มหากาพย์การตามหาฮาร์ดดิสก์ที่มีข้อมูล Bitcoin (BTC) มูลค่า 8,000 BTC ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าสูงเกือบ 950 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท) ของ James Howells ซึ่งใช้เวลาตามหานานกว่า 12 ปี ดูเหมือนจะเดินหน้าต่ออีกครั้ง หลังมีข่าวออกมาว่าได้ล้มเลิกความพยายามไปแล้ว แต่เจ้าตัวก็ออกมาประกาศแผนใหม่ว่าจะทำการกู้ Bitcoin กลับมาด้วยวิธี Tokenize

เรื่องราวการหาอันยาวนานกว่า 12 ปี เริ่มต้นขึ้นในปี 2013 เมื่อ James Howells เผลอทิ้งฮาร์ดดิสก์ที่มี Bitcoin จำนวน 8,000 BTC ลงถังขยะ ซึ่งในขณะนั้นถึงแม้จะยังมีมูลค่าที่ไม่สูงมากนัก เมื่อเวลาผ่านไปมูลค่าของ Bitcoin ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเจ้าตัวเชื่อว่าฮาร์ดดิสก์ดังกล่าวอาจถูกฝังอยู่ใต้กองขยะกว่า 200,000 ตัน ในบ่อขยะของเมืองนิวพอร์ต

ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา James Howells พยายามทุกวิธีในการขออนุญาตจากสภาเมืองนิวพอร์ตสำหรับการขุดเพื่อค้นหาฮาร์ดดิสก์ ไม่ว่าจะเป็นการเสนอส่วนแบ่ง 30% ของ Bitcoin ที่ขุดเจอให้กับเมืองและชาวเมือง หรือจะเป็นการที่ James Howells ได้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย 620 ล้านดอลลาร์ (ซึ่งศาลยกฟ้องไปแล้วเมื่อต้นปี 2025) ต่อสภาเมือง ไปจนถึงการเสนอเงินจำนวนกว่า 30 ล้านดอลลาร์เพื่อขอซื้อบ่อขยะ แต่ก็ถูกปฏิเสธมาโดยตลอดด้วยเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย

ตอนแรกบอกยอมแพ้ แต่ตอนนี้ยังไม่ยอมแพ้

ในขณะที่สื่อหลายเจ้ารายงานว่า James Howells ได้ยอมแพ้ในการคามหาฮาร์ดดิสก์ไปแล้ว ล่าสุดเจ้าตัวเลยออกมาประกาศผ่าน X ว่ากำลังเตรียมวางแผนใหม่อีกครั้ง โดยแผนที่ว่าก็คือ การแปลงกรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ (Tokenize) ใน Bitcoin ทั้ง 8,000 BTC ให้กลายเป็นโทเคนดิจิทัล เพราะถึงแม้ว่าสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของฮาร์ดดิสก์คือสภาเมืองนิวพอร์ต แต่เนื้อหาหรือ Bitcoint ที่อยู่ภายใน ก็ยังเป็นสิทธิ์ของ James Howells ตามเดิม

แผนของ James Howells คือการสร้างเหรียญดิจิทัลชื่อ Ceiniog Coin (INI) จำนวน 800,000 ล้านเหรียญ บนเครือข่าย Bitcoin Layer 2 โดยใช้เทคโนโลยีอย่าง Stacks, Runes และ Ordinals เพื่อให้โทเคนเหล่านี้เป็นตัวแทนสิทธิ์ใน Bitcoin ที่ฝังอยู่ในฮาร์ดไดรฟ์ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ถึงจะไม่สามารถนำ Bitcoin ตัวจริงออกมาจากฮาร์ดไดรฟ์ได้ แต่การแปลง ‘สิทธิ์ความเป็นเจ้าของใน Bitcoin’ ให้กลายเป็นโทเคนดิจิทัลแทน จะช่วยให้มูลค่าทางดิจิทัลยังคงอยู่และสามารถนำไปใช้งานต่อได้

ที่มา: Economic Times, Benzinga