หลังจากที่ได้ประกาศเปิดตัว ColorOS 11 ไปเมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา ทำให้เราได้เห็นฟีเจอร์เด่น ๆ มากมายบน ColorOS11 ที่ทำงานบนระบบ Android 11 ใหม่ล่าสุดอีกด้วย ซึ่งวันนี้ Droidsans ก็ได้รวมฟีเจอร์น่าสนใจ ที่เป็นไฮไลท์ของการอัปเดตระบบนี้ให้ทุกคนได้ดูกันว่าจะมีอะไรบ้างครับ
ทำงานบนระบบปฎิบัติการ Android 11
หนึ่งในความเจ๋งของ ColorOS 11 อย่างแรกเลยก็คือ มันอยู่บนระบบ Android 11 ที่เป็นระบบปฎิบัติการใหม่ล่าสุดจาก Google ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกของ OPPO ที่ได้ปล่อยเฟิร์มแวร์ออกมาในวันเดียวกันกับที่ทาง Google ประกาศเปิดตัว Android 11 (ถือเป็นการอัปเดตที่ไวมากนับตั้งแต่ครั้งที่อัปเดต ColorOS 7) ทำให้สามารถใช้ฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ Bubbles, บันทึกวิดีโอหน้าจอ, ปรับปรุงการควบคุมมีเดีย ฯลฯ (สามารถอ่านรีวิว Android 11 เพิ่มได้ที่นี่)
แปลภาษาง่ายๆ ด้วย Gesture แบบใหม่
หนึ่งในฟีเจอร์ยอดนิยมที่มีเฉพาะใน ColorOS อย่างการแคปหน้าจอผ่านการใช้ Gesture 3 นิ้วทำให้สามารถแคปหน้าจอบางส่วน หรือบันทึกรูปแบบยาว ๆ ในการกดแคปครั้งเดียว โดยคราวนี้ก็ได้รับการอัปเกรดเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน ColorOS 11 โดยผู้ใช้งานจะสามารถใช้ 3 นิ้ว เพื่อแคปหน้าจอส่วนที่ต้องการแปล จากนั้นก็กดเลือกภาษาที่ต้องการแปลผ่าน Google Lens ได้เลย ไม่ต้องไม่ต้องสลับแอปไปมาเอง
Dark Mode แบบใหม่
ด้วยความที่ ColorOS11 นั้นต้องการที่จะโฟกัสเรื่องการปรับแต่ง และดีไซน์ของ UI เป็นหลัก ทาง OPPO ก็เลยเพิ่มฟีเจอร์ในการปรับการใช้งาน Dark Mode ได้ละเอียดยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระดับความเข้มของสีดำ ไปจนถึงการปรับวอลเปเปอร์หรือไอคอนให้เหมาะกับหน้าจอต่าง ๆ เมื่อเปิด Dark Mode ก็สามารถทำได้
ปรับแต่ง UI ได้มากขึ้น
อีกจุดเด่นหลัก ๆ ที่ทาง ColorOS 11 ต้องการจะโฟกัสก็คือประสบการณ์ปรับแต่งการใช้งานมือถือ OPPO ให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งานมากที่สุดโดยแบ่งฟีเจอร์การปรับแต่งหลัก ๆ ออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่การตั้งค่า Always-on Display เอง, การสร้างเสียงเรียกเข้า (Ringtone) ของตัวเอง, การสร้างรูปวอลเปเปอร์ ไปจนถึงการปรับแต่งโทนสีหลักในหน้า UI ต่าง ๆ
ผ่อนคลายด้วยเสียงใหม่ ๆ จาก OPPO Relax 2.0
