เปิดตัวกันไปเรียบร้อยในงาน IFA 2018 นี้ กับชิปเซท Kirin 980 รุ่นใหม่สุดแรงจากทางฝั่ง Huawei ซึ่งมาพร้อมกับสถาปัตยกรรมที่เล็กที่สุดเพียง 7 นาโนเมตร รุ่นแรกของโลก ใส่หน่วยประมวล AI เข้าไปถึง 2 ตัว และมีโมเด็มที่รองรับ LTE Cat.21 โดยในงานมีการประกาศใช้กับรุ่น Honor Magic 2 ไปเป็นตัวแรก คาดว่าจะได้เห็นใน Huawei Mate รุ่นใหม่ที่เตรียมเปิดตัวในเดือนตุลาคมนี้เช่นกัน

7 นาโนเมตร เล็กลงเพื่อเพิ่มขึ้น

บางคนที่ไม่เคยรู้เกี่ยวกับ CPU มาก่อน อาจจะไม่ทราบว่า CPU จะมีเรื่องของสถาปัตยกรรมในการผลิตซึ่งใครที่สามารถทำขนาดให้เล็กลงได้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งอัดทรานซิสเตอร์ลงไปได้มากขึ้น ซึ่งหมายถึงประสิทธิภาพในการประมวลผลที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วยนั่นเองโดยใน Kirin 980 มีทรานซิสเตอร์ 6.9 พันล้านตัวต่อพื้นที่บรรจุทรานซิสเตอร์ 1 ตารางเซ็นติเมตร สูงกว่าชิปเซ็ตรุ่นก่อนถึง 1.6 เท่า ทำงานได้ดีขึ้นกว่าเดิมถึง 20% โดยมีอัตราการใช้พลังงานที่ต่ำลงถึง 40% เมื่อเทียบกับชิปเซ็ตขนาด 10 นาโนเมตร

“Kirin 980 ยังเป็นชิปเซ็ตรุ่นแรกที่ผลิตที่ใช้เทคโนโลยีการออกแบบแบบ Cortex-A76 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าชิปเซ็ตรุ่นก่อนหน้า 75% และใช้พลังงานน้อยลง 58% และ Kirin 980 เป็นชิป octa-core ที่ประกอบด้วยหน่วยประมวลผลที่ใช้เทคโนโลยี high-performance Cortex-A76 Hi 1 คู่ high-efficiency Cortex-A76 1 คู่ และหน่วยประมวลผลที่ใช้เทคโนโลยี extreme efficiency Cortex-A55 จำนวน 1 คู่ เพื่อประสิทธิภาพการทำงานในระดับสูงสุดซึ่งหัวเว่ยได้พัฒนาระบบย่อยให้กับชิปเซ็ต Kirin โดยใช้เทคโนโลยี Flex-Scheduling ซึ่งสามารถจัดสรรการประมวลผลต่างๆ ให้เหมาะสมกับแต่ละแกนสมอง กล่าวคือการประมวลผลที่ต้องใช้ประสิทธิภาพสูง มีข้อมูลมาก และต้องการความรวดเร็วจะใช้แกนของหน่วยประมวลผลที่มีความเร็วสูง ในขณะที่ส่วนแกนของหน่วยประมวลผลที่มีความเร็วต่ำกว่าจะสงวนไว้ใช้กับการประมวลทั่วไปหรือการประมวลผลที่ไม่ต้องการการตอบสนองอย่างทันท่วงที นอกจากนี้ Kirin 980 ยังมีความเร็ว Clock Speed สูงกว่าชิปเซ็ตรุ่นก่อนหน้า ทำให้สามารถเปิดแอพลิเคชั่นได้เร็วกว่า ทำงาน Multitasking ได้ดีกว่า และมีความไหลลื่นในการใช้งานมากกว่า”

