บริษัท Clicks Technology ได้เปิดตัวเคสแป้นพิมพ์สำหรับ iPhone อันใหม่ที่มาในดีไซน์สไตล์เดียวกันกับมือถือที่หลาย ๆ คนเคยใช้กันอย่าง Blackberry บอกเลยว่าทำเอาหลาย ๆ คนนึกถึงยุค BB ที่ต้องคอยขอพิมพ์ข้อความยุกยิกบนคีย์บอร์ดมือถือ ซึ่งเคสรุ่นนี้ได้วางขายในราคาเริ่มต้น 139 ดอลลาร์หรือราว 4,800 บาท
เคสคีย์บอร์ดนี้เป็นสินค้าของบริษัท Clicks Technology ที่เปิดตัวมาในราคาเริ่มต้นแตะครึ่งหมื่น เป็นเคสสำหรับ iPhone 14 Pro ซึ่งจะเริ่มทำการส่งสินค้าให้แก่ผู้ใช้งานที่สั่งซื้อตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2024 เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังมีเคสของรุ่น 15 Pro และ 15 Pro Max วางจำหน่ายเช่นกัน โดยจะเริ่มจัดส่งในช่วงเดือนถัดไปตามลำดับ ดังนี้
- เคสแป้นพิมพ์ iPhone 14 Pro จัดส่ง 1 ก.พ. 2024 ราคา 139 ดอลลาร์ หรือราว 4,800 บาท
- เคสแป้นพิมพ์ iPhone 15 Pro จัดส่ง กลางเดือน มี.ค. 2024 ไม่ระบุราคา
- เคสแป้นพิมพ์ iPhone 15 Pro Max จัดส่งช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ราคา 159 ดอลลาร์ หรือราว 5,500 บาท
และที่สำคัญเจ้าเคสคีย์บอร์ดได้เตรียมไปโชว์ตัวที่งาน CES 2024 ที่จะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้านี้ด้วย
ตามข้อมูลที่ทาง Click เผยว่าคีย์บอร์ดในเคสนี้จะมีพอร์ต USB-C หรือ พอร์ต Lightning เอาไว้ เวลาใช้งานก็แค่นำมือถือเสียบเข้ากับพอร์ตพร้อมกับใส่เคสไปในตัวพร้อมกันได้เลย ไม่ต้องเชื่อมต่อผ่านบลูทูธใด ๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งยังรอบรับชาร์จไวใน iPhone 15 Pro ด้วย
ส่วนของขนาดเจ้าเคสนี้ดูเหมือนจะใกล้เคียงกับขนาดของรีโมทโทรทัศน์เลย คือแน่นอนว่าจะยาวกว่าตัวเครื่องเราแน่ ๆ และข้างในไม่ได้มีแม่เหล็กเอาไว้ ดังนั้น MagSafe อย่างพวกที่ชาร์จหรือ wallet อาจจะแตะไม่ติด แต่ว่า…สามารถใช้งานชาร์จแบตได้โดยที่ไม่ต้องถอดเคสออกเลยนะ
Clicks ได้กล่าวถึงแอปที่จะวางขายใน Apple Store เร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะมีพวกฟังก์ชันใหม่ ๆ มาให้ได้ลองใช้กัน ส่วนตัวเลือกสี มีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สี bumblebee (สีเหลือง) และ สี London sky (สีเทาอมฟ้า) และลูกค้าคนแรกที่ซื้อเคสดังกล่าวจะได้รับเคส Founders Editions ด้วย
อีกทั้งยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ ที่เหมือนกับคีย์บอร์ดของคอมพิวเตอร์อย่างไฟ backlight ตลอดจน CMD key สำหรับใช้งานคีย์ลัดของคีย์บอร์ด iOS ด้วย…และถึงแม้ว่าตอนนี้ในการใช้งานแป้นพิมพ์บนหน้าจอสัมผัสจะเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไปของผู้ใช้งานมือถือไปแล้ว จนเกือบลืมไปว่าก่อนหน้าที่จะมาใช้แบบนี้ ก็ผ่านการใช้งานแบบแป้นพิมพ์ปุ่มกดมาก่อน ใครอยากย้อนวันวานก็ลองสอยมาใช้หลังวางขายกันเลย
ที่มา : The Verge
Comment