สำหรับใครที่เคยได้ลองใช้ หรือชื่นชอบฟีเจอร์พักผ่อนหย่อนใจน่ารัก ๆ อย่าง OPPO Relax มาก่อน (ฟีเจอร์เล่นเสียงฝนตก, เสียงนก ฯลฯ เน้นฟังแล้วผ่อนคลาย) ก็จะต้องดีใจอย่างแน่นอน เพราะใน ColorOS11 มาพร้อมกับ OPPO Relax 2.0 รุ่นใหม่ ที่เพิ่มฟีเจอร์ Sound of the Cities ที่จะพาเราไปอยู่ในเมืองต่าง ๆ ด้วยเสียง Ambient ของเมืองซึ่งอัดมาจากทั่วโลก
หดหน้าจอแอปให้เป็นจอเล็ก เพื่อใช้งานแอปอื่น ด้วยฟีเจอร์ Flex Drop
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากอย่าง Flex Drop ที่จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถย่อขนาดหน้าต่างแอปพลิเคชันที่กำลังใช้อยู่ให้มีขนาดเล็กลง ทำให้สามารถย้ายตำแหน่งบนจอได้ตามใจเหมือนหน้า Window ในคอมพิวเตอร์ทำให้สามารถใช้งาน 2 แอปไปพร้อม ๆ กันได้บนหน้าจอเดียวกัน
ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น
นอกจากฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นแล้วทาง OPPO ก็ยังเคลมเพิ่มอีกด้วยว่าประสิทธิภาพการใช้งานโดยรวมของอุปกรณ์ที่ติดตั้ง ColorOS 11 นั้นจะดีขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นระบบการจัดการ RAM ที่ดีขึ้นถึง 45% การทำงานตอบสนองไวขึ้นถึง 32% และเฟรมเรทที่คงที่มากขึ้นถึง 17% ทำให้ประสบการณ์ในการใช้งานมือถือ OPPO ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าจะการใช้งานทั่วไป หรือจะเล่นเกมก็ตาม
แยกโปรไฟล์ใช้งานด้วย Private Mode
อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจก็คือ Private Mode ที่จะให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างโปรไฟล์แยกเป็น 2 บัญชีได้ แล้วตัวมือถือจะเปิดโปรไฟล์ที่แตกต่างกันตามลายนิ้วมือที่ตั้งไว้สำหรับการสแกนปลดล็อคเครื่อง เช่นเราสามารถตั้งหน้าโปรไฟล์หลักที่เราใช้บ่อย ๆ ด้วยการปลดล็อคด้วยนิ้วโป้งขวา และหากใช้นิ้วโป้งซ้ายปลดล็อคก็จะเปิดเป็นอีกโปรไฟล์ขึ้นมาแทน ซึ่งโปรไฟล์นี้ก็จะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลจากโปรไฟล์หลักได้ ทำให้สะดวกสบายแถมยังเป็นส่วนตัวมาก ๆ อีกทั้งใครที่ตั้งภาพวอลเปเปอร์เป็นรูปเซลฟี่ตัวเอง หรือเป็นรูปคู่ก็ไม่ต้องอายเลยถ้าสร้างโปรไฟล์แยกไว้ก็สามารถเปิดอีกโปรไฟล์เวลาทำงานได้ ดูมืออาชีพมาก ๆ
นี่ก็ถือว่าเป็นการพัฒนาที่ใหญ่มากของทางมือถือ OPPO ที่ยกเครื่องเปลื่ยนดีไซน์มากขนาดนี้ แถมเรายังได้เห็นฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจเต็มไปหมด…สำหรับใครที่อยากอัปเดตแล้วก็สามารถเช็ครายชื่อมือถือที่รองรับ รออัปเดตได้เลยครับ 😀
OPPO มาไว เตรียมจัดงานเปิดตัว ColorOS 11 ที่เป็น Android 11 สัปดาห์หน้า
เด็ดตรงไหนนิ !?
แต่สำหรับคนใช้ Oppo ก็คงบอกว่าเด็ดแหละ
อยากได้แบบ ลากนิ้ว แปลในตัวเลย ไม่ต้องถ่ายเอง
ถือว่าไม่ได้มีไรแปลกใหม่สำหรับสมัยนี้
ข้ามไป 11 เบย