ส่วนเรื่อง GPU ทางหัวเว่ยยังคงเลือกใช้ของทางฝั่ง ARM แต่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด Mali-G76 ที่มีความเร็วในการประมวลผลกราฟฟิกมากขึ้นกว่าเดิมถึง 46% แต่ใช้พลังงานน้อยลง 178%* เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า สามารถเร่งความเร็ว Clock Speed ควบคุมด้วย AI ปรับตามสภาพการใช้งานได้ด้วย และยังใส่เอาโมเด็มที่รองรับ LTE Cat.21 ที่รองรับความเร็วสูงสุดในตลาด 1.4Gbps รองรับการผสานคลื่นความถี่แบบข้ามช่องสัญญาณเข้ามาให้อีกด้วย

*เป็นตัวเลขจากทางหัวเว่ยให้มานะครับ อ่านแล้วจะงงๆหน่อย ว่าลดลงมากกว่า 100% คือเท่าไหร่อย่างไร

สถาปัตยกรรมของ CPU ตัวอื่นๆในตลาด

Snapdragon 845 : 10nm, GPU: Adreno 630, LTE Cat.18 (1.2Gbps)

Exynos 9810 : 10nm, GPU: Mali G72, LTE Cat.18 (1.2Gbps)

พวกตัวที่ใช้ในรุ่นราคาประหยัดๆ จะอยู่ในช่วง 14nm หรือ 28nm ซึ่งจะทำให้ประหยัดไฟก็ได้ แต่ความสามารถในการประมวลผลก็จะลดลง แต่พวกสถาปัตยกรรมใหม่ๆ จะทำให้กินไฟเท่าเดิมแต่แรงขึ้นได้อีกนั่นเอง

Dual NPU + ISP 4th Gen

เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นการใส่หน่วยประมวลผลด้าน AI มาเป็นแพ็กคู่ (Dual NPU) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลในเรื่อง AI ให้เก่งกว่าเดิม สามารถจดจำรูปภาพได้ถึง 4,600 ภาพต่อนาที โดยทางหัวเว่ยเคลมว่าดีกว่าตอน Kirin 970 ถึง 120% เลยทีเดียว รองรับ AI Framework ได้หลากหลาย ได้แก่ Caffee, Tensorflow และ Tensorflow Lite อีกทั้งยังมีเครื่องมือมากมายที่ช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถสร้างสรรค์กระบวนการการใช้ AI ในอุปกรณ์มือถือแบบใหม่ๆ ได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้นด้วย

และเบื้องหลังการถ่ายภาพที่สวยงาม หัวเว่ยก็จะมีเทคโนโลยี ISP (Image Signal Processing) ที่ใน Kirin 980 นี้จะเป็นรุ่นที่ 4 แล้ว ประมวลผลข้อมูลได้ดีกว่าเทคโนโลยีรุ่นก่อนหน้า 46% ช่วยในการประมวลผลภาพ HDR, Noise Cancallation และพัฒนาเพิ่มเติมในเรื่อง Object Tracking สามารถตรวจจับคนช่วยโฟกัสภาพ ซึ่งมีความแม่นยำสูงถึง 97.4% และถ่ายวิดีโอประมวลผลได้ดีและเร็วขึ้น 33%

อ่านแล้วมึน รอเจอของจริงใน Huawei Mate 20

ทั้งหมดที่เขียนมาหลายคนอ่านแล้วอาจจะยังมึน มองไม่เห็นภาพเท่าไหร่ว่าตัวเลขต่างๆนั้นมันช่วยให้มีฟีเจอร์อะไรอย่างไร เอาเป็นว่ารอติดตามชมเมื่อทาง Huawei เปิดตัว Mate รุ่นใหม่ (คาดว่าน่าจะชื่อ Mate 20) ก็น่าจะเข้าใจเห็นภาพกันมากขึ้น รวมถึง P30 ที่จะเปิดตัวในปีหน้าก็น่าจะใช้ Kirin 980 ด้วย ซึ่งคาดว่าในปี 2019 เราก็น่าจะได้เห็น Kirin 980 ตัวนี้ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย ตั้งแต่รุ่นแพงๆ 2-3 หมื่น ลงไปจนถึงต่ำหมื่นเช่นเดียวกับ Kirin 970 อีกเช่นกัน

อ่านต่อข่าว Huawei Mate 20