจ้าตัวเพื่อใส่พาสเวิร์ด
เรื่อง photo steam มันก็ตัดความยุ่งยากแบบ facebook ออกหมดไม่ใช่หรอครับ ไม่ต้องมาสร้างแอคเคาท์ ไม่ต้องกดนู่นนี่ เพื่อเข้า (นึกถึงคนแก่ๆ ที่เรียนรู้อะไรยากแล้ว ก็แค่เข้าอันนี้ ทุกอย่างมันก็อัพเดทอัตโนมัติอยู่แล้ว (แต่ฟีเจอร์นี้แอบเห็นใน kickstarter มานานแล้วเหมือนกัน)
*เพิ่มเติมนะครับ*
ผมลองเข้าเว็บของแอปเปิลดู มีแชร์ Location ของทุกคนในครอบครัวด้วย (สามารถกด hide ด้วยเช่นกัน)
ถ้าเครื่องหาย สามารถใช้ของคนในครอบครัวหาด้วยได้นะครับ อารมณ์ find my iphone เลย
ฟีเจอร์นี้มันก็ไม่ได้แย่หรอกครับ แต่ปัญหาคือครอบครัวนั้นๆต้องใช้ iOS ทั้งบ้านนี่สิ ทั้งๆที่คนในบ้านไม่เห็นจำเป็นต้องชอบ iOS เหมือนกันซะหน่อย
เราแค่มาชี้ทางเลือกให้มากกว่า
รวมถึง Facebook Gallery มันก็ทำให้คนที่ใช้ Platform ใดๆก็ตามแชร์กันได้ ไม่ต้องมี PhotoStream เท่านั้นน่ะ 🙂
ซ้ำครับขอ อภัย
ซ้ำครับขอ อภัย
ซ้ำครับขอ อภัย
ขอถามเพิ่มเติมหน่อยน่ะครับ
คือผมชอบถ่ายรูปเล่นมากกกแล้วก็Auto backup ผ่านG+ไว้ตลอด คอยลุ้นว่า
auto awesome จะทำอะไรให้เราบ้างขำๆดี
ส่วนG Drive ก็ใช้ทำงานอัพไฟล์บ้างไม่เยอะ
แต่เมื่อวานนี้มาเจอปัญหาว่า GDrive พื้นที่เต็ม พอกดเข้าไปดูในSetting บอกว่า พื้นที่15GBที่ให้ใช้ฟรี เต็มแล้ว
ประกอบด้วยFile doc.ส่วนนึง(ไม่เยอะ) และส่วนใหญ่เป็น**ภาพ**
จาก Photo (ในG+เหรอ) ซึ่งน่าจะเป็นอย่างนั้นเพราะภาพbackupตั้งแต่2011 เลย
ถ้าเข้าไปที่ G+ -> photo -> setting -> auto backup -> photo size ต้องเลือกให้เป็น standard size ครับ
แต่ถ้าเป็น standard size อยู่แล้ว เนื้อที่ที่กินมาก็อาจมาจากโพสใน G+ กับ จำนวนเมล และไฟล์แนบต่างๆ ในเมลของ Gmail ครับ
เพราะตอนนี้เค้าคิดเนื้อที่รวมกันหมดครับ